@มหาวิทยาลัย
เป็นเพราะเมื่อวานผมนอนหอไอ้ยิม วันนี้ผมก็เลยออกมาเรียนพร้อมมัน ด้วยชุดนิสิตตัวเก่าเจ้าเดิม เพิ่มเติมที่ใส่มาแล้วหนึ่งวัน ผมพยายามจะเปลี่ยนชุดใหม่โดยใส่ของไอ้ยิมแต่ด้วยความที่ส่วนสูงของเราต่างกันทำให้เสื้อมันยาวเกินแขนของผม แถมกางเกงแม่งก็ลากพื้นจนเข้าขั้นอุบาท ผมเลยจำใจใส่ตัวเดิม
“มึงดูนะ พอกูมาคณะพร้อมมึง ไอ้เหี้ยปืนต้องเข้ามาแซวกูแน่” ผม
ตั้งสมมติฐานและทันทีที่ส้นตีนผมจรดลงกับพื้นดินของมหาวิทยาลัยไม่ถึงสองวิ คนตายยากก็พุ่งเข้ามาพร้อมกับทำหน้ากวนตีนทันที
“โอ้โห พวกมึงนี่ตัวติดกันเป็นตังเมเลยนะ เมื่อวานก็นอนด้วยกัน วันนี้ยังมามหาลัยพร้อมกันอีก”
นั่นไง... กูว่าละ
“ละไง มึงจะให้กูกับมันแยกกันมาคนละทีเพื่อเหี้ยไรวะ อยู่ด้วยกันก็มาด้วยกัน ทีมึงกับมันไปไหนด้วยกัน กูยังไม่ว่า” ไอ้ยิมพูดด้วยสีหน้าพร้อมบวก
“กูก็แค่พูดเฉยๆ ทำไมมึงต้องจริงจังตลอดเลยวะยิม”
“กูก็แค่พูดเฉยๆ เหมือนกัน มึงอ่ะคิดมาก” ไอ้ยิมสวน ผมสัมผัสได้ถึงรังสีอำมหิตที่คิดจะพุ่งเข้าฉะกันระหว่างสองคนนี้ ถ้าผมไม่ทำอะไรสักอย่างให้บรรยากาศมันดรอปลง มันคงฆ่ากันแน่
“บ่นไรกันแต่เช้า กูหิวข้าว ไปหาไรกินกันเหอะ” ผมเปลี่ยนเรื่อง
“มึงจะแดกไรล่ะ ไปแดกหน้ามอป่ะ มีร้านข้าวมาเปิดใหม่” ไอ้ปืนเสนอความเห็น แล้วไม่รู้ว่าสองคนนี้เป็นเหี้ยไรกัน ถ้าคนนึงพูด อีกคนจะต้องแย้ง เหมือนความเป็นศัตรูฝังอยู่ในเซลล์สมองของมันเลยแหละ
“จะถ่อไปทำไมหน้ามอวะ แดกในมอก็ได้มั้ง กูขี้เกียจเดิน”
อ่ะ อีกละ... แค่เรื่องแดกยังมีปัญหา ทำไมวะ ผมอยากได้เหตุผลจากคนอย่างพวกมันมากๆ
“ก็ขับรถไปก็ได้ป้ะ จะเดินทำไมวะ โง่ปะเนี่ย” ไอ้ปืนเริ่มจุดประกายไฟ
“เอ้า ไอ้เหี้ย ก็กูขี้เกียจ ถ้าจะแดกข้างนอกทำไมไม่บอกก่อนวะ จะได้ไม่ต้องเข้าๆ ออกๆ เสียเวลาปะ?” ไอ้ยิมเริ่มกรุ่นโกรธ
และนี่คือผม >> (‘ ‘ )( ‘ ‘)
“ที่ไหนก็ได้อ่ะมึง แดกสักที่ กูก็แค่หิว” ผมถอนหายใจ
“งั้นก็แดกแถวนี้ โรงอาหารละกัน” ไอ้ยิมสรุป
“มึงไม่เบื่อบ้างเหรอวะ แดกแต่ที่โรงอาหาร ไปกินข้างนอกเหอะ เค้าบอกร้านเปิดใหม่อร่อยนะ” ไอ้ปืนไม่ยอม
“ยังไง ไปทะเลาะกันให้เสร็จมั้ย เดี๋ยวกูนอนรอ” ผมกลอกตาเป็นเลขแปด ยืนปวดหัวกับสองคนนี้ คาดว่าปีหน้าคงทะเลาะกันไม่จบ กว่าจะสรุปได้ผมคงตายก่อนได้กินแน่ๆ
“ก็กินโรงอาหารเนี่ยแหละ ไอ้ปืนอ่ะเรื่องมาก ถ้าอยากกินข้างนอก ค่อยออกไปหลังเรียนเสร็จก็ได้”
“มึงไม่เคยได้ยินเหรอวะยิม กองทัพต้องเดินด้วยท้องอ่ะ ถ้าเราได้รับสารอาหารที่ดี สมองเราก็จะเป็นเลิศ พอสมองเราเป็นเลิศ เราก็จะเรียนรู้เรื่อง”
“มึงเลิกเว่อร์ได้ปะ?”
“กูพูดจริงๆ เพราะมึงไม่ใส่ใจไงไอ้ยิม มึงถึงได้โง่งี้ ถ้าอาหารไม่สำคัญ งั้นเราจะมีนักโภชนาการไปทำไมวะ เราจะแดกอะไรก็ได้ดิ เชื่อกูนี่ กูเรียนมา อาหารร้านใหม่อ่ะ มีทุกอย่างที่มึงต้องการ สารอาหารครบ ถูกสุขอนามัย ได้มาตรฐาน ผ่าน GMP”
“นี่มึงใส่ใจแล้วยังได้แค่นี้อีกเหรอ” ไอ้ยิมมองต่ำให้กับคำพูดที่โคตรจะออกทะเลของไอ้ปืน
“เอางี้ เดี๋ยวกูโยนเหรียญ ออกหัวไปกินร้านไอ้ปืน ออกก้อยไปกินโรงอาหารกับไอ้ยิม” ผมหาวิธีสงบศึกที่ดีที่สุดโดยที่ผมไม่ต้องตัดสินใจ เราเลือกกันโดยใช้ดวงล้วนๆ เพราะถ้าผมพูดไรสักอย่างที่ดูจะเข้าข้างอีกคนมากกว่า ดราม่าก็จะบังเกิด
ฟิ้ว
ฟึ่บ!
ผมโยนเหรียญขึ้นกลางอากาศก่อนจะปล่อยให้มันตกลงมาตามแรงโน้มถ่วงและยืดมือออกไปรับและใช้อีกข้างปิดมันไว้ พวกมันทั้งคู่ยืนนิ่งจ้องมือผมตาถลึงจนน่ากลัว
“ออกหัว!” ไอ้ปืนร้องทันทีที่ผมเผยเหรียญออกสู่สายตาประชาชน ไอ้ยิมถอนหายใจยาวด้วยความเซ็งๆ “เห็นมั้ย เพราะเมื่อเช้ากูใส่บาตรและทำบุญมาดี กูถึงโชคดีไง ป้ะ งั้นไปแดกข้างนอกกัน”
“เออๆ” ผมเออออด้วยความเหนื่อยหน่าย ใจนึงก็ขี้เกียจเพราะมันค่อนข้างจะไกล แต่อีกใจก็อยากลอง ไอ้ปืนคว้าคอผมด้วยแขนข้างนึงก่อนจะฉุดกระชากให้เดินตามโดยที่ไม่สนใจไอ้ยิมที่ยืนอยู่
“ยิม มึงมาดิ” ผมเรียกให้ไอ้ยิมเดินตามมาแต่มันก็ยืนนิ่งๆ ไม่ยอมขยับพร้อมใบหน้าขวางโลก
“ไม่ไปอ่ะ มึงไปเหอะ”
“อ้าว ทำไมวะ มากินด้วยกันดิ” ผมหยุดเท้าและฝืนแรงของไอ้ปืน ทำให้มันต้องหยุดตามผมด้วย มันหันไปมองหน้าไอ้ยิมแล้วย่นคิ้วเล็กน้อย
“กูขี้เกียจไป พวกมึงไปเหอะ” มันโบกมือไล่ และประโยคของมันทำให้ใจผมเริ่มอึดอัดขึ้นมาอีกครั้ง ถึงปากมันจะบอกอย่างนั้น แต่ผมสัมผัสได้ถึงพลังงานอะไรบางอย่างที่แผ่ออกมาจากคนตัวสูง
“เฮ้ย ไปด้วยกันดิ แป๊ปเดียวเองมึง กินแป๊ปๆ ก็รีบกลับมาไง” ผมพยายามจะกล่อมไอ้ยิมให้ตามมาด้วย
“เออ ไม่เป็นไร พวกมึงไปกันเลย กูจะกินที่โรงอาหาร”
“แต่...” ผมกำลังจะค้านทว่าไอ้ปืนยกมือขึ้นมาเบรกพร้อมใบหน้าเซ็งตามไม่ต่างกันและสิ่งที่มันบอกก็สร้างความกดดันให้ผมมากขึ้น
“มันไม่ไปก็ช่างมันเหอะ... เราไปกันสองคนก็ได้”