ร่างบางเดินไปที่หน้าต่าง มองออกไปข้างนอกยามค่ำคืน ข้างนอกตอนนี้อากาศคงจะหนาวมาก หญิงสาวไม่รู้ว่าตนเองโชคดีหรือโชคร้ายที่มาเจอผู้ชายอย่างเอริค นั่นคงเพราะเธอไม่รู้ว่าเขาคือคาสโนวาหมายเลขหนึ่งของปารีสนั่นเอง ถ้าเธอรู้คงรู้สึกหวาดผวามากกว่านี้แน่
ก๊อกๆ !
เสียงเคาะประตูที่ดังขึ้น ทำให้หญิงสาวลังเลใจว่าควรจะเปิดประตูดีมั้ย แต่ห้องนอนของเธอใช่ว่าจะมีกลอนประตูมือด้านในเสียเมื่อไหร่ หากเจ้าของบ้านหรือคนใช้จะไขกุญแจเข้ามาเมื่อไหร่ก็ย่อมได้ ดังนั้นจึงเปล่าประโยชน์ถ้าเธอคิดจะขังตัวเองเอาไว้ในห้องเพื่อให้ปลอดภัยจากเจ้าของบ้านหนุ่ม
ร่างบางกระชับเสื้อคลุมแนบอก แล้วค่อยๆ ก้าวไปยังประตูห้องนอนช้าๆ มือเล็กบิดลูกบิดประตูเบาๆ คล้ายกลัวว่ามันจะพัง พลางมองไปยังร่างสูงใหญ่ที่ยืนอยู่ตรงหน้าประตู อลิชชาเผลอสูดกลิ่นหอมอ่อนๆ ของสบู่และกลิ่นน้ำหอมแนวสปอร์ตเข้าไปเต็ม เธอรู้สึกว่ากลิ่นหอมจากร่างกายของเขามันช่างยั่วยวนความรู้สึกของเธอเหลือเกิน
สายตาคมปลาบมองร่างโปร่งอรชรในชุดนอนซาตินสีหวานเนื้อบาง ด้วยความรู้สึกบางอย่างที่กำลังก่อตัวขึ้น เอริคไม่คิดเลยว่านางแมวสาวขี้เหร่ข้างถนน จะกลายมาเป็นนางแมวแสนสวาทในค่ำคืนนี้ ผิวของหล่อนช่างขาวนวลผ่องไร้ที่ติ ใบหน้าแม้จะไม่สวยคมบาดตา แต่ทว่าดวงตาสวยซึ้งคู่นั้นกับหวานบาดใจ ริมฝีปากจิ้มลิ้มอิ่มเล็ก ช่างน่าลิ้มลอง แก้มสีขาวอมชมพูทั้งสองข้างก็น่าสัมผัสลูบไล้ยิ่งนัก
บางอย่างที่เติบโตในร่างกายส่วนกลางของชายหนุ่มกำลังบอกเขาให้รู้ว่า สาวน้อยรูปร่างเย้ายวนตรงหน้า มีเสน่ห์เหลือร้ายจริงๆ สายตาแสนประหม่าคู่นั้นที่กำลังจ้องมองเขาอย่างหวาดหวั่น มันยิ่งกระตุ้นให้ชายหนุ่มอยากเดินเข้าไปใกล้ อยากรวบร่างบอบบางแต่ได้สัดส่วนนั้นเข้ามากอดแนบอก แต่พรานหนุ่มก็กลัวว่าแมวน้อยของเขาจะตื่นกลัวเสียก่อน จึงได้แค่เดินเข้ามาในห้อง โดยมีเอกสารฉบับหนึ่งติดมือเข้ามาด้วย
“อริส”
“คะ” อลิชชามองเอกสารในมือของเขาก็พอจะรู้ว่ามันคงเป็นสัญญาจ้างแน่นอน เพราะเมื่อตอนกลางวันเอริคบอกเธอว่า เธอจะต้องเซ็นสัญญาจ้างกับเขาเป็นเวลาหนึ่งปีเต็ม
“นี่คือสัญญาจ้างระหว่างเราสองคน เอาไปอ่านดูสิ”
มือเรียวเอื้อมไปหยิบสัญญาสองฉบับนั้นมาไว้ในมือ และเปิดออกอ่านประมาณสามนาทีก็จบ ในสัญญาระบุแค่ว่า เธอจะต้องทำงานให้เขาในตำแหน่งพรีเซ็นเตอร์พ่วงกับตำแหน่งเลขาส่วนตัวให้กับเขาเป็นเวลาหนึ่งปี หากผิดสัญญา เธอจะต้องหาเงินมาใช้หนี้เขาเป็นจำนวนเงินห้าหมื่นยูโร หรือประมาณสองล้านหนึ่งแสนห้าหมื่นบาทไทย
“ทำไมฉันถึงได้เป็นหนี้คุณเยอะแยะขนาดนี้ล่ะคะ” หญิงสาวสงสัย มองชายหนุ่มด้วยสีหน้าเป็นกังวลอย่างเห็นได้ชัด
