19
ไลลาลุกขึ้นเดินออกจากห้องครูใหญ่ทันทีที่พูดจบ เรื่องเด็กมีเรื่องชกต่อยหรือทะเลาะกัน เธอเห็นมาหลายครั้งหลายหน สถานรับเลี้ยงเด็กของอีเมอร์สันพบเจอเรื่องแบบนี้หลายครั้ง และในแต่ละครั้งเธอจะใช้เหตุผลเข้าพูด หาใช่อารมณ์ที่จะยิ่งทำให้เรื่องราวแย่ลง แล้วในทุกครั้งการแก้ปัญหาของไลลาก็ได้ผล ครั้งนี้ก็เช่นกัน
ไลลามายืนอยู่หน้าประตูห้องเรียนของอัลบาโร เธอเดินเข้าไปหาเด็กชายที่นั่งเล่นอยู่กับเพื่อน ก่อนจะจูงมืออัลบาโรไปข้างห้องเรียน เธอนั่งคุกเข่าตรงหน้าเด็กชาย ลูบเส้นผมนุ่มของอีกฝ่ายด้วยกิริยาอ่อนโยน
“รู้ตัวใช่ไหมว่าเรื่องที่ทำมันผิด” ไลลาถามอัลบาโร
“ฮะ”
“เป็นลูกผู้ชายกล้าทำก็ต้องกล้ารับ ถ้าอัลบาโรไม่ได้เป็นอย่างที่เพื่อนล้อ อัลบาโรต้องทำยังไงครับ” ไลลาถาม มองหน้าอีกฝ่ายที่ส่ายหน้าแทนคำตอบ “คนที่รู้ว่าตัวเองผิดก็ต้องขอโทษ ฉันอยากให้อัลบาโรไปขอโทษร็อกโก้กับโอเว่น ไปขอโทษที่ทำให้เพื่อนเจ็บตัว อัลบาโรทำได้ไหมครับ”
“ทำได้ฮะ” เด็กชายตอบ
“ดีมากครับ งั้นไปขอโทษเพื่อนกัน” ไลลาลุกขึ้นยืน เดินจูงมืออัลบาโรไปหาเด็กชายร็อกโก้กับโอเว่น
“ฉันขอโทษนะที่ชกหน้านายสองคน” อัลบาโรขอโทษเพื่อนที่ทำหน้างง ไลลาจึงนั่งคุกเข่าตรงร่างสาวหนุ่มน้อย
“อัลบาโรรู้ตัวเองว่าผิดที่ชกหน้าหนูทั้งสองคนก็เลยมาขอโทษ แล้วหนูสองคนรู้ไหมว่า ตัวเองก็ผิดที่ล้อเลียนอัลบาโรในเรื่องที่ไม่เป็นความจริง” ไลลาใช้เสียงอ่อนนุ่ม กิริยาอ่อนโยนสั่งสอนเด็กชายทั้งสาม ร็อกโก้กับโอเว่นพยักหน้าพร้อมกัน “ถ้ารู้ว่าผิดก็ขอโทษอัลบาโร แล้วต่อไปนี้ก็เป็นเพื่อนกันตามเดิม ไม่ทะเลาะกัน ไม่ล้อกันนะครับ”
ความเป็นเด็กเมื่อมีคนสั่งสอน ร็อกโก้กับโอเว่นที่มีนิสัยไม่ใช่เด็กเกเรก็เชื่อฟัง ทำตามที่ไลลาบอก ทั้งคู่ขอโทษและโผกอดอัลบาโร ไลลายิ้มกับภาพที่เห็น เธอมองอัลบาโรที่ยิ้มให้เพื่อนด้วยความเอ็นดู อัลบาโรไม่ใช่เด็กเหลือขอ เด็กนิสัยแย่จนเกินเยียวยา เด็กก็คือเด็ก หากมีใครสั่งสอนด้วยวิธีที่ถูกต้อง รับรองว่าอัลบาโรจะเติบใหญ่เป็นผู้ใหญ่ที่ไม่ถูกกล่าวหาว่าเลว
ที่ผ่านมาอัลบาโรถูกเลี้ยงดูไม่ถูกช่องทาง เธอไม่รู้ว่าลิซ่าสั่งสอนอะไรอัลบาโรบ้าง แต่เท่าที่ดูไม่น่าจะสอนอะไรมากนัก เพียงแค่ดูแลเอาใจใส่ตามหน้าที่ที่มีความรัก ความผูกพันติดมาด้วย ต่อไปนี้ไลลาจะล้างสมองอัลบาโรใหม่หมด เธอจะป้อนแต่สิ่งดีๆ เข้าไป ให้อัลบาโรได้เรียนรู้ชีวิตในแบบที่ถูกต้อง และต้องมีคนสำคัญคอยช่วยด้วย คนคนนั้นคือ ฟรานเซสโก้
