ความรู้สึกดีๆ

2781 Words
        มธุรดาฝึกได้ระยะหนึ่งเธอก็เริ่มเหนื่อย “หยุดพักก่อนมั้ยครับ” เมฆินทร์ถามด้วยความเป็นห่วง “ไม่เป็นไรค่ะ ฉันยังไหว” มธุรดาบอกออกไปทั้งๆ ที่แขนก็เริ่มล้า จนเธอต่อยพลาด “ว้ายยย!” เธอเสียการทรงตัวจะล้ม แต่ด้วยความไว เมฆินทร์ก็ขยับขาเอื้อมมือไปคว้าเอวเธอไว้ทันทีเลยทำให้ทั้งคู่ล้มลงไปบนพื้นเบาะพร้อมกัน “ตุ๊บ!..อุ๊ย!” มธุรดาอุทานออกมาเพราะว่าเมฆินทร์ล้มทับลงบนตัวเธอและริมฝีปากเขายังจุ๊บแก้มเธออีก (จากแก้มนุ่มๆเขาก็ขยับปากของเขาไปยังปากอิ่มของเธอ) “จ่าคะ..จ่าเมฆ!” เธอพยายามดันตัวเขาออกเมื่อเห็นเขานิ่งงันไม่ขยับ “เอ่อ..ขอโทษครับ” เมฆินทร์สะบัดหัวไล่ความคิดนั้นออกแล้วยันตัวลุกขึ้นพร้อมกับพยุงเธอขึ้นมา ต่างคนต่างเกร็งทำอะไรไม่ถูก “คุณไหมไปนั่งพักก่อนดีกว่าครับ เดี๋ยวผมจะไปหยิบน้ำมาให้” เขาเดินเลี่ยงไปหยิบน้ำ(แก้มนิ๊มนิ่มห๊อมหอม) เขาเดินไปก็อมยิ้มไป       ทั้งคู่ต่อยมวยฝึกซ้อมกันจนถึง 6โมงเย็น มธุรดาก็ขอตัวกลับบ้าน เมฆินทร์จึงเดินไปส่งเธอที่ลานจอดรถ แต่ไม่รู้ว่าเจ้ากรรมหรือรถเป็นใจ รถของเธอสตาร์ทไม่ติดอีกแล้ววว “มีตังค์! เป็นอะไรอีกเนี่ย! ทำไมช่วงนี้งอแงบ่อยจัง” เธอบ่น “ผมว่าคณไหมต้องเอารถเข้าอู่ให้ช่างเช็กจริงๆจังๆอย่างละเอียดดูนะครับ” “จะเข้าอู่ที่ไหนละคะ พรุ่งนี้ก็มีงานอีก” มธุรดารู้สึกเซ็ง “ถ้าคุณไหมไว้ใจ..ผมจะจัดการให้ครับ มีอู่ที่ผมรู้จักอยู่ที่หนึ่ง เขามีรถให้ขับระหว่างรอซ่อมด้วยครับ” “เหรอคะ อย่างนั้นฉันต้องรบกวนจ่าจัดการให้หน่อยนะคะ” “ได้เลยครับ..แล้วคุณไหมจะให้ผมเรียกแท็กซี่ให้มั้ย แต่ถ้าคุณไม่รังเกียจให้ผมไปส่งก็ได้นะครับ” เมฆินทร์หยั่งเชิงถาม “เอ่อ..” เธอนิ่งคิดอยู่ครู่หนึ่ง “ถ้าคุณไหมไม่สะดวกนั่งซ้อนมอเตอร์ไซค์ เดี๋ยวผมออกไปเรียกแท็กซี่ให้ก็ได้ครับ” เขาไม่อยากทำให้เธอลำบากใจ “ไม่ใช่อย่างนั้นค่ะ แต่ฉันกำลังคิดว่าจะแวะทานอะไรที่ไหนดีต่างหาก คือฉันหิวมากเลยล่ะค่ะ เสียเหงื่อไปเยอะ” “ถ้าคุณไหมไม่รังเกียจ วันนี้ผมขอเป็นคนเลี้ยงมื้อเย็นเองนะครับ” “ค่ะ ได้ค่ะ แต่ฉันกินจุนะ” มธุรดาอมยิ้ม “คุณไหมตัวเล็กนิดเดียว กินเยอะๆก็ดีแล้วครับ”       เมฆินทร์ไปขี่รถมอเตอร์ไซค์ออกมารับมธุรดาที่ยืนรออยู่ เธอขึ้นนั่งซ้อนท้ายรถมอเตอร์ไซค์อย่างเก้ๆ กังๆ มือก็ไม่รู้ว่าจะวางจะจับตรงไหนดี “เกาะเอวผมไว้ก็ได้ครับ”       ทีแรกมธุรดาก็วางมือบนขาของตัวเองแต่พอเมฆินทร์ออกรถ รถกระตุกๆก่อนจะขับออกไป เธอก็ต้องยกมือขึ้นเกาะเอวเขาโดยอัตโนมัติ เมฆินนทร์แอบยิ้มกรุ้มกริ่มดีใจ เขาเลือกแวะร้านก๋วยเตี๋ยวธรรมดาๆ ริมฟุตบาทเพื่อจะสังเกตอะไรบางอย่าง... “ร้านแบบนี้คุณไหมพอจะทานได้มั้ยครับ” “ทำไมจะทานไม่ได้ละคะ น่าอร่อยออก อีกอย่างก็ดูสะอาดสะอ้านด้วย” ว่าแล้วเธอก็ลงจากรถเดินนำเขาไปนั่งที่โต๊ะมุมหนึ่ง        ขณะนั่งทานก๋วยเตี๋ยวเมฆินทร์ก็สังเกตกิริยาท่าทางเธอตลอด พลางก็คิดในใจ..(น่ารัก..กินง่ายอยู่ง่ายไม่เรื่องมากแบบนี้แหล่ะที่เหมาะจะเป็นภรรยาของเขา เป็นแม่ของลูก) “ชื่อของคุณไหมแปลกดีนะครับ..“มธุรดา” แปลว่าอะไรเหรอครับ” เขาชวนเธอคุย “มธุรดา แปลว่า..ความหวานความมีเสน่ห์ เป็นคนจิตใจดีค่ะ แต่ฉันออกจะแก่นๆ และซุ่มซ่ามมากไปหน่อย” เธอตอบเขาแล้วยิ้ม “จ่าละคะ ฉันยังไม่รู้ชื่อจริงของจ่าเลย” “ผมชื่อ เมฆินทร์ ก็คือเมฆ นั่นแหละครับ.. “เมฆไหม” ก็เหมาะสมกันดีนะครับ” ช่วงท้ายเขาพูดเบาๆ “อะไรนะคะ?” “เอ่อ..คืนนี้เมฆดูสวยดีนะครับ” เขาตอบเลี่ยงไป       ทั้งคู่ทานเสร็จแล้วเมฆินทร์ก็ขี่รถไปส่งมธุรดาที่บ้านตามเส้นทางที่เธอบอก(ทั้งที่จริงๆแล้วเขาจำเส้นทางนี้ได้อย่างแม่นยำเพราะว่าเขาตามมาส่งเธอเกือบทุกวัน) จนเขาขี่มาจอดหน้าบ้านของเธอ “ขอบคุณมากนะคะ จ่าช่วยฉันไว้ครั้งแล้วครั้งเล่า” “ไม่เป็นไรครับ ผมเต็มใจ” ต่างคนต่างยิ้มให้กัน..มธุรดาเดินเข้าบ้านอย่างรู้สึกดี เมฆินทร์ก็ขี่รถกลับบ้านอย่างมีความสุขรู้สึกดีมากเช่นกัน       เมฆินทร์กลับถึงบ้านก็โทรศัพท์หาณรงค์ลูกน้องคนสนิททันที “รงค์..ฉันมีเรื่องจะรบกวนนายหน่อย พรุ่งนี้เช้า..นายไปเอารถลากไปลากรถยนต์คุณไหมที่ค่ายมวยไปส่งที่อู่ให้ฉันหน่อยนะ บอกที่อู่ให้เช็กอย่างละเอียดเลยนะ ไม่ต้องรีบ” “ได้ครับพี่” “ขอบใจมาก พรุ่งนี้ฉันจะแวะเข้าสน.ตอนบ่าย ถ้ามีอะไรด่วนก็โทรรายงานด้วยก็แล้วกัน” “ครับ” เมฆินทร์วางสายแล้วอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าเข้านอน กว่าเขาจะหลับก็นึกถึงแต่ภาพรอยยิ้มของมธุรดาอยู่เต็มไปหมด         เช้าวันนี้..เมฆินทร์ก็ขับรถมารับมธุรดาที่บ้าน “ผมเอารถมาให้คุณไหมใช้ระหว่างรถเข้าอู่น่ะครับ” “เอ่อ..รถคันนี้น่ะเหรอคะ” มธุรดามองรถคันหรูอย่างไม่ค่อยมั่นใจ “ใช่ครับ” “เอ่อ..ท่าทางรถนี่ทั้งแพงทั้งดูดีกว่ารถของฉันซะอีก” เธอสงสัย “อ๋อ! อู่ซ่อมรถรู้จักกับเจ้านายของผมน่ะครับ” “อย่างนั้นเหรอคะ ฉันเกรงใจน่ะค่ะ” “ไม่ต้องเกรงใจหรอกครับ ไปกันเถอะเดี๋ยวจะสาย วันนี้ผมขออนุญาตอาสาเป็นคนขับรถให้คุณไหมนะครับ” เมฆินทร์บ่ายเบี่ยงไปเรื่องอื่น เพราะเขาเอารถของตัวเองมาให้เธอใช้ “นี่จ่าพูดจริงๆ หรือว่าพูดเล่นคะ” “ผมพูดจริงๆ คุณไหมจะอนุญาตหรือเปล่าล่ะครับ” “วันนี้จ่าไม่ไปทำงานเหรอคะ” “พอดีว่าผมเข้าเวรตอนบ่ายน่ะครับ ตอนเช้าผมว่าง” “ถ้าอย่างนั้นก็โอเคค่ะ เราไปกันเถอะ” มธุรดาบอกจุดหมายปลายทางให้เขารู้ วันนี้เธอมีนัดกับแฟนคลับมาทำบุญไหว้พระให้อาหารนกปล่อยปลา ธีมในวันนี้เธอนัดแนะกับแฟนคลับให้ใส่ชุดเอี๊ยม เมื่อมาถึงวัด เมฆินทร์ก็หันไปบอกกับมธุรดา.. “ผมรอคุณไหมอยู่แถวๆนี้นะครับ” “เข้าไปทำบุญด้วยกันสิคะ” “อย่าเลยครับ ผมขอรอข้างนอกดีกว่า คุณเข้าไปเถอะ” “ค่ะ ถ้าเปลี่ยนใจก็ตามเข้าไปได้นะคะ” มธุรดาบอกก่อนจะเดินเข้าไปด้านในที่แฟนคลับรออยู่ เมื่อเธอไปแล้วเมฆินทร์ก็หันไปหยิบถุงใบนึงที่วางอยู่ด้านหลังก่อนจะเดินไปยังห้องน้ำ  ขณะทำบุญมธุรดาก็มองไปรอบๆว่าเมฆินทร์จะตามเข้ามาหรือเปล่า แล้วสายตาของเธอก็ไปสะดุดที่ผู้ชายคนหนึ่งยืนอยู่ด้านหลังกลุ่มแฟนคลับ เธอก็เผลออมยิ้มออกมาโดยไม่รู้ตัว เมฆินทร์เมื่อเห็นว่ามธุรดามองมาทางเขา ก็ยกมือขึ้นวันทยาหัตถ์พร้อมกับส่งยิ้มให้เธอ ระหว่างที่มธุรดาทำกิจกรรมกับแฟนคลับ เมฆินทร์ก็คอยให้กำลังใจดูอยู่ห่างๆอย่างห่วงๆว่าเธอจะไปสะดุดอะไรอีกหรือเปล่า ยิ่งมองก็ยิ่งรู้สึกชอบและประทับใจในความน่ารักเป็นกันเอง กับทุกคนของเธอ  เมื่อมธุรดาทำกิจกรรมกับแฟนคลับเสร็จเรียบร้อยแล้วก็แยกย้ายกันกลับ เธอเดินมายังรถก็เห็นเมฆินทร์รออยู่ที่รถแล้ว...  “นี่จ่ารู้ได้ยังไงคะว่าวันนี้ฉันนัดกับแฟนคลับใส่ชุดเอี๊ยมมาทำบุญ มีเซอร์ไพรส์แอบไปเปลี่ยนชุดมาด้วย” มธุรดาอมยิ้ม “ผมก็เป็นแฟนคลับคุณไหมคนนึงเหมือนกันนี่ครับ” เมฆินทร์บอก ก่อนจะหันไปหยิบดอกกุหลาบสีแดง 3ดอก ที่วางอยู่ด้านหลังมายื่นให้มธุรดา “ดอกไม้สวยๆคู่กับนางเอกคนสวยครับ” “ขอบคุณนะคะ” เธอรับดอกไม้มาอย่างเขินๆ พร้อมกับยิ้มขอบคุณเขาอย่างจริงใจ เธอรู้สึกประทับใจและอบอุ่นอย่างไรก็บอกไม่ถูก เมื่อได้อยู่ใกล้ๆ เมฆินทร์ “คุณไหมจะไปที่ไหนต่ออีกมั้ยครับ เดี๋ยวผมจะขับรถไปส่งก่อนจะไปทำงาน” “แล้วจ่าจะไปทำงานยังไงละคะ” “ผมสบายมากเลยครับ ไปได้หมดจะนั่งวิน รถเมล์ รถไฟฟ้า รถใต้ดินหรือแท็กซี่ก็สะดวก” “อย่างนั้นก็ไปส่งฉันที่ฟิตเนสนะคะ” “ได้เลยครับ” เมฆินทร์ขับรถมาส่งมธุรดาที่ฟิตเนสแล้วเขาก็นั่งแท็กซี่กลับไปที่ทำงาน       เมื่อเมฆินทร์มีเวลาว่างหลังจากเลิกงาน หรือในวันหยุดของเขา เขามักจะไปรับไปส่งมธุรดาเป็นประจำ ต่างคนก็ต่างรู้สึกดีๆ ต่อกันมากขึ้นเรื่อยๆ...จากวันนั้นจนมาถึงวันนี้.. จากวันเป็นสัปดาห์ จากสัปดาห์เป็นเดือน จากหนึ่งเดือนเป็นสอง..สาม..สี่..ห้า..หกเดือน เมฆินทร์ตามดูแลเทคแคร์มธุรดาอย่างเสมอต้นเสมอปลาย เขาสุภาพอ่อนโยน จากที่เมฆินทร์รู้สึกชอบและประทับใจในตัวมธุรดา นับวันยิ่งรู้จักเธอ เขาก็ยิ่งรู้สึกรักเธอมากขึ้นทุกๆวัน จนตอนนี้เขาเริ่มรู้สึกกลัว เขาไม่กล้าไม่รู้จะบอกเธอยังไงดีว่าเขาไม่ได้เป็นอย่างที่เธอเข้าใจ ยิ่งรักมากเขาก็ยิ่งกลัวว่าถ้าบอกความจริงเธอไปแล้วเธอจะโกรธจะเกลียดเขาหรือเปล่า เขาคิดวิตกกังวลไปต่างๆ นานา กลัวว่าจะเสียเธอไป ยิ่งคิดก็ยิ่งกลุ้มใจ “(จะทำยังไง จะบอกจะอธิบายยังไงให้ไหมเข้าใจวะ!)” จากความเข้าใจผิดในครั้งแรกที่เจอกัน เขาก็อยากรู้จักตัวตนที่แท้จริงของเธอ เหมือนเป็นการปิดบังความจริงกับเธอไปโดยไม่ได้ตั้งใจ...  ...สวนสาธารณะ...     เย็นวันนี้เมฆินทร์พามธุรดามาวิ่งออกกำลังกายที่สวนสาธารณะแห่งหนึ่ง วิ่งไปได้ระยะหนึ่งมธุรดาเริ่มเหนื่อย เมฆินทร์ก็ชวนให้เธอไปนั่งพักที่เก้าอี้ใต้ต้นไม้ “น้ำครับ..” เขายื่นน้ำให้เธอก่อนจะนั่งลงใกล้ๆ “เอ่อ..ไหม..น้องไหม..ผมขอเรียกคุณไหมว่าน้องไหมได้มั้ยครับ” “เอ่อ..ไหม..ไหมก็เสียมารยาทเรียกจ่าเมฆว่าจ่ามานาน ทั้งๆที่จ่าก็อายุมากกว่าไหมหลายปี ไหมก็ควรจะเรียกจ่าว่า.. “พี่เมฆ” ใช่ไหมคะ” มธุรดาพูดออกมาอย่างเขินๆ แต่ก็ทำให้เมฆินทร์ยิ้มกว้างอย่างดีใจ “พี่ดีใจ ดีใจมากๆ ที่น้องไหมไม่รังเกียจพี่” เมฆินทร์เอื้อมมือไปจับมือมธุรดามากุมไว้ด้วยความดีใจ รู้สึกหัวใจพองโต “พี่เมฆ..” เธอเขินก็เขิน หัวใจก็เต้นถี่แรงมากกว่าปกติ เธอค่อยๆ ดึงมือกลับมาช้าๆ “พี่เมฆเป็นคนดี ไหมจะรังเกียจพี่ได้ยังไงล่ะคะ” “คือ..พี่..พี่..ถ้าพี่ไม่ได้เป็นอย่างที่น้องไหมเข้าใจ น้องไหมจะว่ายังไง” “ไม่ได้เป็นอย่างที่น้องไหมเข้าใจ..แล้วเป็นยังไงเหรอคะ?” เธอถามด้วยความสงสัย เมฆินทร์ยังไม่ทันได้ตอบ ก็มีเสียงเรียกเข้าโทรศัพท์ของเธอดังขึ้นมาเสียก่อน “ไหมขอรับโทรศัพท์ก่อนนะคะ” เขาพยักหน้า “จ้ะ..ว่าไง..โอเคๆเดี๋ยวเจอกันนะ” “ไหมมีนัดกับเพื่อนต่อ..เรากลับกันเลยนะคะ” มธุรดาหันมาบอกเมฆินทร์ “ครับ..” เมฆินทร์เดินตามมธุรดาไปอย่างกังวล โดยที่ทั้งคู่ไม่รู้ตัวเลยว่าอีกฝั่งหนึ่งของสวนสาธารณะนั้นมีใครบางคนแอบมองพวกเขาอยู่ ...   ...ร้านซูชิ... “ไงยะยัยไหม..กว่าจะนัดเจอกันได้นะ คิดว่าจะเบี้ยวกันอีก” ณัชชาเอ่ยทักเพื่อน “ย่ะ! ก็ปกติแกเป็นฝ่ายเบี้ยวตลอด” “ที่แกไม่มีเวลานี่มีแฟนแล้วใช่มั้ย! เมื่อไหร่..เป็นใคร..บอกฉันมา!” “แกซักยิ่งกว่าแม่ฉันอีกนะยัยนัช!” “ว่าไง!..บอกมาเร็วๆ อยากรู้” “ก็แค่ดูๆกันอยู่ ยังไม่ได้เป็นแฟน เขาเป็นตำรวจ” “ว้าว..เพื่อนฉันมีแฟนเป็นตำรวจซะด้วย” ณัชชายิ้มล้อมธุรดา “บอกว่ายังไม่ได้เป็นแฟนกันไง!” “แล้วทำไมหน้าแกแดงล่ะยะ ไม่ต้องมาปิดฉันเลย แกชอบเขา!” “แล้วแกกับพี่บอยล่ะ เมื่อไหร่จะแต่ง” “ไม่ต้องมาเปลี่ยนเรื่องเลย ฉันคงจะอีกนาน แกแต่งก่อนฉันแน่” “บ้า! แต่งยังไง ยังไม่ได้เป็นแฟนกันเลย แกนั่นแหละแต่งได้แล้ว” “พี่บอยไม่เคยพูดถึงเรื่องแต่งงานกับฉันเลย” “อ้าว! ทำไมล่ะ ก็คบกันมาหลายปีแล้ว..” “ช่างมันเถอะ! กินซูชิกันดีกว่า..” สองสาวกินซูชิไปพูดคุยกันไปทั้งเรื่องละครของแต่ละคนเรื่องข่าวในวงการบันเทิงและเรื่องทั่วไปจนกระทั่งอิ่มก็แยกย้ายกันกลับบ้าน        จากความรู้สึกดีๆที่เมฆินทร์กับมธุรดามีให้กัน เมฆินทรจึงเข้ามาแนะนำตัวกับมธุรสคุณแม่ของมธุรดา เพราะเมื่อเขาเลิกงานหรือวันหยุดเขาก็มักจะเป็นคนไปรับไปส่งมธุรดาที่กองละครหรือตามงานต่างๆ เขาเข้านอกออกในบ้านไหมบ่อยครั้ง ทุกอย่างก็อยู่ในสายตาของมธุรสหรือแม่เหมียวตลอดเวลา ด้วยความสุภาพสุขุมเป็นผู้ใหญ่ของเมฆินทร์ทำให้มธุรสแม่ของมธุรดารู้สึกพอใจและถูกชะตา โดยไม่สนใจเลยว่าเขาจะเป็นแค่ตำรวจชั้นประทวน และนั่นก็ยิ่งทำให้เมฆินทร์รู้สึกไม่สบายใจยิ่งขึ้นไปอีก แค่มธุรดาคนเดียวเขาก็ไม่รู้จะเริ่มต้นจะอธิบายบอกความจริงกับเธอยังไงดี วันนี้เขาจึงตัดสินใจมาอธิบายเรื่องราวความเป็นมาทุกอย่างให้มธุรสแม่ของมธุรดาเข้าใจ ...บ้านมธุรดา... “อ้าว! ตาเมฆ..ไหมออกไปกองแล้วนะ มีธุระอะไรกับไหมหรือเปล่า หรือไหมลืมอะไรอีก เข้ามาข้างในก่อนสิ” มธุรสชวนเมฆินทร์เข้าไปนั่งคุยในบ้าน “ผมไม่ได้มาหาไหมครับ ผมมีเรื่องจะมาสารภาพกับคุณแม่” “สารภาพ! สารภาพเรื่องอะไรยังไงกัน แม่ไม่เข้าใจ” “ผม..พ.ต.ต.เมฆินทร์  เมธาพิพัฒน์พงค์ ผมเป็นสารวัตรอยู่ที่สน.รอรัก ผมไม่ได้เป็นจ่าอย่างที่น้องไหมเข้าใจน่ะครับ” “อ้าววว! แล้วเรื่องมันเป็นยังไง ทำไมเป็นอย่างนั้นล่ะ แม่กับไหมก็คิดก็สงสัยกันอยู่ว่าท่าทางภูมิฐานอย่างเมฆไม่น่าจะเป็นแค่จ่า แต่อายุยังน้อยก็เลยคิดว่าเป็นอย่างนั้น” “มีความเข้าใจผิด คิดกันไปเองตั้งแต่เจอกันครั้งแรกน่ะครับ และผมก็รู้สึกชอบน้องไหมเลยอยากจะรู้จักตัวตนจริงๆของเธอ ถ้าผมเป็นผู้ชายธรรมดาๆ คนหนึ่งที่ไม่ได้มียศอะไร เธอจะคิดจะรู้สึกกับผมยังไง จากแค่ชอบ จนตอนนี้ผมรู้ตัวว่ารักน้องไหมผมก็ไม่กล้าไม่รู้จะบอกยังไงดีว่าผมไม่ได้เป็นอย่างที่น้องไหมเข้าใจ ยิ่งรักมากผมก็ยิ่งกลัว กลัวว่าบอกความจริงน้องไหมไปแล้วเธอจะโกรธจะเกลียดผม” เมฆินทร์อธิบายความเป็นมา “น้องไม่ชอบคนโกหกหลอกลวงนะลูก ถ้าโกรธแล้วจะหัวรั้นไม่ฟังใครเลย เมฆต้องรีบอธิบายความจริงให้น้องรู้นะลูก” “ครับแม่ ผมต้องกราบขอโทษคุณแม่ด้วยนะครับ” เมฆินทร์ไหว้ขอโทษมธุรสอย่างจริงใจ “ไม่เป็นไรลูก แม่เข้าใจ คนสมัยนี้เราก็หาคนจริงใจยาก เงินทองยศถาบรรดาศักดิ์มักจะมาก่อน หาความรักที่แท้จริงได้ยาก แต่ต่อจากนี้เมฆต้องใจเย็นอดทน และใช้ความจริงใจให้น้องยอมรับในตัวเมฆนะลูก” “ขอบคุณมากครับคุณแม่ที่เข้าใจผม ผมจะพยายามบอกน้องไหมให้เร็วที่สุดครับ ผมขอลากลับไปทำงานเลยนะครับ" “จ้ะลูก” เมฆินทร์กลับไปแล้วแต่มธุรสยังวิตกกังวล รู้สึกว่าเรื่องยุ่งๆ กำลังจะก่อตัวขึ้น เพราะเธอรู้จักนิสัยดื้อหัวรั้นของลูกสาวเธอดี ลองโกรธใครแล้วจะยิ่งต่อต้าน “เฮ้อ! เตรียมรับศึกหนักได้เลยตาเมฆ!”
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD