รู้เขารู้เรา แต่เธอ…ไม่รู้..

1312 Words
        ขณะที่เมฆินทร์ขับรถ เขาแอบชำเลืองมองมธุรดาเป็นระยะ และสำรวจภายในรถของเธอแล้วสายตาของเขาก็ไปสะดุดเข้ากับสมุดโน้ตเล่มหนึ่งที่วางอยู่หน้ารถอย่างสนใจ       เมื่อเดินทางมาถึงร้านอาหาร..เมฆินทร์ก็จอดรถที่หน้าประตูร้านก่อนจะหันไปบอกกับมธุรดา “คุณไหมลงตรงนี้ดีกว่านะครับ ลานจอดรถอยู่ลึกเข้าไปด้านหลัง คุณจะได้ไม่ต้องเดินไกล” “ค่ะ ก็ได้ค่ะ” มธุรดาหยิบกระเป๋าขึ้นมาสะพายไหล่แล้วเปิดประตูลงจากรถ ก้าวเข้าไปในร้านซูชิ       เมฆินทร์ขับรถเข้าไปจอดยังลานจอดรถหลังร้าน จอดรถปุ๊บเขาก็รีบเอื้อมมือไปหยิบสมุดโน้ตเล่มนั้นมาถือไว้ “ผมขออนุญาตนะคุณไหม” เมฆินทร์เอ่ยขึ้นก่อนจะรีบเปิดสมุดดูอย่างรวดเร็ว เมื่อเห็นว่าเป็นปฏิทินคิวละครและคิวงานทุกอย่างของเธอ เขาก็ยิ้มออกมาอยางดีใจ เขารีบหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาถ่ายบันทึกภาพไว้อย่างละเอียด แล้วปิดสมุดวางไว้ที่เดิมก่อนจะเปิดประตูลงจากรถรีบเดินตรงเข้าไปในร้าน...        ...ภายในร้านซูชิ...       มธุรดาเลือกโต๊ะที่สว่างๆ อยู่มุมที่เปิดเผยเห็นได้ชัด เมฆินทร์ก้าวเข้ามาในร้านก็เห็นเธอกำลังสั่งอาหารอยู่ เขาจึงเดินเข้ามาหาเธอที่โต๊ะและเลื่อนเก้าอี้นั่งฝั่งตรงข้ามเธอ “จ่าทานซูชิได้มั้ยคะ แต่ฉันสั่งไปแล้วกลัวว่าจะต้องรอนาน เอ่อ..เกรงว่าจ่าจะมีครอบครัวรออยู่” “ซูชิผมทานได้..ส่วนครอบครัว ผมยังไม่มีครับ กำลังมองหาอยู่” เมฆินทร์ตอบหนักแน่น “คุณไหมล่ะครับ คงจะมีแฟนแล้ว” “ใช่ค่ะ ไหมมีแฟนแล้ว” มธุรดาตอบไปยิ้มไปจนเขาทำหน้านิ่วคิ้วขมวดสงสัย เพราะเท่าที่เขาอ่านประวัติเธอมา เธอยังไม่มีแฟน หรือว่าเธอไม่เปิดตัว “แฟน..” “ไหมมีแฟนเยอะเลยค่ะ..แฟน..แฟนคลับน่ะค่ะ แฟนคลับของไหมน่ารักๆ ทุกคนเลย” มธุรดายิ้มอย่างมีความสุข “เฮ้อออ..!” เมฆินทร์เผลอถอนหายใจออกมาอย่างโล่งใจ มธุรดามองหน้าเขาอย่างสงสัย “เอ่อ..เมื่อคืนนั้น..ผมคิดไปเองว่าคุณไหมทำงานกลางคืน” เมฆินทร์เปลี่ยนเรื่องคุย “จ่าก็เป็นคนพูดตรงๆดีนะคะ สภาพของฉันคืนนั้นกลับจากกองละครก็ชวนให้คิดเป็นแบบนั้นจริงๆ นั่นแหละค่ะ” “ผมต้องขอโทษด้วยนะครับที่เข้าใจผิดคิดไปเองอย่างนั้น” “ไม่เป็นไรค่ะ ฉันก็ยังคิดว่าจ่าเป็นตำรวจขี้เก๊กเลยค่ะ ขอโทษเช่นกันนะคะ” “งั้นเราก็..