หลังจากวันนั้นเธอก็ยังคงจัดช่อดอกไม้ส่งในนามแกรนด์ดยุคเบอริฮานทุกวันเป็นปกติ เวโรนิก้าถือดอกไม้ไปส่งที่โรงละครโอเปร่า
"สวัสดีค่ะเลดี้มาเรีย ข้ามาจากร้านเพนนีค่ะ มาส่งดอกไม้ให้เลดี้แทนท่านแกรนด์ดยุคเบอริฮาน"
เป็นธรรมดาของสตรีที่ได้รับดอกไม้ สตรีทุกคนจะแสดงท่าทางดีใจอย่างเห็นได้ชัดพร้อมกับกล่าวขอบคุณ สตรีบางคนที่มีฐานะก็จะให้ทิปเธอนิดหน่อยเป็นการแสดงความขอบคุณ
ตอนนี้ร้านดอกไม้ของเธอขายดีมากทีเดียว และเวโรนิก้าคืดว่าเธอควรจะต้องจ้างคนส่งดอกไม้
"ขอบคุณมากนะ เจ้าช่วยข้าได้มากจริงๆเลยเบล!"
"ขอบคุณอะไรกัน ข้าซะอีกที่ต้องขอบคุณเจ้า เจ้าเป็นคนจ้างข้านะ"
สุดท้ายก็ได้เบลมาช่วย เบลทำงานเป็นบาร์ซึ่งทำงานเป็นกะ เวลางานของเบลคือสามทุ่มถึงหกโมงเช้า เบลจะนอนจะถึงบ่ายโมงหลังจากนั้นจะมาส่งดอกไม้ให้เวโรนีก้า
ที่เบลต้องทำงานหนักก็เพราะน้องชายที่กำลังป่วย นางต้องใช้เงินจำนวนมากในการจ่ายค่าหมอและยา
ชีวิตของแต่ละคนก็มีปัญหาแตกต่างกันไป อยู่ที่เราจะแก้ไขปัญหาพวกนั้นได้ยังไง
"เจ้าได้ยินข่าวลือรึยัง เรื่องท่านหญิงเมอลินกับภาพวาดเปลือยกาย"
"ได้ยินแล้ว ข้าเชื่อว่าจะต้องมีคนใส่ร้ายท่านหญิงแน่นอน!!"
"เจ้าควรจะไปหานางนะ ข้าคิดว่าในตอนนี้นางกำลังเจ็บปวดและต้องการกำลังใจ"
เวโรนิก้าส่ายหน้าเบาๆ
"จากที่ข้าได้พูดคุยกับท่านหญิงมา นางมิใช่คนที่อ่อนแอ นางจะรู้สึกแย่หากว่าข้าเข้าไปปลอบนาง ข้าเชื่อเหลือเกินว่านางจะผ่านเรื่องนี้ไปได้ ด้วยหัวใจที่เข้มแข็งของนาง"
"เป็นสตรีนี่ไม่ง่ายเลยจริงๆนะ ยิ่งสูงศักดิ์มากก็ยิ่งเจ็บปวด.."
เวโรนิก้าส่งช่อดอกไฮเดรนเยียให้เบล
"ส่งที่คฤหาสน์ลามัวร์ "
"ค่ะ เจ้านาย!"
เพราะว่าความสุขของคนเราไม่เท่ากัน ความสุขของเธอคือการได้อยู่เช่นนี้ ได้จัดดอกไม้ที่งดงามเป็นของแทนใจให้ผู้รับและผู้ส่ง
"กริ๊ง กริ๊ง!!"
