“คัท! เลิกกอง!” ผู้กำกับส่งเสียงบอกยุติการทำงานในค่ำคืนนี้ของนักแสดงและทีมงานทุกคนในกองถ่าย ละคร..กลรักกลลวง
“แยกย้ายเดินทางกลับบ้านกันดีๆ นะ โทษทีวันนี้เลิกดึกไปหน่อย”
“ตี 1! ” มธุรดาก้มมองนาฬิกา (วันนี้แม่ไม่ได้มาเป็นเพื่อนซะด้วยสิ) เธอขับรถออกจากกองเปิดเพลง นั่งร้องเพลงไปขับรถไปเรื่อยๆ แก้ง่วง และขึ้นทางด่วนมาได้ระยะหนึ่ง..
...สน.รอรัก...
พ.ต.ต.เมฆินทร์ (เมฆ) กำลังจะเดินทางกลับบ้าน
“รงค์ นายดูแลทางนี้ด้วยนะ เดี๋ยวฉันจะแวะไปตรวจที่ป้อมใกล้ทางด่วนซะหน่อยก่อนกลับบ้าน เผื่อมีเด็กแว๊นมาป่วน” เมฆินทร์กล่าวกับณรงค์ลูกน้องคนสนิท
“ครับพี่ ขับรถดีๆ นะครับ”
…บนทางด่วน..
มธุรดาขับมาได้ครึ่งทาง รถของเธอก็มีอาการกระตุกๆ แล้วเครื่องก็ดับไปเฉยๆ
“มีตังค์! เป็นอะไรเนี่ย อย่างอแงกับพี่สิ” มธุรดาบ่นไปก็พยายามสตาร์ทรถแต่สตาร์ทยังไงก็ไม่ติด จนเธอเริ่ม กังวล ตี1ครึ่งแล้ว เธอหยิบโทรศัพท์มาจะกดต่อสายหาณัชชาเพื่อนสนิทให้มารับ เธอก็นึกขึ้นได้ว่าเพื่อนไปถ่ายละครที่ต่างประเทศ รถคันอื่นๆ ก็ไม่มีผ่านมาสักคัน จะทำยังไงดี แล้วเธอก็ค้นหาเบอร์โทรฉุกเฉินในโทรศัพท์มือถือ
...ป้อมตำรวจ...
“เป็นยังไงบ้างคืนนี้ เรียบร้อยดีมั้ยจ่า” เมฆินทร์เอ่ยถามจ่าแมนที่เข้าเวรอยู่
“สถานการณ์เรียบร้อยดีครับสารวัตร”
1543 “สวัสดีค่ะ ตำรวจทางหลวงใช่ไหมคะ”
“ครับ มีปัญหาอะไรครับ”
“รถของฉันมีปัญหาบนทางด่วนค่ะ อยู่ๆ เครื่องก็ดับสตาร์ทไม่ติดค่ะ..รบกวนขอความช่วยเหลือหน่อยนะคะ”
“ครับ รบกวนคุณถือสายรอสักครู่นะครับ ผมจะประสานงานให้ตำรวจในท้องที่ไปช่วยครับ”
“ค่ะ ขอบคุณค่ะ” มธุรดาถือสายรอ
ขณะที่เมฆินทร์กำลังคุยกับจ่าแมน พลันก็มีเสียง☎ โทรศัพท์ดังขึ้นเขาจึงหันไปรับสาย
“รับทราบครับ ได้ครับ”
“ครับ คุณผู้หญิง อีกสักครู่จ่าแมนตำรวจจราจรจะไปยังจุดเกิดเหตุนะครับ” กรมทางหลวงแจ้งกับปลายสาย
“ค่ะ ขอบคุณมากค่ะ”
“สวัสดีครับ”
“สวัสดีค่ะ” มธุรดากล่าวขอบคุณแล้วนั่งรอการช่วยเหลือ
...ป้อมตำรวจ..