“ที่จริงคุณเป็นหนี้ผมแค่ห้าพันยูโรเท่านั้นแหละ แต่ถ้าคุณผิดสัญญา คุณต้องใช้หนี้ผมเป็นสิบเท่าของหนี้เดิม แต่ผมว่าเวลาแค่หนึ่งปี คุณคงไม่คิดจะผิดสัญญากับผมหรอกนะ”
“แล้วถ้าหากฉันสามารถหาเงินมาใช้หนี้คุณ ห้าพันยูโรตอนนี้ล่ะ ฉันยังจะต้องทำงานให้กับคุณอยู่หรือเปล่า”
เอริคหัวเราะเสียงดัง มองหน้าผู้หญิงตรงหน้าด้วยประกายตาเย้ยหยันเล็กน้อย หน้าอย่างหล่อนน่ะเหรอ จะมีปัญญาไปสมัครงานที่ไหนได้ง่ายๆ เอกสารที่แสดงความเป็นตัวตนของตนเองสักใบก็ไม่มี ทุกคนก็ต้องคิดว่าหล่อนเป็นคนเถื่อนแอบลอบเข้าเมืองมาน่ะสิไม่ว่า
“คุณคิดเหรอว่าคุณจะมีปัญญาหาเงินมาใช้หนี้ผมได้ภายในหนึ่งปี ที่จริงวันนี้ผมหมดเงินกับคุณไปตั้งเยอะเลยนะ คุณไม่คิดมั่งเหรอว่าวันนี้ผมหมดกับคุณไปตั้งเท่าไหร่แล้ว ฮึ...สาวน้อย”
“แต่ว่าฉันไม่ได้ร้องขอให้คุณทำอะไรให้ฉันเลยนะ”
“แน่ใจเหรอว่าคุณไม่เรียกร้องอะไร ไหนลองพูดใหม่อีกทีซิ แล้วลองคิดดูให้ดี ว่าคุณไม่ได้ร้องขออะไรผมเลยแม้แต่อย่างเดียวจริงหรือเปล่า แล้วคิดดูอีกทีว่า ตอนนี้คุณมีที่ไปเหรอ เอกสารสำคัญของคุณอยู่ที่ไหนล่ะ ออกไปไหนใครๆ ก็ต้องคิดว่าคุณเป็นคนเถื่อนแอบลอบเข้าเมืองมา คิดดูให้ดีนะอริส”
มันก็จริงอย่างที่เขาพูด เธอเถียงเขาไม่ได้สักอย่างเลยพอเจอไม้นี้ของเขาเข้า ผู้ชายคนนี้ฉลาดมาก เขารู้ทันเธอทุกอย่าง อลิชชาจึงตัดสินใจเดินไปเปิดกระเป๋าที่เขานั่นแหละเป็นคนซื้อให้ หยิบปากออกมาเพื่อเซ็นชื่อด้านล่างทั้งสองฉบับ และยื่นฉบับหนึ่งให้เขา เอริคยื่นมือออกมารับเอกสารไปดูลายเซ็นของเธออย่างพอใจ ในที่สุดทุกอย่างก็เป็นไปตามที่เขาต้องการ แต่คืนนี้มันยังไม่จบแค่นี้
ร่างสูงใหญ่วางเอกสารสัญญาในมือลงบนหัวเตียง เอานาฬิกาปลุกทับเอาไว้ ก่อนที่จะมองหน้าสวยหวานนั้นอีกครั้ง เขายิ้มหวานให้หล่อน เดินเข้ามาหาหล่อนช้าๆ อลิชชาค่อยๆ ถอยหลังร่นไปจนชิดขอบเตียงและสะดุดล้มนั่งลงบนที่นอนเพราะเสียหลัก
“นี่คุณ ฉันเซ็นสัญญาให้คุณแล้ว คุณก็ออกไปจากห้องของฉันสิ ฉันอยากจะนอนพักผ่อนแล้ว” ร่างบางก้มหน้าก้มตาพูด และหลบหลีกใบหน้าคมสากระคายนั้นไปมาอย่างหวาดหวั่นมากขึ้น เมื่อเขาเข้าประชิดตัว จนแทบจะหายใจรินรดพวงแก้มของเธออยู่แล้ว
“แต่นี่มันเป็นบ้านของผมนะครับ” เขาตอบยียวน จนอลิชชาเริ่มหน้าแดงก่ำมากขึ้น ไม่รู้ว่าเพราะโกรธหรือเพราะว่าประหม่าขัดเขินกันแน่ แต่ที่แน่ๆ เธอกำลังไม่พอใจเขาที่เขาทำเหมือนคนใจแคบ หาทางต้อนเธอให้จนมุม จนเธอแทบไม่มีหนทางสู้
“ถึงที่นี่จะเป็นบ้านของคุณ คุณก็ควรจะให้เกียรติฉันบ้างนะคะ ฉันมีเลือดไทยครึ่งหนึ่ง ที่ยังคงรักนวลสงวนตัว ไม่ใช่ผู้หญิงไร้ค่าที่คุณคิดอยากจะทำอะไรก็ทำได้ ฉันไม่ได้เป็นอะไรกับคุณเชิงชู้สาว ฉันเป็นเพียงแค่ลูกจ้างจนๆ คนหนึ่ง ที่พลัดถิ่นมาพึ่งคุณ คุณจะไม่คิดสงสารฉันเลยหรือคะ คุณชายเอริค”