เสียงสั่นกระดิ่งดังขึ้นมา
"มาแล้วค่ะ ร้านดอกไม้เพนนี้ยินดีต้อนรับ"
เวโรนิก้าส่งยิ้มให้กับลูกค้าที่กำลังเดินเข้ามา
อ่า ตาเธอเกือบจะบอด!! เพราะความเจิดจ้าและหล่อเหลาของเขา
"ข้ามาสั่งดอกไม้ไปไหว้หลุมศพท่านแม่น่ะครับ ขอดอกกุหลาบสีแดงช่อเล็กๆ"
"ได้ค่ะ เชิญท่านชายนั่งรอก่อนนะคะ"
เธอเดินยกถาดน้ำชาไปวาง พร้อมกับรินน้ำชาให้เขา
"อาจจะต้องใช้เวลาสักครู่ หวังว่าท่านชายจะไม่ด่วน"
"...ครับ ไม่ด่วนเลย"
เจ้าของร้านงดงามเช่นนี้ให้เขารอทั้งวันยังได้ เอ็ดวินยกแก้วน้ำชาขึ้นมาดื่ม เขาหลับตาลงเพื่อสูดกลิ่นหอมจากดอกไม้ภายในร้าน ร้านนี้ตกแต่งได้สวยงามมากทีเดียว ราวกับว่าสวนดอกไม้ถูกยกมาวางที่นี่ มีดอกไม้มากมายหลายชนิดให้เลือกสรร แถมยังมีโซฟาและเก้าอี้มากมายสำหรับนั่งรอ มีชั้นหนังสือ น้ำชาและขนมของว่าง ที่บ่งบอกว่าเจ้าของร้านใส่ใจกับลูกค้ามากแค่ไหน
เพราะการจัดดอกไม้ต้องใช้เวลาสักพัก เธอพยายามอย่างยิ่งที่จะทำให้ลูกค้าไม่รู้สึกเบื่อหน่ายกับการรอคอย
"เสร็จแล้วค่ะ.."
เธอส่งช่อดอกกุหลาบสีแดงให้เขาพร้อมกับช่อดอกกุหลาบสีขาวอีกหนึ่งช่อ
"ข้าจำได้ว่าข้าสั่งไปช่อเดียว"
"ทราบแล้วค่ะ ดอกกุหลาบสีขาวนี้คือของข้าเอง ใบหน้าของท่านชายเปี่ยมไปด้วยความสุขเมื่อท่านกล่าวถึงท่านแม่ผู้ล่วงลับหากจะให้ข้าเดา นางคงจะเป็นสตรีที่งดงามมากทีเดียว มีคำกล่าวในนิทานว่าดอกกุหลาบสีขาวจะช่วยส่งดวงวิญญาณผู้ล่วงลับให้ไปสู่สุคติ ข้าขอฝากดอกกุหลาบสีขาวนี่ไปให้ท่านแม่ผู้งดงามของท่านด้วยนะคะ"
เอ็ดวินหัวเราะเบาๆ
"สงสัยข้าจะต้องมาที่ร้านดอกไม้นี้บ่อยๆซะแล้ว"
เวโรนิก้ายกยิ้ม
"ร้านดอกไม้เพนนียินดีต้อนรับค่ะ หวังว่าคราวหน้าข้าได้จัดดอกไม้ที่เป็นตัวแทนความรักของท่านชายบ้างนะคะ"
"ข้าเองก็คาดหวังเอาไว้เช่นนั้น..."
เอ็ดวินกล่าวพร้ิมกับส่งเหรียญทองให้กับเวโรนิก้า
"ขอบคุณครับ มิสเพนนี..."
แสงแดดยามสายสาดส่องมาที่เขา ทำเอาดวงตาของเธอมันพร่ามัวไปหมด ความหล่อเหลาที่เกินกว่าจะบรรยายนี่ มันตราตรึงใจเธอมากทีเดียว ใบหน้าที่โดดเด่นของเขาทำให้เวโรนิก้าตกอยู่ในภวังค์แห่งความหลงใหล
เบลเลิกคิ้วมองสหายที่ยืนอยู่หน้าร้านดอกไม้ สายตาของนางเหม่อมองไปยังทางเดินเข้าตลาด
"เวโรนิก้า!! นี่เจ้ามายืนเรียกลูกค้าหน้าร้านเลยงั้นรึ?"