“ว่าไงจ่า มีเหตุที่ไหน” เมฆินทร์ถามจ่าแมนทันทีที่เขาวางสาย
“มีรถเสียบนทางด่วนครับ อาการของรถ เครื่องดับไปเฉยๆ สตาร์ทไม่ติด” จ่าแมนแจ้งรายละเอียด
“งั้นเอากุญแจมอเตอร์ไซค์กับอุปกรณ์มา ผมจะไปดูให้เอง จ่าก็ดูแลทางนี้ต่อ” เมฆินทร์สั่งงานลูกน้อง
“ได้ครับสารวัตร นี่ครับกุญแจรถและอุปกรณ์” จ่าแมนยื่นให้เมฆินทร์ เขาขี่รถมอเตอร์ไซค์ไปยังจุดเกิดเหตุที่ได้รับแจ้ง
ระหว่างรอการช่วยเหลือ มธุรดาก็นั่งก้มอ่านข่าวดูภาพในไอจีโดยไม่ได้มอง ไม่ได้สนใจสิ่งรอบข้าง
เมื่อเมฆินทร์มาถึงจุดเกิดเหตุ เขาก็เห็นรถเก๋งยารีสสีบรอนซ์จอดอยู่ ด้านในมีผู้หญิงกำลังนั่งก้มหน้า...แล้วเธอก็ต้องสะดุ้งตกใจ
“ก๊อก ก๊อก” มีชายร่างสูงใหญ่มาเคาะกระจกรถของเธอ
“คะ?” เธอถามออกไปโดยไม่ได้เปิดกระจก จนเห็นเขาพูดและทำท่าทางภาษามือ
“ผมเป็นตำรวจครับ” เมฆินทร์บอกพร้อมกับชี้ไปยังรถมอเตอร์ไซค์ของตำรวจ เธอเห็นดังนั้นก็ลดกระจกรถลง
“สวัสดีค่ะ จ่าแมนใช่ไหมคะ” มธุรดาเอ่ยถาม
“เอ่อ..ผมชื่อเมฆครับ” เขาตอบแล้วมองสำรวจภายในรถของเธอ
“อ้าว! ขอโทษค่ะ ฉันคงจะได้ยินผิดเพี้ยนไป” เธอกล่าวขอโทษอย่างอายๆ ที่เรียกชื่อตำรวจผิด
“เอ่อ..คุณช่วยเปิดกระโปรงให้ผมดูหน่อย”
“อะไรนะคะ!” มธุรดาทำหน้าบึ้งเมื่อได้ยินที่เขาบอก และเขายังมองเข้ามาที่กระโปรงของเธออีก เมฆินทร์ก็งงว่าทำไมเธอมองหน้าเขานิ่งแถมยังทำหน้าไม่พอใจอีก จนเขานึกขึ้นได้
“อ๋อ..ผมหมายถึง..ให้คุณช่วยเปิดกระโปรงรถให้ผมดูหน่อยน่ะครับ ผมจะได้ตรวจดูว่ารถคุณมีปัญหาอะไร ผมจะได้ซ่อมให้ ไม่ใช่เปิดกระโปรงคุณ!” เขามองเลยตักของเธอและชี้ไปยังที่เปิดกระโปรงรถ
“ค่ะ! ก็ควรพูดให้ชัดเจน” มธุรดาทำหน้างอก่อนจะเปิดกระโปรงรถให้เขา ก่อนที่เขาจะเดินไปตรวจเช็คสภาพรถ เขายังเหลือบมามองกระโปรงเธอแปลกๆ อีกแล้ว
“อะไร?”
เมฆินทร์เดินมาด้านหน้ารถและเปิดฝากระโปรงรถขึ้น เขาเช็คอาการของรถไปก็คิดไป.. (ผู้หญิงสมัยนี้..ทำไมแต่งตัวโป๊แต่งหน้าเข้ม กลับบ้านดึกดื่น น่าเสียดาย..เฮ้อ!) เขาคิดพร้อมกับส่ายหน้า
มธุรดาเปิดประตูก้าวลงจากรถ มายืนรอข้างรถยืนลุ้นว่ารถจะซ่อมได้มั้ย (ทำไมจะต้องมางอแงวันนี้ด้วยนะ เฮ้อ! กว่าจะเลิกกองก็ดึก ง่วงก็ง่วง ชุดก็ยังไม่ได้เปลี่ยน หน้าก็ยังไม่ได้ล้าง!)
