"ข้าเจอเจ้าแล้วว่าที่ภรรยาตัวน้อย" ผู้ชายที่อยู่ๆก็มายืนขวางหน้าข้ากล่าวขึ้นเสียงดัง
ข้าที่พอได้ยินก็ถึงกับตกใจเงยหน้าขึ้นมองก็เห็นเป็นผู้ชายสวมหมวกคลุมที่มีผ้าปกปิดหน้าตาเนื้อตัวเอาไว้มิดชิด เมื่อตั้งสติได้ข้าก็จับมือน้องทั้งสองจะเดินหนี แต่ชายคนนั้นก็ก้าวมายืนขวางทางไว้ตลอดไม่ว่าจะหลบไปทางใดจนข้าหมดความอดทน
"ขออภัย ท่านช่วยหลีกทางให้พวกข้าด้วย" ข้าเอ่ยขึ้นด้วยเสียงรอดไรฟัน
"ว่าที่ภรรยาเจ้าจะรีบไปไหน เรายังไม่ได้ทำความรู้จักกันเลย" ชายคนนั้นกล่าวขึ้น
"ใครเป็นว่าที่ภรรยาท่านกัน หลีกไป!!" ข้ากล่าวด้วยความโมโห
"อะไรกันเพียงวันเดียวเจ้าก็ลืมว่าที่สามีเสียแล้ว เมื่อวานที่เราชนกันที่ร้านรับฝากอย่างไรล่ะ เจ้าชนโดนข้าก็ต้องรับผิดชอบข้าซิ" ชายหน้ามึนกล่าวขึ้น
"อ่อ เมื่อวานที่ข้าชนท่านก็ขออภัยไปแล้ว และท่านก็บอกเองว่าไม่เป็นไรอยู่ๆวันนี้จะมาเรียกร้องความรับผิดชอบจะไม่แปลกเกินไปหรือไง ถ้าจะมาเรียกร้องเงินทองข้าไม่มีให้ท่านหรอก หลีกทาง!!" ข้ากล่าวเสียงดัง
เสียงของข้าคงดังไม่น้อยตอนนี้ผู้คนที่เดินผ่านต่างก็หยุดมองพวกเราเป็นตาเดียว
"ตอนที่โดนชนข้ายังไม่รู้สึกอะไร แต่พอเดินแยกออกมาอาการถึงเกิดขึ้น และมีของสำคัญเสียหายด้วย ไม่รู้ล่ะอย่างไรเจ้าก็ต้องรับผิดชอบข้า" ชายหน้ามึนยังคงกล่าวต่อ
"ข้าบอกแล้วถ้าท่านจะมาเรียกร้องเงินทองข้าไม่มี หรือถ้าท่านอยากจะเรียกร้องจริงๆก็ไปให้เจ้าหน้าที่ศาลตุลาการตัดสินให้ก็แล้วกัน" ข้ากล่าวตอบด้วยเสียงอันดังหวังข่มขวัญให้ชายหน้ามึนกลัวแล้วจะได้ไปให้พ้นๆซะ
"ข้าขอให้เจ้ารับผิดชอบตัวข้าด้วยการแต่งงาน เจ้าถึงกับต้องไปให้ศาลตุลาการตัดสินเลยงั้นรึ"
"อะไรนะ รับผิดชอบโดยการแต่งงาน ท่านเป็นคนวิกลจริตมีความชื่นชอบเด็กสาวหรือไร ดูก็รู้ว่าข้ายังไม่ปักปิ่นยังคิดให้รับผิดชอบเช่นนี้ขึ้นมาได้"
"ข้าแค่จะให้เจ้ามาหมั้นหมายข้าไว้ก่อนพอเจ้าปักปิ่นก็ค่อยยกขบวนมาแต่งข้าต่างหากเล่า"
ระหว่างที่ข้ากำลังอึ้งกับสิ่งที่ชายประหลาดพูด ก็มีเสียงดังขัดขึ้นมาก่อน
"เกิดอะไรขึ้น" ข้าหันไปมองเห็นเป็นผู้ชายสามคนในชุดเครื่องแบบน่าจะเป็นพวกมือปราบ พวกคนมุงทั้งหลายพอเห็นเจ้าหน้าที่มาก็พากันสลายตัวอย่างรวดเร็ว จนเหลือแค่พวกข้าสี่คนและชายประหลาดคนนั้นยืนอยู่