เวโรนิก้าสะดุ้งกับคำกล่าวทักทายของเบล ให้ตายเถอะที่จมูกของเธอยังได้กลิ่นหอมอ่อนๆของน้ำหอมเขาอยู่เลย
"วันนี้มาเร็วนี่"
"วันนี้วันหยุดของข้า ก็เลยมาช่วยเจ้าไวหน่อย!"
เธอส่งยิ้มให้เบล พร้อมกับเดินเข้าไปด้านในร้าน
"ท่านไฮลักซ์บ่นว่าคิดถึงเจ้านะ หากว่าว่างๆก็ไปหาท่านบ้างสิ"
ท่านไฮลักซ์คือเจ้าของบาร์ ที่เธอไปดูแลสวนและตัดดอกไม้มาขาย เขาคือชายชราที่ใจดีมากทีเดียว ดูเป็นคนดีมากกว่าที่จะเป็นเจ้าของสถานที่โสมมเช่นนั้น
ทุกคนรู้จักบาร์ดี ที่นั่นคือแหล่งมั่วสุมของชนชั้นสูง พวกเขานัดพบและทำเรื่องน่าละอายกันที่นั่น ชนชั้นสูงพวกนั้นก็เพียงแค่โชคดีที่เกิดในตระกูลที่ร่ำรวย จึงไม่ต้องทำงาน กินเที่ยวเล่นไปวันๆ พวกเขาก็เลยไม่รู้คุณค่าของเงินว่ามันหามาได้ยากลำบากแค่ไหน!
"มีจดหมายมาน่ะ ข้าเห็นมันอยู่ในกล่องจดหมาย"
เวโรนิก้ามองจดหมายในมือของเบลราวสิบฉบับ เธอถอนหายใจก่อนจะยื่นมือไปรับมาอ่าน จดหมายจากจาเมล
หรือว่าควรจะเอาไปเผาทิ้งดีนะ เธอมิได้อยู่ในตระกลูแล้ว เหตุใดยังต้องมาสนใจและรับผิดชอบเรื่องราวในตระกูลอีก
ทำเช่นนั้นอาจจะสบายใจกว่า...แต่ว่า เธอทำไม่ได้
เวโรนิก้าเปิดจดหมายออกมาอ่าน มันคือลายมือของวินเนอร์พี่ชายคนโต
เวโรนิก้า ตอนนี้ท่านพ่อล้มป่วยลง พี่อยากให้เจ้ากลับมาที่คฤหาสน์เพื่อดูใจท่านพ่อเป็นครั้งสุดท้าย เรามีแผนว่าจะขายเรือสำเภาและคฤหาสน์จาเมล พี่อยากให้น้องกลับมาพูดคุยกันว่าจะทำเช่นไรต่อไป...
"อย่าบอกนะว่าจะไป ขอร้องล่ะเวโรนิก้า ครอบครัวของเจ้ามีเพียงพี่วีเท่านั้นที่เป็นคนดี พี่ชายคนโตของเจ้า เจ้าเล่ห์จะตายไป..."
"ถึงเขาจะเป็นคนไม่ดีแต่ข้าคิดว่าเขาคงจะไม่เอาเรื่องท่านพ่อมาหลอกข้าหรอก นี่อาจจะเป็นครั้งสุดท้ายที่ข้าจะได้พบหน้าท่านพ่อ"
"อ่า..ให้ตายเถอะ!!"
เวโรนิก้าขึ้นรถม้ารับจ้างมาที่จาเมลอีกครั้ง คฤหาสน์ที่ใหญ่โตและงดงามนี้มีเพียงแค่เปลือกเท่านั้น เธอถอนหายใจก่อนจะเดินเข้าไปด้านใน
"มาแล้ว คุณหนูกลับมาแล้ว ทุกคนกำลังรออยู่เลยค่ะ!"