เมฆินทร์เช็กอาการผิดปกติของรถและซ่อมรถให้เรียบร้อยแล้วก็หันไปบอกเธอ
“คุณลองไปสตาร์ทรถดูหน่อยครับ” มธุรดาขึ้นไปนั่งก่อนจะลองสตาร์ทรถอย่างลุ้นๆ แล้วรถก็สตาร์ทติด เธอหันไปยิ้มให้เขาอย่างดีใจทันที
“ขอบคุณมากเลยนะคะจ่า ถ้าจ่าเมฆไม่มาช่วยซ่อมให้ มีหวังฉันคงต้องนอนบนทางด่วนนี่แน่เลย”
“ไม่เป็นไรครับ มันเป็นหน้าที่ของผู้พิทักษ์สันติราษฎร์อย่างผมที่ต้องให้ความช่วยเหลือประชาชน”
“ยังไงฉันก็ต้องขอบคุณ”
“เอ่อ..คุณเป็นผู้หญิง กลับบ้านดึกๆ ดื่นๆ ไม่ควรจะแต่งตัวแบบนี้นะครับ มันอันตราย” เขาก้มลงพูดใกล้ๆ กระจกกล่าวตักเตือนเสียงขรึมๆ แล้วยังมองกระโปรงสั้นที่เธอใส่ ยิ่งนั่งในรถก็ยิ่งร่นขึ้นมาเห็นขาอ่อนของเธออีก
“นี่คุณตำรวจ! ฉันไม่ใช่..ไม่ได้เป็นอย่างที่คุณคิดนะ!” มธุรดาเริ่มหงุดหงิด เลิกกองดึก ง่วงก็ง่วงแล้วยังมาเจอ ตำรวจเข้าใจผิดอีก!
“ครับ..ผมเข้าใจครับ เดินทางปลอดภัยนะครับ” เมฆินทร์ตัดบทแล้วเดินกลับไปยังรถมอเตอร์ไซค์ที่จอดอยู่
“เข้าใจ! ..เข้าใจว่ายังไงล่ะ อิตาตำรวจขี้เก๊ก! ฉันไม่ใช่ผู้หญิงอย่างว่านะ!”
เมฆินทร์รอจนเธอขับรถออกไปเขาก็ขี่รถมอเตอร์ไซค์กลับป้อมตำรวจ...
มธุรดาขับรถออกมาก็บ่นพึมพำแล้วก้มมองสภาพตัวเองแล้วต้องถอนหายใจ
“เฮ้อ! มันก็ชวนให้คิดไปทางนั้นจริงๆ นั่นแหละ”
เมฆินทร์ขี่มอเตอร์ไซค์มาจอดที่ป้อมตำรวจก่อนจะขับรถเบนซ์ของตัวเองกลับบ้าน ก่อนนอนอยู่ๆเขาก็นึกถึงรอยยิ้มของผู้หญิงคนนั้นที่ยิ้มให้เขาอย่างดีใจ เขาก็อมยิ้มออกมาโดยไม่รู้ตัว รอยยิ้มนั้นช่างเป็นยิ้มที่สวยงามและจริงใจ (น่าเสียดาย..ไม่น่าจะเป็นผู้หญิงทำงานกลางคืนเลย) เขาอดที่จะนึกเสียดายไม่ได้
ขณะที่มธุรดากำลังเช็ดเครื่องสำอางเช็ดหน้าอยู่หน้ากระจกในห้องน้ำก็กำลังนึกถึงเหตุการณ์ที่เพิ่งผ่านมาสักครู่เช่นกันด้วยบทละครที่เธอแสดงจะต้องปลอมตัว ต้องแต่งตัวโป๊ แต่งหน้าจัดจ้านจนทำให้นายตำรวจขี้เก๊กคนนั้นเข้าใจผิด
“ตำรวจอะไรมาทำเสียงขรึมดุฉัน ขี้เก๊กชะมัดเลย น่าเสียดาย..ทั้งหุ่นและหน้าตาของเขาเป็นพระเอกได้สบาย”
เย็นวันถัดมา...
วันนี้มธุรดาไม่มีคิวถ่ายละคร เธอจึงแวะไปห้างสรรพสินค้าซื้อกาแฟกระป๋องและน้ำผลไม้เพื่อจะนำไปขอบคุณตำรวจที่ช่วยเหลือเธอ เขาช่วยเธอไว้ เขาจะเข้าใจผิดยังไงเธอก็ต้องขอบคุณเขา เธอซื้อของตามที่ต้องการเรียบร้อยแล้วก็แวะมาที่ป้อมตำรวจใกล้ๆ ทางด่วน
...ป้อมตำรวจ..
“สวัสดีค่ะ คุณเมฆอยู่ที่นี่ไหมคะ” มธุรดาถามตำรวจ(จ่าแมน)ที่นั่งอยู่ภายในป้อม
“สวัสดีครับ เมฆไหนครับ”
“คุณเมฆ ตำรวจที่ไปช่วยซ่อมรถบนทางด่วนให้ฉันเมื่อคืนน่ะค่ะ”
“อ๋อ..คุณเมฆ! อยู่ที่สน.น่ะครับ รอสักครู่นะครับเดี๋ยวผมโทรไปแจ้งให้”
“ค่ะ ขอบคุณค่ะ ฉันขอไปนั่งรอมุมนั้นนะคะ” มธุรดาเอ่ยขอบคุณก่อนจะเดินไปนั่งรอที่ม้าหินใต้ต้นไม้
... “สารวัตรครับ คุณนางเอก ที่สารวัตรช่วยเธอเมื่อคืน เธอมาขอพบสารวัตรครับ” จ่าแมนโทรรายงานให้เมฆินทร์ทราบ
“นางเอก! ผู้หญิงเมื่อคืนน่ะเหรอ”
“ครับสารวัตร”
“ฮืมม์.. จ่าบอกให้เธอรอสักครู่นะ เดี๋ยวผมออกไป”
“ครับ”
“..นางเอกหรือนางโชว์..” เมฆินทร์วางสายแล้วพึมพำเบาๆ ก่อนจะหันไปสั่งกับณรงค์
“รงค์..นายดูความเรียบร้อยทางนี้ด้วยนะ มีอะไรคืบหน้าก็โทรรายงานฉันด้วย ฉันจะออกไปตรวจท้องที่” เมฆินทร์สั่งงานลูกน้องแล้วเปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นชุดลำลองมุ่งหน้าไปยังป้อมตำรวจ เขาจอดรถไว้ฝั่งตรงข้ามป้อมตำรวจก่อนจะเดินเข้าไปหาจ่าแมนที่ป้อม
“ไหนครับจ่า..ผู้หญิงที่มาขอพบผม” เมฆินทร์ถามจ่าแมนและมองหาหญิงสาว
“นั่งรออยู่ใต้ต้นไม้ครับสารวัตร”
เมฆินทร์เดินตรงมายังต้นไม้ใหญ่ข้างป้อมตำรวจ เขาเห็นผู้หญิงคนหนึ่งหุ่นดีนั่งหันหลัง ผมยาวสลวย ของเธอชวนให้มองเหลือเกิน
“อะแฮ่ม..คุณมาหาผมหรือเปล่าครับ” เมฆินทร์ขยับไปยืนข้างหลังเธอพร้อมกับเอ่ยทักขึ้น
มธุรดาได้ยินเสียงก็หันมาตามเสียงและเงยหน้าขึ้นมอง เมื่อเธอเห็นว่าเป็นตำรวจหนุ่มที่ช่วยเธอไว้ และดูท่าทางเขาจะอายุมากกว่าเธอ เธอจึงกล่าวสวัสดีและไหว้ทักทายเขา
“สวัสดีค่ะจ่าเมฆ จำฉันได้ไหมคะ”
“สวยยยจัง!” เมฆินทร์ยืนพึมพำตะลึงในความสวยสดใสเป็นธรรมชาติของหญิงสาวตรงหน้า (ปกติถ้ามธุรดาไม่มีถ่ายละครเธอก็แทบจะไม่ได้แต่งแต้มใบหน้าเลย) เมฆินทร์รู้สึกใจเต้นผิดจังหวะเหมือนมีใครมากระชากหัวใจออกมา
“จ่าเมฆว่าอะไรนะคะ!” มธุรดาถามเพราะไม่ได้ยิน และเขายังยืนมองเธอนิ่งอีก
