“เดี๋ยวพอแจ้งความเสร็จ ผมจะพาคุณไปที่ทำงานของผม คุณเป็นคนที่มีความรู้รอบตัวอยู่บ้างแล้วนี่ ไม่อย่างนั้นคุณคงจะไม่ออกตามหาพ่อมาจนถึงที่ฝรั่งเศสคนเดียวนี่ได้หรอก และผมมั่นใจว่าถ้าคุณได้ไปเห็นบริษัทที่ทำงานของผม คุณจะต้องร้องอ๋อแน่นอน”
“คุณคิดว่าฉันจะรู้จักบริษัทของคุณเหรอคะ”
“ใช่” ชายหนุ่มตอบอย่างมั่นใจ เพราะไม่มีใครที่ไม่รู้จักมาร์ติเนซกรุ๊ป บริษัทผลิตเครื่องสำอางใหญ่ยักษ์ที่มีชื่อเสียงมากที่สุดในปารีสหรือในฝรั่งเศส
“แต่ว่าฉันไม่ค่อยรู้อะไรเกี่ยวกับปารีสสักเท่าไหร่หรอก”
“เดี๋ยวคุณก็จะรู้ แต่ว่าวันนี้ผมคงต้องพาคุณไปทำธุระหลายอย่างนะ ว่าแต่คุณอยากจะไปทำธุระอะไรที่ไหนก่อนหรือเปล่าล่ะ”
“ฉันอยากไปเอาเสื้อผ้าที่อพาร์ทเม้นท์ที่ฉันไปเช่า ได้หรือเปล่า”
“ถ้าจะไปเอาเสื้อผ้าไม่ต้องหรอก ผมจะพาคุณไปเลือกซื้อที่ห้างเอง”
“แต่ว่ามันจะทำให้ฉันเป็นหนี้คุณเพิ่มขึ้นนะคะ ฉันคงไม่มีปัญญามาใช้หนี้คุณได้ทั้งหมดหรอกค่ะ แค่กับข้าวที่ฉันกินที่บ้านคุณมื้อเดียว ฉันยังคิดเลยว่าจะทำงานชดใช้ให้คุณกี่เดือนถึงจะหมด”
ชายหนุ่มหัวเราะเบาๆ รู้สึกว่าหล่อนจะดูเป็นกังวลไปเสียหมดทุกเรื่องเลย นี่ถ้าหล่อนรู้ว่าเขาจะพาเธอไปเป็นนางแบบโฆษณา อลิชชาคงจะโวยวายบ้านแตกแน่ เพราะท่าทางของหล่อนดูไม่มีความมั่นใจในตัวเองเลยสักนิด
สงสัยเขาคงต้องฝึกว่าที่นางแบบโฆษณาคนนี้ด้วยตนเองเป็นพิเศษเสียแล้วล่ะมั้ง ว่าแต่เขาจะหาวิธีปั้นดินก้อนนี้ให้เป็นดาวได้ยังไงนะ จึงจะทำให้หล่อนกลายเป็นดวงดาวที่เจิดจรัสในช่วงเวลาเพียงไม่กี่คืนต่อจากนี้ไป คงต้องฝึกภาคปฏิบัติเยอะๆ สินะ ดาวดวงนี้ถึงจะเปล่งแสงออกมาได้ แล้วเอริคก็นึกไปถึงอเล็กซานดร้าขึ้นมา และกำลังนึกไปถึงผู้ใหญ่ที่แสนใจดีอีกคน ดวงตามันวับของเขาก็เต็มไปด้วยความหวังเรืองรองขึ้นมา
“คราวนี้เธอได้เกิดแน่ อริส”
เอริคพาอลิชชาไปพบญาติผู้ใหญ่คนหนึ่ง ชื่อ ฟรังค์เดย์ ฌาร์เรวูร์ เจ้าของห้างสรรพสินค้าดังที่ใหญ่ที่สุดในปารีส
“สวัสดีครับคุณลุง”
“สวัสดีเอริค แล้วสาวน้อยคนนี้เป็นใครหรือ” สายตาของผู้สูงวัยทอดมองไปยังใบหน้าอ่อนเยาว์น่าเอ็นดูนั้นอย่างพิศวง ไม่รู้ว่าเจ้าหล่อนเป็นอะไรกับเอริคลูกชายของเพื่อนรักของเขา
“เธอกำลังจะมาเป็นนางแบบโฆษณาให้กับผมครับ ชื่อ อริส ครับ อริสนี่คุณลุงฟรังค์เดย์ เป็นเพื่อนรักของพ่อผม”
อลิชชาค้อมศีรษะให้ผู้อาวุโสยิ้มๆ และยื่นมือออกไปสัมผัสตามธรรมเนียมตะวันตก ทั้งที่ในใจยังอึ้งกับการกล่าวแนะนำสถานะของเธอต่อชายสูงวัยคนนี้จากปากของเอริค โดยที่เธอยังไม่ได้ตกลงอะไรกับเขาเลยสักคำ แต่เพื่อไม่ให้เสียมารยาท อลิชชาจึงต้องปล่อยเลยตามเลย
“ยินดีที่ได้รู้จักจ้ะหนูอริส เรียกฉันว่าคุณลุงเหมือนที่เอริคเรียกฉันก็ได้นะ” น้ำเสียงของชราดูอ่อนโยนจนอลิชชารู้สึกได้
“ยินดีเช่นกันค่ะ คุณลุง”
“เอ่อ คุณลุงครับ ผมมีเรื่องอยากจะรบกวน ขอเราสองคนเข้าไปคุยกันข้างในบ้านหน่อยนะครับ”
“โอ๊ะ ได้สิ เชิญๆ เลยไอ้เสือ”
สาเหตุที่ต้องเรียกเอริคว่าไอ้เสือ เพราะฟรังค์เดย์รู้ดีว่า เอริคเป็นเสือผู้หญิง ที่ใครๆ ก็ต่างขนานนามเขาว่า ‘เสือร้ายคาสโนวาแห่งปารีส’ เพราะชายหนุ่มควงสาวสวยไม่เคยซ้ำหน้าในแต่ละเดือน และคบผู้หญิงก็ไม่เคยเกินสามเดือนก็เปลี่ยนคู่ควงคนใหม่ไปเรื่อย และสำหรับแม่หนูน้อยคนนี้ฟรังค์เดย์ก็คิดว่า เอริคคงจะคบได้ไม่เกินสามเดือนเช่นกัน
“คือผม อยากให้คุณลุงรับอริสเป็นลูกสาวบุญธรรมได้มั้ยครับ ให้เธอได้ใช้นามสกุลร่วมด้วย จนกว่างานของผมจะเสร็จสิ้นลง ได้มั้ยครับคุณลุง”
ผู้มากวัยกว่าอมยิ้มอ่อนโยน ก่อนตอบว่า “ถ้ามันเป็นความต้องการของหลานชาย ฉันก็ยินดีนะ เพราะฉันไม่มีลูกสาว มีแต่ลูกชายซึ่งไม่ค่อยจะกลับมาอยู่บ้านเท่าไหร่เลย หากได้แม่หนูคนนี้มาอยู่ร่วมบ้านด้วย ฉันก็คงคลายเหงาไปได้เยอะ”
“เอ่อ แล้วปีเตอร์ไปเที่ยวยังไม่กลับเหรอครับ”
ปีเตอร์ หรือชื่อเต็มๆ คือจูปีเตอร์ เคยเป็นเพื่อนเล่นกับเขามาก่อน แต่เพราะจูปีเตอร์เพิ่งจะอกหักจากคนรัก เขาก็เลยไม่ค่อยจะอยู่ติดบ้านเหมือนอย่างเคย หลายเดือนที่ผ่านมาชายหนุ่มเอาแต่ท่องเที่ยวไปทั่วเพื่อให้ลืมคนรัก และนี่ก็ห้าเดือนแล้วที่จูปีเตอร์ก็ยังไม่ยอมกลับมาที่ปารีส
“ยังเลยเอริค ฉันโทรไปหาเขาทีไรเขาก็บอกว่าเดี๋ยวจะกลับๆ อยู่นั่นแหละ จนถึงวันนี้ฉันก็ยังไม่เห็นเขาโผล่หน้ากลับมาเลย” น้ำเสียงของชายชราฟังดูเหงาๆ เล็กน้อย จนคนฟังรู้สึกได้
“เขาคงยังทำใจเรื่องที่เขาอกหักไม่ได้มั้งครับ เอาเป็นว่าเรื่องของอริส ผมขอบคุณคุณลุงมากเลยนะครับ ผมจำเป็นจริงๆ” เอริคกล่าวอย่างเกรงใจ
“ไม่เป็นไรหรอกไอ้หลานชาย เธอเป็นลูกชายของเพื่อนรักของฉันก็เหมือนกับเป็นลูกชายของฉันด้วย ถ้าช่วยเหลืออะไรกันได้ฉันก็ยินดีช่วยเหลือเต็มที่” สายตาของผู้อาวุโสเต็มไปด้วยความเมตตา จนอลิชชาพลอยรู้สึกอบอุ่นหัวใจไปด้วย
“ขอบคุณมากครับ ถ้าอย่างนั้น เดี๋ยวผมขอตัวพาอริสไปแจ้งความกระเป๋าสตางค์หาย เพราะถูกพวกอันธพาลมันฉกชิงไปก่อนนะครับ”
“อ้าว กระเป๋าสตางค์หายเหรอหนูอริส” ฟรังค์เดย์หันมาสาวน้อยด้วยความเห็นใจ
“ใช่ค่ะ เอกสารสำคัญของหนูก็หายไปด้วย ตอนนี้หนูเลยเหมือนคนเถื่อนเลยค่ะ” อลิชชากล่าวเศร้าๆ
“ไม่เป็นไร ถ้าให้หลานชายของฉันจัดการ อีกไม่นานก็คงหาเจอ เขาเส้นสายเยอะ ไม่ต้องกังวลไปหรอก”
“ค่ะ” สาวน้อยก้มหน้า แต่เธอก็ยังไม่เชื่อมั่นหหรอกว่าเอริคจะยอมช่วยเธอจริงๆ หรือเปล่า แล้วถ้าช่วยได้จริง เขาจะขออะไรเป็นสิ่งตอบแทน เพราะขนาดค่าอาหารที่เขาให้เธอรับประทานมื้อที่ผ่านมา เขายังคิดทวงบุญคุณแบบปัจจุบันทันด่วนเลย
“ผมไปก่อนนะครับ”
“ตามสบายนะ ว่างๆ ก็พาแม่หนูอริสมาเที่ยวที่บ้านหลังนี้บ้างละ ฉันยินดีต้อนรับเธอเสมอนะ แม่เทพธิดาตัวน้อย” เพราะเห็นว่าอลิชชาตัวเล็กบอบบางมาก เมื่อเทียบกับร่างสูงใหญ่ของผู้ชายทั้งสองคน จึงทำให้ฟรังค์เดย์เรียกเธอว่า เทพธิดาตัวน้อย เพราะเธอดูน่ารักสมชื่อจริงๆ อลิชชายิ้มบางๆ ไปให้ผู้สูงวัยที่ดูท่าทางใจดี เมื่อเขากล่าวมาถึงเธอ
“ขอบคุณมากค่ะท่าน” ร่างบางค้อมศีรษะลงเล็กน้อย ก่อนที่จะหมุนตัวเดินตามเอริคไปขึ้นรถ
ตอนนี้อลิชชายังมองไม่ออกเลยว่าเอริคเป็นคนดีหรือว่าคนไม่ดี แต่ ณ เวลานี้เธอคงต้องเสี่ยงไว้ใจเขาไปสักพัก เพราะยังไม่มีทางไปหรือทางเลือกอื่นที่ดีกว่านี้