เธอพยักหน้าให้สาวใช้ก่อนจะเดินเข้าไปด้านใน ท่านพ่อ และพี่ชายทั้งสองคนกำลังนั่งอยู่ที่ห้องรับรอง มีบุรุษผู้หนึ่งนั่งอยู่ที่โซฟาตัวยาว เขามองมาที่เธอพร้อมกับส่งยิ้มมาให้
รอยยิ้มที่น่าขนหัวลุก แกรนด์ดยุคกาเลน เบอริฮาน
"นี่มันเรื่องอะไรกันคะ ในจดหมายกล่าวว่าท่านพ่อป่วย?"
ชายชราหลบตาของลูกสาวที่กล่าวถามออกมา วินเนอร์เองก็ก้มหน้าลง ส่วนวีมองมาที่เธอด้วยสายตาเจ็บปวด
"ในเมื่อท่านพ่อสบายดี เช่นนั้นข้าก็จะขอกลับก่อน!!"
"กลับไปสิ..."
เวโรนิก้าชะงักเพราะเสียงที่กล่าวมานั้นมันเป็นเสียงของกาเลน เขาลุกขึ้นพร้อมกับยกแก้วบรั่นดีขึ้นมาดื่ม
"หากเจ้าเดินออกมาคฤหาสน์จาเมลไป คนของข้าจะเริ่มฆ่าพวกเขาทีละคน..."
"ท่านแกรนด์ดยุค ท่านตั้งใจจะทำอะไร?"
"พวกเขากู้เงินจากเบอริฮานมาสามสิบล้านเหรียญ และตอนนี้ข้าไม่ได้ดอกเบี้ยมาหลายเดือนแล้ว เรือสำเภาพวกนั้นพร้อมกับท่าเรือจะขายได้อย่างมากก็แค่ห้าล้าน ส่วนคฤหาสน์แห่งนี้ราคาไม่เกินสิบล้านเหรียญ ยังขาดอีกสิบห้าล้านเหรียญ บวกดอกเบี้ยอีกสามล้าน..."
เวโรนิก้ากำมือแน่น เธอมองไปที่ท่านพ่อและพี่ชายด้วยดวงตาที่รื้นไปด้วยน้ำตา
"ฆ่าพวกเขาเลยค่ะ ข้ามิใช่จาเมลอีกต่อไปแล้ว ในเมื่อพวกเขาไปกู้เงินมาเองโดยที่ข้าไม่รู้ ลายเซ็นเป็นชื่อใครก็จัดการกับคนนั้นเลย ข้าไม่เกี่ยวและไม่คิดจะเกี่ยวข้องด้วยแล้ว!!!"
"เห็นแก่ตัวที่สุด!! เจ้ากล้าพูดเช่นนี้ออกมาได้อย่างไร!! ข้าเลี้ยงเจ้ามาอย่างดีนะเวโรนิก้า!!"
ท่านพ่อลุกขึ้นพร้อมกับชี้หน้าด่าเธอ เหตุใดตอนนี้ทำมาเป็นเข้มแข็งล่ะ เหตุใดตอนทำถึงไม่คิด แล้วทำไมเธอจะต้องถูกดึงไปสู่ความเจ็บปวดของครอบครัวซ้ำแล้วซ้ำเล่า
ทำไมมันจะต้องมีปัญหาตลอดเลยวะ!!! ครอบครัวมันเลวร้ายขนาดนี้เลยเหรอ?
ทำไมเธอไม่ไปเกิดเป็นสามัญชนธรรมดาๆที่พ่อแม่เขารักและเป็นห่วงลูก อาจจะลำบากกว่านี้ก็ได้เธอยินดีแค่เธอไม่ต้องมาพบเจอพ่อที่เป็นเช่นนี้
"ข้าคิดว่าเราอาจจะต้องคุยกันเวโรนิก้า แบบเป็นการส่วนตัวเพื่อหาทางออกเกี่ยวกับเรื่องนี้"
กาเลนกล่าวพร้อมกับยักคิ้วให้เธอ