“เอ่อ..เปล่า..เปล่าครับ” (อย่างกับคนละคนกับเมื่อคืน ใช่คนคนเดียวกันจริงๆใช่มั้ย) เมฆินทร์คิดก่อนจะก้าวไปนั่งฝั่งตรงข้ามกับเธอ
“คุณ...” (เขาไม่สามารถละสายตาจากใบหน้าของเธอได้เลย ตาโตแก้มป่อง แก้มอมชมพู ริมฝีปากอิ่มนั่นอีก)
“ไหมค่ะ ฉันชื่อไหม” มธุรดาเอ่ยแนะนำตัว
“ครับ สวัสดีครับคุณไหม คุณมีธุระอะไรกับผมหรือเปล่าครับ หรือว่ารถคุณมีปัญหาอะไร”
“เปล่าค่ะ มีตังค์..เอ่อ..รถของฉันไม่ได้มีปัญหา แต่ฉันนำของเล็กๆน้อยๆมาขอบคุณจ่าที่ช่วยฉันไว้เมื่อคืนน่ะค่ะ ถ้าไม่ได้จ่าฉันคงจะแย่”
“จริงๆไม่จำเป็นต้องนำของมาขอบคุณผมหรอกครับ มันเป็นหน้าที่ของตำรวจอย่างผมที่ต้องดูแลให้ความช่วยเหลือประชาชนอยู่แล้ว ผมคงจะรับไว้ไม่ได้”
“ยังไงฉันก็ต้องขอบคุณค่ะ รับไว้เถอะนะคะ เพื่อความสบายใจของฉัน” มธุรดายื่นกระเช้าให้เมฆินทร์
“เอ่อ..ผมรับไว้ก็ได้ครับเพื่อความสบายใจของคุณ ขอบคุณนะครับ”
“ถ้าอย่างนั้นฉันขอตัวกลับเลยนะคะ ขอบคุณจ่าอีกครั้งค่ะ” มธุรดากล่าวลาและไหว้ขอบคุณเขาแล้วลุกขึ้น เมฆินทร์ก็ลุกขึ้นตามและยืนรอส่งเธอ พอเธอหมุนตัวจะเดินกลับไปยังรถ..
“อุ๊ย!” เท้าของมธุรดาบังเอิญไปเหยียบโดนรากไม้ จนเสียการทรงตัวเซจะล้ม
“ระวังครับ!” เมฆินทร์เห็นดังนั้นก็รีบก้าวออกไปประคองตัวเธอไว้ได้ทัน
“เจ็บข้อเท้าไหมครับ” เมฆินทร์ถามอย่างเป็นห่วงขณะประคองให้เธอยืนทรงตัว
“เอ่ออ..ไม่ค่ะ ไม่เจ็บ ขอบคุณนะคะ”
“ครับ ขอโทษครับ” เขาละมือที่โอบไหล่เธอออกอย่างสุภาพ
“ฉันขอตัวกลับก่อนนะคะ” มธุรดาบอกก่อนจะเดินไปยังรถที่จอด เมฆินทร์มองตามเธอจนสุดสายตา เขาไม่เคยรู้สึกสะดุดตาสะดุดใจใครแบบนี้มาก่อน เมื่อเธอลับตาไปแล้วเขาก็เดินไปหาจ่าแมนแล้วเอยถามทันที
“จ่า..ที่จ่าบอกว่าผู้หญิงคนเมื่อตะกี้เป็นนางเอกน่ะ เธอเป็นนางเอกอะไร” เขาถามด้วยความสงสัยอยากรู้
“ก็นางเอกละครทีวีไงครับ สารวัตรไม่รู้จักเหรอครับ นางเอกชื่อดังที่กำลังมีผลงานละครอยู่ตอนนี้ด้วย”
“เหรอ..ฉันไม่เคยดูละครเลยน่ะ ชักจะน่าสนใจเสียแล้วสิ” เมฆินทร์เปรยออกมาเบาๆ
“สารวัตรสนใจละครหรือว่าสนใจนางเอกละครคนสวยล่ะครับ” จ่าแมนเอ่ยแซว
“อย่าแซวน่ะจ่า ผมก็ยังตอบไม่ได้ ก็น่าสนใจทั้งสอง ถ้าเธอมาหาผมอีก จ่าก็อย่าเผลอเรียกผมว่าสารวัตรก็แล้วกัน เพราะเธอคิดว่าผมเป็นจ่า!”