"ไม่มีอะไรขอรับท่านมือปราบพอดีข้ากำลังปรับความเข้าใจกับว่าที่ภรรยาอยู่แต่นางไม่ยอมรับฟังก็เลยพูดคุยกันเสียงดังไปหน่อย" ชายประหลาดกล่าวตอบ
"ข้าไม่ใช่ว่าที่ภรรยาของเขา ท่านมือปราบให้ความเป็นธรรมด้วยเจ้าค่ะ ชายคนนี้อยู่ๆก็มาให้ข้ารับผิดชอบเรื่องที่เดินชน แล้วยังมากล่าวอ้างหาว่าข้าเป็นว่าที่ภรรยาของเขาทั้งๆที่ข้าไม่ได้รู้จักเขาเลย" ข้าเอ่ยขึ้นด้วยความโมโห
"เอาละงั้นพวกเจ้าตามข้าไปที่ศาลตุลาการก่อนแล้วกัน" มือปราบกล่าวและเดินนำพวกข้าให้เดินตามไป
ข้าจึงจับมือสองแฝดแล้วพาเดินตามมือปราบไป โดยมีชายประหลาดเดินนำคู่ไปกับมือปราบทั้งสามคน เมื่อมาถึงมือปราบก็พาพวกข้าไปที่ห้องๆหนึ่งซึ่งมีเจ้าหน้าที่นั่งอยู่สองคนด้วยกัน
"ท่านรองหัวหน้าเหตุทะเลาะวิวาทขอรับ" หนึ่งในมือปราบรายงาน
"ให้คนที่ทะเลาะกันเข้ามา คนอื่นให้นั่งรอด้านนอก" คนที่นั่งหัวโต๊ะเอ่ยขึ้นคนนี้น่าจะเป็นรองหัวหน้า
ข้าจึงให้ลุงเฉินพาสองแฝดไปนั่งรอก่อน ข้าหันไปมองสองแฝดที่ทำท่าจะร้องไห้จึงเข้าไปกอดปลอบทั้งสองบอกว่าไม่มีอะไรไม่ต้องร้อง เมื่อจัดการปลอบทั้งสองแฝดเรียบร้อยแล้ว ข้าจึงตามเข้าไปในห้องซึ่งชายประหลาดคนนั้นก็นั่งลงรอเรียบร้อยแล้ว
"เอาละเจ้าถอดหมวกออกแล้วขอป้ายประจำตัวของทั้งสองคนด้วย" ท่านรองหัวหน้าเอ่ยขึ้น
ตอนแรกข้าคิดว่าขายคนนั้นจะไม่ยอมถอดหมวก แต่พอเจ้าหน้าที่พูดจบก็ทำการถอดหมวกออกทันที
เมื่อข้าได้เห็นใบหน้าของชายประหลาดแล้วก็ต้องตกตะลึง ใบหน้าหล่อเหลาคมคาย ดวงตาคม คิ้วเข้ม จมูกโด่ง ริมฝีปากบางสีชมพูอ่อน ผิวพรรณขาวผ่อง ชุดที่สวมใส่ก็เป็นเนื้อผ้าอย่างดี ซึ่งผ้าที่ใช้ตัดชุดของพวกข้าก็ตกพับละร้อยตำลึงทองแล้ว แต่ของผู้ชายคนนี้ดูแล้วน่าจะดีกว่าของข้าอีกด้วย
เมื่อถอดหมวกและยื่นป้ายประจำตัวให้เจ้าหน้าที่แล้ว ชายคนนั้นก็หันมามองที่ข้า พร้อมกับส่งยิ้มที่มันช่างไม่ดีต่อหัวใจมาให้ ข้าที่รู้สึกว่าหน้าตนเองร้อนผ่าวเหมือนโดนแดด จึงตั้งสติแล้วรีบหันหน้าหนีและหยิบป้ายประจำตัวของตนเองยื่นให้เจ้าหน้าที่
"อืมตกลงใครจะเป็นคนเล่าให้ข้าฟัง" เจ้าหน้าที่เอ่ยถาม
ข้ายังไม่ทันเอ่ยปากชายคนนั้นก็เอ่ยขึ้นมาก่อนว่า เมื่อวานข้าเดินชนเขาที่ร้านรับฝากแต่ตอนนั้นตนต้องรีบไปจัดการธุระเลยไม่ทันได้ตรวจสอบว่าบาดเจ็บตรงไหนหรือมีอะไรเสียหายหรือไม่
แต่พอเดินแยกออกมาก็เกิดรู้สึกผิดปกติบริเวณที่ถูกชนสำรวจดูจึงพบว่าหยกประจำตระกูลที่เป็นของสำคัญเกิดความเสียหาย ตนจึงออกตามหาพอวันนี้ได้เจอจึงจะขอเรียกร้องให้ข้ารับผิดชอบ