วันนี้มีความผิดปกติบางอย่างเกิดขึ้น มาเรียและสาวใช้คนอื่น รวมทั้งจัสโก้ทำหน้าแปลกใจเมื่อเห็นรถยนต์ของฟรานเซสโก้แล่นเข้ามาในบ้าน และจอดสนิทหน้าประตูบ้าน พวกเขาต่างก้มมองดูนาฬิกาข้อมือ สีหน้าเต็มไปด้วยความไม่แน่ใจว่า คนที่กำลังก้าวลงจากรถใช่เจ้านายของตัวเองหรือไม่ เวลานี้คือ 19.12 เป็นเวลาที่ฟรานเซสโก้อยู่ที่ใดสักแห่งที่ไม่ใช่บ้าน นั่นเท่ากับว่า วันนี้เจ้านายสุดหล่อกลับบ้านเร็วกว่าปกติ อาจพูดได้ว่าเร็วที่สุดในรอบปีก็ว่าได้
“ทำไมทำหน้าแบบนั้นมาเรีย ไม่เคยเห็นฉันหรือไง”
ฟรานเซสโก้ถามมาเรีย
“เห็นบ่อยค่ะ แต่ไม่เคยเห็นคุณเซสโก้กลับบ้านเร็ว”
มาเรียตอบตามจริง อีกฝ่ายเหมือนจะรู้ตัว เขายิ้มอ่อนก่อนจะเดินเข้าไปในบ้าน หมายจะเดินไปยังห้องนอนของตน แต่ระหว่างเดินขึ้นบันได ด้วยเหตุผลใดมิทราบได้ ขาเขาเบี่ยงเดินไปยังห้องบุตรชาย ที่หลังจากหลับพร้อมกับอัลบาโรคืนนั้น เขาก็ไม่เคยเดินเฉียดใกล้อีกเลย
ร่างสูงใหญ่เดินมาหยุดหน้าประตูห้องอัลบาโร เขายกมือขึ้นจับลูกบิดประตูแล้วหมุนเปิดอย่างเบามือ และเพียงแค่บานประตูแง้ม เสียงของพี่เลี้ยงหมัดหนักก็ดังเข้ามาในหูฟรานเซสโก้ คำพูดของไลลาทำให้เขาเลือกยืนฟังมากกว่าเดินเข้าไปด้านใน
“จำไว้นะครับว่า การใช้กำลังไม่ใช่การแก้ปัญหา มันจะยิ่งทำให้เกิดปัญหามากขึ้น ถ้าอัลบาโรโกรธ อัลบาโรต้องข่มความโกรธด้วยความอดกลั้น นับหนึ่งถึงสิบในใจ หรือไม่ก็หลับตาลง ผ่อนลมหายใจเข้าออกแบบนี้” ไลลาทำให้เด็กชายที่นั่งฟังอย่างตั้งใจบนเตียง
“แล้วถ้ายังไม่หายโกรธล่ะฮะ” เด็กชายถามตามประสา
“ถ้ายังไม่หายโกรธ เราก็ดึงตัวเองออกจากจุดนั้นก่อน อย่างเช่นตอนที่อัลบาโรถูกล้อ ถ้าอัลบาโรเริ่มรู้ตัวว่าทนไม่ไหวก็เดินหนีเพื่อนออกจากห้อง มาอยู่ในที่ที่จะทำให้อัลบาโรคลายจากความโกรธ ในห้องน้ำก็ได้หรือในห้องส่วนตัว นั่งสงบสติอารมณ์ สูดลมหายใจเข้าปอดลึกๆ แล้วผ่อนออกมา ทำใจให้สงบให้อารมณ์ของตัวเองดีขึ้นแล้วค่อยออกมาเผชิญหน้า เข้าใจไหมครับ” ไลลาสั่งสอนให้อัลบาโรรู้จักคุมสติอารมณ์
“ฮะ เข้าใจฮะ”
“ส่วนเรื่องการถูกล้อ อัลบาโรเข้าใจความรู้สึกตอนถูกล้อใช่ไหมครับ” ไลลาสอนเรื่องใหม่ ที่เธอค่อยๆ สอนอย่างไม่รีบร้อน เด็กชายพยักหน้า “ถ้าเข้าใจความรู้สึกของคนถูกล้อ อัลบาโรก็ต้องไม่ล้อเลียนใคร อย่าดูถูกคนอื่น ยกตัวอย่างนะครับ ถ้าหากอัลบาโรเห็นคนพิการแขนขาขาดหรือตาบอด หูหนวก อัลบาโรอย่าไปดูถูก อย่าไปล้อเลียนเขาเด็ดขาด หากทำนั่นหมายความว่าอัลบาโรตอกย้ำปมด้อยของเขา เราต้องมีเมตตากรุณาต่อเพื่อนร่วมโลก เพราะเราไม่รู้ว่า อนาคตของเราจะเป็นยังไง ไม่มีใครรู้อนาคต วันหนึ่งวันใดเราอาจประสบอุบัติเหตุ ขาแขนขาดกลายเป็นคนพิการก็ได้ แล้ววันนั้นเราจะนึกถึงวันที่เราล้อเลียนหรือดูถูกคนพิการเข้าใจนะครับ”