“อ้าว! ไหงเป็นงั้นล่ะครับสารวัตร”
“ไม่ต้องถาม ไม่ต้องสงสัย ปฏิบัติตามอย่างที่ผมบอกก็พอจ่า” เมฆินทร์สั่งแล้วคิดบางอย่าง
“รับทราบครับ..สารวัตร” จ่าแมนรับคำสั่งอย่างงงๆ...
มธุรดากลับมาทานข้าวที่บ้านกับแม่ เธออาศัยอยู่กับแม่เพียงแค่สองคน มีอะไรเธอก็เล่าให้แม่ฟังทุกเรื่อง เรื่องนี้ก็เช่นกัน ทั้งสองพูดคุยกันระหว่างทานอาหารค่ำ
“เมื่อเย็นไหมเอาของไปขอบคุณตำรวจที่ช่วยไหมไว้เมื่อคืนแล้วนะคะแม่”
“ดีแล้วจ้ะลูก เขาช่วยเหลือเราก็ต้องขอบคุณ”
“ทีแรกเขาก็จะไม่รับค่ะ แต่ไหมก็พูดจนเขายอมรับ แม้เขาจะดูเก๊กๆ แต่ตำรวจแบบนี้ก็โอเคเลยนะคะแม่ ดูซื่อตรงซื่อสัตย์กับหน้าที่ดีค่ะ ไม่น่าจะเป็นแค่จ่าเลยน่ะค่ะ”
“ทำไมล่ะลูก”
“ดูเขาเนี๊ยบๆ หน้าตาดูนิ่งขรึมสุขุม แต่ก็ดูดีสุภาพค่ะ”
“ถ้าตั้งใจทำงานและซื่อสัตย์ต่อหน้าที่การงาน อีกไม่นานก็จะประสบความสำเร็จ ได้เลื่อนขั้นเองล่ะจ้ะลูก”
“ใช่ค่ะแม่ ไหมก็หวังว่าจะเป็นอย่างนั้นค่ะ” พูดแล้วเธอก็นึกถึงหน้าเก๊กๆหล่อๆของเขา..
เมฆินทร์ออกตรวจท้องที่ กว่าจะกลับถึงบ้านก็ค่ำ พ่อกับแม่เข้านอนกันหมดแล้ว พ่อของเขาเป็นนายตำรวจชั้นผู้ใหญ่ ส่วนแม่เป็นแม่บ้านตำรวจ เขาเป็นลูกชายเพียงคนเดียว (เขาไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไมพ่อกับแม่ มีลูกแค่คนเดียวทั้งๆที่ฐานะก็ค่อนข้างจะมีหลักมีฐานะพอสมควร) ตั้งแต่เรียนโรงเรียนนายร้อยเขาก็มีแค่ กลุ่ม "RoboCop" เมธัส(ไอ้แม็ค) มาวิน(ไอ้วิน) เป็นทั้งเพื่อนกินเพื่อนเที่ยวจนได้เป็นตำรวจกันทั้ง 3คน ส่วนเพื่อนอีกคน กรุณ(ไอ้ก้อง) ผ่าเหล่าไปเป็นทหาร จนเขาเลื่อนขั้นเป็นสารวัตร เพื่อนๆก็แยกย้ายไปทำงานปฏิบัติหน้าที่ของตน นานๆทีจะได้นัดเจอกัน เขาก็สนใจแต่งาน ไม่เคยมองสนใจหรือชอบถูกใจผู้หญิงคนไหนมา ก่อนเลย อาจจะหน้านิ่งๆขรึมๆของเขาด้วยที่ไม่มีผู้หญิงกล้าเข้ามาทักทาย จนกระทั่งวันนี้..นางเอกคนนั้น..ไหม..เธอดูน่ารักสดใสเป็นธรรมชาติ สวยมีเสน่ห์น่าสนใจ นึกแล้วเมฆินทร์ก็หยิบการ์ดที่แนบมากับกระเช้าของขอบคุณออกมาดู..“ มธุรดา สุวรรณพินิจคุณ ” เขาเดินไปยังห้องทำงานที่อยู่ติดกับห้องนอน ก่อนจะเปิด แม็คบุ๊ค เสิร์จหาชื่อของเธอในกูเกิ้ล เพียงครู่เดียวข้อมูลทุกอย่างก็ปรากฏขึ้นมา ทั้งประวัติส่วนตัว การศึกษา ผลงานละคร เขานั่งอ่านไปมองภาพเธอไปอย่างสนใจ..
“อืมม..เป็นนางเอกที่กตัญญู รักและดูแลครอบครัว มีความรับผิดชอบตั้งใจทำงาน ตรงต่อเวลา ยิ้มมีเสน่ห์” ยิ่งอ่านข้อมูลเขาก็ยิ่งเห็นภาพยิ่งรู้สึกชอบยิ่งประทับใจ..ใช่เลย โดนใจเขาเลย ทุกอย่างกำลังดี เมฆินทร์เก็บข้อมูลและคิดหาวิธี ที่จะได้ทำความรู้จักกับนางเอกคนสวยมากขึ้น...
วันนี้มธุรดามีคิวถ่ายละคร การถ่ายทำผ่านไปอย่างราบรื่นดี เลิกกอง6โมงเย็น เธอก็ขับรถกลับบ้านตามปกติ ใช้เส้นทางเดิมลงจากทางด่วนมาแล้วก็รู้สึกโล่งอกสบายใจหน่อยเธอยังระแวงกลัวรถจะเสียบนทางด่วนอีก แต่เมื่อขับผ่านแยกจราจรมาแค่ระยะนึง รถก็เหยียบอะไรบางอย่างจนรถเกิดอาการส่ายไปส่ายมา เธอจึงพยายามประคองรถเข้าจอดข้างทาง ก่อนจะเปิดประตูลงไปดู..
“ยางแบน! เฮ้อ..ทำไมมาแบนตอนนี้ตรงนี้!” มธุรดามองไปรอบๆแล้วบ่น
“แถวนี้..อู่ซ่อมรถก็ไม่มี! ”
ฝ่ายเมฆินทร์เลิกงานก็ออกตรวจท้องที่เป็นปกติ เขาขับรถผ่านฝั่งตรงข้ามที่หญิงสาวจอดรถ แค่เห็นรถยารีสของเธอเขาก็จำได้ทันที แล้วตอนนี้นางเอกสาวคนสวยที่ยืนอยู่ข้างรถนั่นอีก เขาจำได้ไม่เคยลืม เขารีบขับรถตรงไปจอดใกล้ๆป้อมตำรวจและขี่มอเตอร์ไซค์ตำรวจไปยังจุดที่รถของเธอจอดอยู่
“มีอะไรให้ผมช่วยมั้ยครับ”
“จ่าเมฆ!” มธุรดาเรียกชื่อเขาด้วยความดีใจ เมฆินทร์จอดรถมอเตอร์ไซค์แล้วเดินไปข้างเธอ
“วันนี้รถมีปัญหาอะไรอีกเหรอครับ”
“มีตังค์ยางแบนค่ะ ไม่ทราบว่าไปเหยียบโดนอะไร”
“ด้านหลังมียางสำรองใช่มั้ยครับ เดี๋ยวผมเปลี่ยนให้ คุณไหมเปิดท้ายรถให้ผมหน่อย” เมฆินทร์บอกพร้อมกับเดินไปด้านหลังรถ เปิดท้ายรถหยิบเครื่องมือและยางสำรองออกมาจัดการเปลี่ยนยางรถให้เธอ ด้วยอากาศที่ร้อน เปลี่ยนไปได้ระยะหนึ่ง เหงื่อของเมฆินทร์ก็เริ่มออก เขายกแขนขึ้นเช็ดเหงื่อตัวเองก่อนที่จะไหลเข้าตา มธุรดาเห็นอย่างนั้นก็เปิดประตูรถค้นหาผ้าเช็ดหน้าในกระเป๋าสะพายของเธอและเดินไปจะยื่นผ้าเช็ดหน้าให้เมฆินทร์ แต่เธอไม่ทันได้มอง ไม่ได้ระวัง..