"เจ้า..เอ่อท่านต้องการให้คุณหนูหลิวรับผิดชอบอย่างไร" รองหัวหน้ามือปราบเอ่ยถาม
"ในเมื่อนางทำของสำคัญของตระกูลที่สำหรับใช้เป็นของหมั้นหมายเสียหาย ข้าก็แค่ต้องการให้นางรับหมั้นจากข้า และพอปักปิ่นก็ให้นางแต่งงานเข้าตระกูลเท่านั้นขอรับ" ชายคนนั้นเอ่ยด้วยท่าทางแน่วแน่
"ถ้าข้าทำของๆท่านเสียหายข้าก็ยินดีชดใช้ แต่การต้องชดใช้ด้วยการแต่งงานข้าไม่ยินยอม" ข้าเอ่ยขัดขึ้น คนไม่รู้จักกันอีกทั้งพึ่งจะเคยเจอกันจะให้มาหมั้นหมายแต่งงานกันมันเป็นไปไม่ได้หรอก
"เออนั้นสิคุณชายท่านให้คุณหนูหลิวชดใช้เป็นหยกอันใหม่แทนดีหรือไม่" ท่านรองหัวหน้าช่วยเจรจา
"ถ้ามันเป็นหยกธรรมดาข้าก็คงไม่ต้องทำเช่นนี้หรอกขอรับ แต่นี้เป็นหยกหมื่นปีของตระกูลข้าท่านรองหัวหน้าคิดว่าจะมีหยกก้อนไหนมีอายุถึงหมื่นปีเพื่อมาสลักคืนได้ละขอรับ" ชายคนนั้นเอ่ยขึ้นด้วยท่าทางจริงจัง
"หยกหมื่นปี? ตระกูลซาน? แคว้นหวง?" เจ้าหน้าที่กล่าวพึมพำออกมาขณะที่ก้มลงมองป้ายประจำตัวของชายผู้นั้น
"ใช่ขอรับ เป็นป้ายหยกที่ทำมาจากหยกหมื่นปีที่นี้ท่านเข้าใจถึงความสำคัญแล้วใช่หรือไม่" ชายคนนั้นพูดขึ้น
"เอาล่ะคุณหนูหลิวเห็นทีท่านคงจะปฎิเสธความรับผิดชอบนี้ไม่ได้แล้วล่ะ" ท่านรองหัวหน้าพูดด้วยท่าทางหมดหนทาง
"แต่ข้าจะแต่งงานกับคนที่ไม่รู้จักได้อย่างไร อีกอย่างข้าพึ่งจะอายุ 14 ยังไม่ปักปิ่นเลยนะเจ้าคะ" ข้ากล่าวขึ้นด้วยเสียงสั่น
"ข้าก็ไม่ได้จะแต่งกับเจ้าตอนนี้สักหน่อย ข้าจะขอหมั้นหมายเอาไว้ก่อน เจ้าปักปิ่นแล้วเราค่อยมาคุยกันอีกครั้งก็ได้" ชายคนนั้นเอ่ยขึ้น
"คุณหนูหลิวข้าไม่ได้อยากจะบังคับอันใดท่านหรอกนะ แต่ถ้ามีวิธีอื่นข้าก็ยินดีที่จะช่วยเหลือท่านแน่นอน" ท่านรองหัวหน้ามือปราบกล่าวด้วยสีหน้าเห็นใจ
"เจ้าไม่ต่องห่วงข้าจะช่วยดูแลเจ้าและน้องๆเจ้าเป็นอย่างดี" ชายคนนั้นเอ่ยบอกด้วยสายตามุ่งมั่น
ข้าที่ยังคงมึนงงกับเรื่องที่เกิดขึ้นอยู่ๆข้าก็มีคู่หมั้นที่ไม่รู้ว่าเป็นใครมาจากไหน ข้าไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่าเดินออกมาจากห้องนั้นได้อย่างไร เมื่อรู้สึกตัวตอนนี้ก็มานั่งอยู่ในเหลาอาหารแล้ว
ข้าหันมองรอบๆเจอลุงเฉินกับสองแฝดที่กำลังคุยกันอย่างสนุกสนานกับชายหน้าตาหล่อเหลาคนหนึ่ง ข้าได้ยินสองแฝดเรียกชายคนนั้นว่าพี่เขย?
