อลิชชายืนคิดครู่หนึ่งก่อนตอบว่า “คือว่าฉัน กลัวว่า...กลัวว่าตนเองอาจจะเป็นอันตรายจาก...จากพวกผู้ชายเอ่อ...ที่คิดไม่ดีน่ะค่ะ ฉันก็เลยต้องแต่งตัวแบบนั้น” หญิงสาวบอกเสียงกระท่อนกระแท่น เพราะเริ่มรู้สึกว่าตอนนี้ตนเองเหมือนไม่ค่อยจะปลอดภัยแล้วเหมือนกัน
“แล้วคุณคิดว่า การที่คุณอำพรางตัวเองแบบนั้น จะมีใครอยากจะยื่นมือเข้าไปช่วยเหลือคุณหรือเปล่า ท่าทางอย่างกับคนจรจัด สารรูปดูไม่ได้ บางคนอาจจะคิดว่าคุณนั่นแหละที่เป็นโจรเป็นคนเถื่อนลอบเข้าเมืองเสียเอง”
ที่เขาพูดมามันก็ถูก แต่เธอก็รอดจากภัยผู้ชายที่ไม่ดีมาได้จนถึงตอนนี้ไม่ใช่เหรอ และอาจจะไม่รอดก็เพราะว่าเขาเห็นตัวจริงของเธอตอนนี้แหละ
หญิงสาวไม่กล้าเถียงอะไรเขาอีก ได้แต่เงียบและเงยมองใบหน้าคมเข้มนั้นเป็นบางครั้ง แต่สุดท้ายก็ก้มหน้างุดเหมือนเดิม
“คุณรู้มั้ยว่า อาหารที่คุณทานเข้าไปเมื่อครู่ คิดเป็นราคาประมาณเท่าไหร่” จู่ๆ เอริคก็นึกอยากจะทวงบุญคุณหล่อนขึ้นมา เพราะเขากำลังจะเจรจาให้เธอไปเป็นนางแบบโฆษณาให้กับน้ำหอมสูตรใหม่ให้กับเขา
“ฉันพอจะทราบค่ะ”
เอริคหัวเราะในลำคอเบาๆ แสดงว่าอลิชชาคงพอจะมีความรู้รอบตัวบ้างสินะ แต่ว่าภาษาที่เธอใช้มันฟังเปล่งๆ พิกล แม้ว่าใบหน้าของเธอจะออกมาทางฝรั่งเศสเล็กน้อยก็ตาม
“คุณเป็นลูกครึ่งอะไรกับอะไร” เพราะเอริคพอจะมองออกว่า สาวน้อยคนนี้ไม่ใช่ชาวฝรั่งเศสร้อยเปอร์เซ็นต์เหมือนเขาแน่นอน ชายหนุ่มจึงได้ถามแบบนั้น
“เป็นลูกครึ่งไทย-ฝรั่งเศสค่ะ”
“เยี่ยมมาก ผมมีงานให้คุณทำ เพื่อแลกกับค่าอาหารและที่ค่าพักสำหรับคุณหนึ่งเดือน”
อลิชชาทำหน้าสงสัยระคนดีใจ คิ้วเรียววิ่งมาชนกันแทบจะทันที ทำงานอย่างนั้นหรือ งานอะไร เขามีงานอะไรให้เธอทำ
“เอ่อ ไม่ทราบว่ามีงานอะไรให้ฉันทำเหรอคะ” เสียงถามที่ไม่ค่อยจะมั่นคงนัก บ่งบอกว่าเธอกำลังกลัวว่างานที่เขาจะให้ทำ อาจจะเป็นงานที่เธอทำไม่ได้
“งานง่ายๆ ได้เงินเยอะ คุณทำได้สบายๆ อยู่แล้ว” เขาตอบยิ้มๆ พลางมองร่างเพรียวระหงตั้งแต่เส้นผมจรดปลายเท้าด้วยความพึงพอใจ
อลิชชารู้สึกร้อนๆ หนาวๆ ขึ้นมาทันที เพราะไม่รู้ว่างานที่เขาจะให้เธอทำมันคืองานอะไร สาวใช้ แม่บ้าน หรือว่างานอื่นที่เธอไม่อยากจะคิดถึง
“เดี๋ยวออกไปข้างนอกกับผมก่อน ผมจะเปลี่ยนประวัติของคุณให้หมด ก่อนที่เราจะร่วมงานกัน” พูดจบ มือหนาก็ฉุดข้อมือเล็กให้ออกเดินตามเขาไปขึ้นรถยนต์คันหรูทันที
“เดี๋ยวๆ เดี๋ยวสิคุณ ฉันยังไม่ได้ตกลงทำงานให้กับคุณเลยนะ”