“ว้ายยย!” เธอไม่ได้มองที่พื้นเท้าจึงเหยียบประแจลื่นถลาไปข้างหน้าจะล้ม เมฆินทร์หันมามองตามเสียงเห็นเธอกำลังถลามาจะล้ม เขาจึงยื่นแขนออกไปจะรับตัวมธุรดาไว้ เธอก็ล้มลงมาทับอยู่บนอกเขาพอดี มธุรดาเงยหน้าขึ้นมาด้วยความตกใจและเขินที่ซุ่มซ่ามจนล้ม เป็นจังหวะที่เมฆินทร์ยันตัวจะลุกขึ้นพอดีเช่นกัน ทำให้จมูกของเธอไปแตะตรงปากของเมฆินทร์
ต่างคนต่างกลั้นหายใจ แต่แปลกที่หัวใจกลับเต้นแรง นิ่งงันกันอยู่อย่างนั้นทั้งคู่..
“เอ่อ..คุณไหมเจ็บตรงไหนมั้ยครับ” เมฆินทร์ประคองให้มธุรดาลุกขึ้น เมื่อเธอขยับตัวรู้สึกตัวตื่นจากภวังค์
“เอ่อ..ปล่ะ เปล่าค่ะ จ่าเมฆนั่นแหล่ะเจ็บมั้ย” มธุรดาลุกขึ้นมายืนอย่างเขินๆ เมฆินทร์ก็อมยิ้ม (“ผู้หญิงอะไรยิ่งซุ่มซ่ามก็ยิ่งน่ารัก”) เขาคิดก่อนจะหันไปเปลี่ยนยางรถตรงหน้าต่อ แล้วผ้าเช็คหน้าก็ถูกยื่นมาตรงหน้าเขา
“ผ้าเช็ดหน้าซับเหงื่อค่ะ”
“ไม่เป็นไรครับ มือผมเปื้อนเดี๋ยวผ้าเช็ดหน้าคุณจะสกปรก” มธุรดาได้ยินดังนั้นก็ยื่นมือที่ถือผ้าเช็ดหน้าไปตรงหน้าเมฆินทร์และซับเหงื่อให้เขาเบาๆ เขาเงยหน้ามามองเธอ ต่างคนต่างมองตากันนิ่งงัน..เกิดความรู้สึกบางอย่างขึ้นภายในใจ มธุรดาซับเหงื่อให้เขาแล้วค่อยๆ ดึงมือกลับมาและยืนรอข้างๆ ไม่นานเขาก็เปลี่ยนยางรถเสร็จ และหันมาบอกกับเธอ
“เรียบร้อยแล้ว..คุณไหมขับรถกลับบ้านได้แล้วครับ” มธุรดาก้มมองนาฬิกาบนข้อมือ..ทุ่มกว่า!
“เอ่อ..จ่าเมฆทานมื้อเย็นหรือยังคะ ให้ฉันเลี้ยงมื้อเย็นเป็นการขอบคุณนะคะ”
“แต่..”
“นี่จ่ายังอยู่ในเวลางานหรือเปล่าคะ ถ้าไม่ใช่ก็อย่าปฏิเสธน้ำใจกันเลยนะคะ จ่าช่วยฉันไว้อีกครั้งแล้ว”
“ครับ..ก็ได้ครับ..ผมออกเวรแล้ว”
“ถ้าอย่างนั้น..จ่าเอารถไปจอดที่ป้อมตำรวจแล้วไปรถฉันก็ได้ค่ะ”
“อย่างนั้นก็ได้ครับ”
เมื่อเมฆินทร์นำรถมอเตอร์ไซค์ไปจอดที่ป้อมแล้ว เขาก็อาสาขอเป็นคนขับรถให้ มธุรดาก็บอกเส้นทางร้านที่จะไปให้เขาฟัง เป็นร้านซูชิอยู่เลียบทางด่วน ขณะนั่งในรถมธุรดาก็โทรศัพท์คุยกับแม่
“แม่คะ แม่ทานข้าวได้เลยนะคะ ไม่ต้องรอไหม วันนี้ไหมจะไปทานกับเพื่อนค่ะ ไม่นานก็กลับค่ะแม่”...