"หยุดก่อนน้องเล็ก น้องรอง เจ้าเรียกชายคนนี้ว่าอะไรนะ" ข้าหยุดการพูดคุยของทั้งสามทันที
"พี่เขยไงขอรับพี่ใหญ่ ท่านพ่อกับท่านแม่เป็นคนหมั้นหมายท่านไว้ให้ ตอนนี้พี่เขยก็เลยมาหาท่านไงขอรับ" น้องเล็กเป็นคนตอบ
"พี่ใหญ่ขอเวลาสักครู่ ท่านตามข้าออกมาข้างนอกที" ข้าเอ่ยกับน้องเล็ก แล้วลุกขึ้นยืนเรียกชายหน้ามึนคนนั้นให้ตามออกมา
เมื่อออกมาด้านหน้าห้องข้ามองหาสถานที่ที่พอจะพูดคุยกันได้ ชายคนนั้นก็คงคิดเช่นเดียวกันจึงบอกให้ข้าตามเข้ามาในห้องว่างห้องหนึ่ง
เมื่อเข้ามาข้าจึงเดินไปยืนตรงหน้าต่างของห้อง เผื่อเกิดอะไรขึ้นข้าจะได้ตะโกนเรียกคนช่วยได้
"เอาล่ะ ท่านเป็นใครต้องการอะไรกันแน่ถึงกับอ้างเรื่องท่านพ่อท่านแม่ของพวกข้าขึ้นมา" ข้าเอ่ยด้วยน้ำเสียงไม่พอใจอย่างที่สุด
"ข้าไม่ได้อ้างถ้าเจ้าคือลูกสาวของนายท่านหลิวอันชงกับฮูหยินกุ้ยอิงอิง ข้าก็รู้จักพ่อกับแม่ของเจ้าจริงๆและทั้งสองยังเคยเอ่ยปากจะยกบุตรสาวคนเดียวให้ข้าด้วย เพียงแต่ตอนนั้นข้าไม่ได้รับปากแต่ตอนนี้ข้ารับปากแล้วให้ทั้งสองคนไม่ต้องเป็นห่วงพวกเจ้าอีก" ชายคนนั้นกล่าว
"ท่านรู้ว่าทั้งสองคน.." ข้าฟังแล้วก็ตกใจที่เขารู้จักพ่อกับแม่ของร่างนี้และยังรู้อีกว่าพวกเขาไม่อยู่แล้ว
"ใช่ข้ารู้ นายท่านหลิวติดต่อให้ข้าช่วยคุ้มกันสินค้ามาได้สามปีแล้ว และก่อนที่ทั้งสองจะขึ้นเรือท่องเที่ยวพวกเรายังได้พูดคุยกัน แต่ข้ามีธุระที่ต้องไปทำจึงไม่ได้ร่วมขึ้นเรือไปด้วย แต่พอรู้ข่าวข้าก็ให้คนไปจัดการนำร่างของทั้งสองขึ้นมาจนลุงเฉินรู้ข่าวกลับมาจัดการพิธีให้เรียบร้อยและเดินทางไปจัดการเรื่องที่เมืองหลวง ส่วนข้าก็คุ้มกันข้าวของมาไว้ที่ร้านรับฝากที่เมืองหนิงเซียนนี่ให้เอง" ชายคนนั้นกล่าวขึ้น
"ก่อนพ่อกับแม่ของเจ้าจะขึ้นเรือยังได้ฝากให้ข้าช่วยดูแลพวกเจ้าพี่น้องที่จะย้ายมาอยู่ที่นี่เลย แล้วยังเปรยๆเรื่องที่ว่าจะยกเจ้าให้ข้าอีกด้วย เพียงแต่ตอนนั้นเรือจะออกแล้วทั้งสองจึงรีบไปขึ้นเรือส่วนข้าก็มีธุระที่ต้องทำต่อจึงแยกย้ายกัน