“คุณไม่มีสิทธิ์ปฏิเสธ เพราะตอนนี้คุณเป็นหนี้บุญคุณผมอยู่” เขาหันมาบอกก่อนจะยัดร่างของเธอเข้าไปในรถ และตามมาด้วยร่างหนาของเขาในฝั่งคนขับ ก่อนที่จะสตาร์ตรถขับออกไปข้างนอกอย่างรวดเร็ว
“นี่ คุณไม่มีสิทธิ์มาทำกับฉันแบบนี้นะ ฉันยังไม่รู้เลยว่าคุณจะให้ฉันทำงานอะไร แล้วคุณจะพาฉันไปเปลี่ยนประวัติไม่ได้นะ ถ้าเปลี่ยนประวัติแล้ว ถ้าพ่อมาเจอฉันแล้วพ่อจะจำฉันได้ยังไง แล้วพ่อจะเชื่อเหรอว่าฉันเป็นลูกสาวของเขา” อลิชชาเริ่มโวยวายเสียงดัง แต่มันก็ทำให้คิ้วเข้มดั่งปีกกาขมวดเข้าหากัน แล้วหันหน้ามามองทางหญิงสาวแวบหนึ่ง
“เดี๋ยว ที่คุณพูดมาเมื่อกี้ ผมไม่เข้าใจ ลองเรียบเรียงประโยคพูดให้ผมฟังใหม่อีกทีซิ”
อลิชชาคิดว่าไหนๆ ก็ไหนๆ แล้ว บอกความจริงให้เขารู้เรื่องไปเลยดีกว่า เผื่อว่าเขาจะได้ไม่ต้องพาเธอไปเปลี่ยนประวัติให้มันมีเรื่องยุ่งยากตามมาในภายหลัง อีกอย่างเธอก็ไม่รู้ว่าทำไมเขาจะต้องไปเปลี่ยนประวัติของเธอด้วย หรือว่างานที่เขาจะให้เธอทำมันผิดกฎหมายหรืออย่างไร
“ที่ฉันมาที่นี่ก็เพื่อออกมาตามหาพ่อ”
เอริคอึ้งไปเมื่อได้ฟังคำตอบจากปากจิ้มลิ้มนั่น
“คุณตามพ่อมานานหรือยัง”
“ก็เป็นเดือนแล้ว แต่ก็ยังไร้วี่แววค่ะ” น้ำเสียงนั้น ดูเศร้าลงจนคนข้างๆ รู้สึกใจอ่อนยวบและเห็นใจหล่อนขึ้นมาทันที
“แล้วคุณมีหลักฐานอะไรเกี่ยวกับพ่อของคุณบ้างล่ะ เผื่อว่าถ้าคุณมาทำงานให้กับผม แล้วผมอาจจะช่วยคุณออกตามหาพ่อของคุณให้อีกแรง”
แววตาของสาวน้อยมีประกายแห่งความหวังขึ้นมาทันทีเมื่อชายหนุ่มพูดจบ มีความรู้สึกอยากจะทำงานขึ้นมาทันที แม้ว่าจะยังไม่รู้ว่างานนั้นคืออะไร ขอเพียงได้ตามหาพ่อของเธอจนเจอ ในชีวิตนี้ก็ไม่ต้องการอะไรอีกแล้ว
“ฉันมีรูปของคุณพ่อ” แต่น้ำเสียงที่ตื่นเต้นก็ต้องมีอันเงียบลง เมื่อนึกได้ว่าเอกสารทุกอย่างทั้งของเธอและของพ่อเธอ อยู่ในกระเป๋าที่ถูกไอ้โจรห้าร้อยนั่นมันฉกชิงไป คิดแล้วก็เจ็บใจนัก เอริคมองสีหน้าที่เปลี่ยนสีไปของหญิงสาวก็พอจะเข้าใจ
“รูปของพ่อคุณอยู่ในกระเป๋าใบนั้นใช่มั้ย ไม่เป็นไรนะ เอางี้เดี๋ยวผมจะพาคุณไปแจ้งความก่อน ว่ากระเป๋าสตางค์หาย คุณไม่ต้องกลัวหรอกถนนเกือบทุกเส้นมีกล้องวงจรปิด เราต้องหาตัวไอ้โจรชั่วนั่นได้แน่นอน แต่คุณต้องทำงานกับผมรอไปก่อนนะ รอจนกว่าทางตำรวจจะตามหากระเป๋าของคุณเจอ แล้วผมจะช่วยคุณตามหาพ่อของคุณเอง”
“จริงๆ นะคะ คุณจะช่วยฉันตามหาพ่อจริงๆ นะ” ร่างบางเขย่าแขนของชายหนุ่มอย่างลืมตัว
“จริงสิ ผมจะโกหกคุณทำไมล่ะ”
“ขอบคุณมากค่ะ แต่ว่างานอะไรเหรอที่คุณจะให้ฉันทำ แม่บ้านหรือว่าสาวใช้”