หายกันนะครับ” “ค่ะ”       ทั้งคู่ยิ้มให้กัน พนักงานก็นำอาหารมาเสริฟพอดี เธอจึงชวนให้เขาทานอาหาร “ทานซูชิกันดีกว่าค่ะ แอบสั่งที่ตัวเองชอบกิน หวังว่าจ่าจะทานได้นะคะ”        ต่างคนก็ต่างนั่งทานกันเงียบๆ แต่ทั้งคู่แอบชำเลืองมองแอบสำรวจกิริยาท่าทางกันและกันเป็นระยะ เมฆินทร์พยายามจดจำรายการอาหารมื้อนี้ไว้ จนกระทั่งทานอาหารเสร็จ เขาก็เอ่ยขึ้น... “คุณไหมจะรังเกียจมั้ยครับ ถ้าผมจะขอเป็นเพื่อน” “ทำไมจ่าคิดว่าฉันจะรังเกียจละคะ จ่ามีบุญคุณกับฉันซะอีก” “แต่ผมเป็น..” เมฆินทร์พูดพร้อมกับหันมองรอบๆตัว มธุรดาเป็นนางเอกก็จะเป็นจุดสนใจ เป็นจุดเด่นที่ทุกคนจะมอง “จะเป็นอะไรก็ไม่สำคัญหรอกค่ะ แค่เป็นคนดี เราก็พูดคุยเป็นเพื่อนกันได้ค่ะ” “ขอบคุณมากครับที่รับผมเป็นเพื่อน” เมฆินทร์หยิบกระดาษและปากกาบนโต๊ะมาเขียนก่อนจะยื่นให้มธุรดา “นี่ครับ..เบอร์โทรศัพท์ของผม เผื่อรถคุณมีปัญหาอะไรอีก ผมยินดีรับใช้ 24ชั่วโมง” มธุรดามองกระดาษที่เขายื่นให้ ก่อนจะยื่นมือออกไปรับ “ขอบคุณสำหรับมิตรภาพดีๆ และน้ำใจที่ช่วยเหลือนะคะ” ต่างฝ่ายต่างยิ้มให้กันอย่างจริงใจ      ก่อนออกจากร้านซูชิ ลูกค้าภายในร้านทยอยเข้ามาขอถ่ายรูปกับมธุรดา เธอก็ยิ้มแย้มให้ทุกคนถ่ายด้วยโดยไม่อิดออด เมฆินทร์ยืนมองแล้วอดที่จะอมยิ้มกับภาพตรงหน้านั้นไม่ได้ และเขายังช่วยทำหน้าที่ช่างภาพจำเป็นให้เธออีกด้วย จนออกมาจากร้าน เขาขับรถมาที่ป้อมตำรวจ เมื่อมธุรดาขับรถกลับบ้าน เขาก็ขับรถตัวเองกลับบ้านเช่นกัน ...1สัปดาห์ต่อมา...        เมฆินทร์ถือคติรู้เขารู้เรารบร้อยครั้งชนะร้อยครั้ง เขารู้สึกชอบนางเอกคนสวยขึ้นมาจริงๆ จังๆ เสียแล้วสิ ยิ่งรู้จักก็ยิ่งรู้สึกชอบ เขาเดินหน้าคิดหาวิธีทำความรู้จักเธอมากขึ้นให้ได้ หลังจากเลิกงานเมฆินทร์ก็ดูคิวงานคิวละครของมธุรดาที่เขาบันทึกภาพไว้  เขาแอบขับรถตามเธอไปทุกวัน วันปกติเธอไปที่ไหนทำอะไร ยิ่งวันหยุดของเขา เธอจะไปที่ไหนเขาก็ตามไปทุกที่ทุกเวลา