ส่วนเรื่องที่ข้าให้เจ้ารับผิดชอบก็เป็นเรื่องจริง ตอนที่เจ้าชนข้าอยู่ๆหัวใจของข้าก็เต้นแรงมาก ข้าตกใจจึงรีบขอตัวออกมา แต่พอหัวใจสงบลงแล้วถึงได้เห็นว่าหยกที่ข้าพกไว้ติดตัวเกิดความเสียหายขึ้น นี่อย่างไร" ชายคนนั้นเล่าให้ข้าฟังจบ ก็หยิบของสิ่งหนึ่งออกมาจากตรงอกเสื้อ
ที่ข้าเห็นเป็นป้ายหยกสีเขียวเข้มแต่มีความใสมากจนมองเห็นอีกฝั่งได้เลย ป้ายหยกเป็นทรงกลมแต่พอขยับก็แยกออกเป็นสองชิ้น ชิ้นใหญ่ด้านนอกสลักคำว่าเฟยและมีมังกรพันไว้รอบวงส่วนชิ้นเล็กด้านในสลักคำว่าหลงเอาไว้
"นี่อย่างไรล่ะของชิ้นนี้ เดิมทีมันเป็นหยกชิ้นเดียวแต่ตอนนี้มันแยกออกจากกันเป็นสองชิ้น ซึ่งแต่เดิมสิ่งนี้ข้าต้องใช้เป็นของแทนตัวสำหรับหมั้นหมายกับคนที่ข้าจะแต่งงานด้วย แต่ในเมื่อเจ้าทำมันแยกกันเช่นนี้ ข้าคงต้องได้แต่ให้เจ้ารับผิดชอบมันแล้ว" ชายคนนั้นพูดจบก็เอาหยกชิ้นเล็กที่มีคำว่าหลงมาผูกไว้ที่สายคาดเอวของข้า และส่งอีกชิ้นมาให้ข้าผูกที่เอวของอีกฝ่าย
ข้าที่พอได้ฟังเรื่องราวทุกอย่างก็ยังคงสับสนอยู่ไม่น้อย แต่ก็รับหยกชิ้นนั้นมาและทำการผูกที่สายคาดเอวของอีกฝ่าย โดยไม่ทันได้เห็นรอยยิ้มเจ้าเล่ห์และวงแหวนที่เกิดขึ้นล้อมเราทั้งคู่อยู่ชั่วพริบตาหนึ่ง
"เอาล่ะถือว่าตอนนี้เราหมั้นหมายกันเรียบร้อยแล้ว เจ้าอยากให้ข้าเรียกว่าอะไรดี เสี่ยวจิว หรือเมิ่งเอ๋อร์ดีล่ะ" ข้าเงยหน้ามองคนพูดที่กำลังส่งยิ้มเต็มหน้ามาให้
พอเห็นรอยยิ้มนั้นแล้วข้ารู้สึกถึงหัวใจที่มันเต้นแรงขึ้นจนกลัวว่ามันจะทะลุออกมา แล้วยังใบหน้าของข้าที่รู้สึกว่ามันร้อนมากอยู่ตอนนี้ ข้าได้แต่ตกใจจนต้องยกมือขึ้นมาวางตรงหัวใจตนเองเอาไว้
พอสงบจิตสงบใจลงได้แล้วข้าก็ลุกขึ้นแล้วเดินกลับไปที่ห้องอาหารที่ลุงเฉินและสองแฝดรออยู่ทันที