มธุรดาเลิกกองดึกเขาก็แอบขับรถตามไปส่งเธอถึงหน้าบ้านทุกวันโดยที่เธอไม่รู้ตัว ตามไปก็เก็บข้อมูลไป จากคนที่ไม่เคยดูข่าวบันเทิงก็เริ่มเปิดดู จากคนที่ไม่เคยสนใจไอจี เมฆินทร์ก็ต้องสมัครไอจีไว้ส่องความเคลื่อนไหวของเธอ จนเขานึกขำตัวเอง.. "ท่าจะเป็นเอามากเลยนะเรา" เมฆินทร์รู้สึกเหมือนตัวเองเป็นแฟนคลับคนนึงที่คลั่งไคล้ดารา แต่เขาอาจจะลงรายละเอียดมากกว่าแฟนคลับทั่วไปนิดหน่อยและเป็นเฉพาะกับมธุรดานางเอกคนสวยเพียงคนเดียว  วันนี้เมฆินทร์ออกเวรตอนบ่ายเขาก็ไปค่ายมวยที่เธอไปฝึก ปกติเขาก็เป็นคนออกกำลังกายเป็นประจำอยู่แล้ว 1สัปดาห์ที่ผ่านมา เขาแอบไปทำความรู้จักกับครูฝึกฝากเนื้อ ฝากตัวเป็นลูกศิษย์และรอเวลาที่เธอจะมาฝึกต่อยมวย         จนเวลาบ่ายสาม มธุรดาก็มาถึงค่ายมวย เธอโทรศัพท์ไปหาณัชชาเพื่อนสนิท “อืม..ว่าไงไหม” “นัช..แกกลับมาแล้วใช่มั้ย มาต่อยมวยกันป่ะ” “ไม่ไหวอ่ะ เพิ่งลงเครื่องมาถึงนี่เอง มีนัดกับพี่บอยด้วย” “แกน่ะเห็นแฟนดีกว่าเพื่อนตลอด” “ไม่ใช่อย่างนั้นนะ ก็แกไม่นัดก่อนล่ะ ไว้โอกาสหน้านะ ของีบก่อน บาย..” “อือ..” มธุรดาชวนณัชชาไม่สำเร็จก็เข้าไปเปลี่ยนชุดในห้องน้ำ เตรียมความพร้อมก่อนจะเข้าไปหาเทรนเนอร์ “สวัสดีค่ะ พี่ทีน(เทรนเนอร์)” “อ้าวไหม! มาแล้วเหรอ มาๆ วันนี้พี่มีคู่ซ้อมผู้ช่วยคนใหม่ของพี่จะแนะนำ” ทีนเดินนำเธอเข้าไปยังห้องยิม “เมฆ..นี่น้องไหม” พอเขาหันมา เธอก็ต้องตกใจ “จ่าเมฆ! ฝึกมวยที่นี่ด้วยเหรอคะ” มธุรดาถามอย่างแปลกใจ “อ้าววว! นี่รู้จักกันเหรอ งั้นก็ดีเลย.. เมฆนายช่วยเป็นคู่ซ้อมให้น้องไหมนะ พี่จะไปเทรนสมาชิกใหม่คนอื่น ๆ” “ได้ครับ พี่ทีน” เมื่อทีนเดินไปเทรนคนอื่นๆ ทั้งสองก็พูดคุยกัน “จ่าเมฆมาฝึกที่นี่บ่อยเหรอคะ แปลกจังทำไมฉันไม่เคยเจอ” มธุรดาสงสัย “เราคงจะมาฝึกกันคนละเวลาน่ะครับ เลยคลาดกัน ไม่เคยเจอกัน” “คงจะเป็นอย่างนั้นมั้งคะ บังเอิญจัง”  “เราเริ่มซ้อมกันเถอะครับ” “ค่ะ”         ด้วยอาชีพของเมฆินทร์ เขาเรียนมาทุกสิ่ง ฝึกมาทุกอย่าง เขาถนัดทั้งต่อยมวย,เทควันโด,อาคิโด,ยิงปืนและออกกำลังกาย ฟิตเนสทั่วไป...
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD