โห อะไรของพวกมันวะ บทจะชวนก็ชวนพร้อมกันโดยไม่ได้นัดหมาย และนี่ยิ่งทำให้ผมตัดสินใจยากขึ้น และถ้าผมเลือกใครคนใดคนหนึ่ง ผมก็รู้เลยว่าอีกคนจะต้องตีบทดราม่าแน่ๆ
[ว่าไงมึง สนมั้ย ถ้าสนใจกูจะได้บอกพี่เจ้าของห้องไว้เลย] ไอ้ปืนเร่งเร้าตามประสา ก่อนที่ไอ้ยิมจะย่นคิ้วมองผมเล็กๆ นั่นไง ไอ้นั่นก็กดดัน ไอ้นี่ก็กดดัน
“เฮ้ย ใจเย็นดิ วันนี้พวกมึงเป็นอะไรกันวะ เมื่อกี้ไอ้ยิมก็ชวนกูอยู่กับมันเนี่ย” ผมว่าพลางหันไปสบตาไอ้ยิมที่กำลังฟังผมพูดอยู่ มันพยายามจับใจความและดูท่าจะเข้าใจสถานการณ์ที่กำลังบังเกิดกับผมภายในเสี้ยววินาที
“เฮ้ย กูชวนก่อนไอ้ปืน มึงต้องมาอยู่กับกูดิ” ไอ้ยิมเบ้หน้าและทันทีที่มันพูดจบ ไอ้ปืนที่อยู่ในสายก็โพล่งขึ้นมา
[ชวนก่อน ชวนหลังไม่เกี่ยวโว้ย อยู่ที่ไอ้ยีนส์อยากไปอยู่กับใคร] เป็นเพราะไอ้ปืนมันตะโกนเสียงดังมาก และดังพอที่ไอ้ยิมจะได้ยิน ความหงุดหงิดก็ปรากฏบนสีหน้าคนข้างๆ ผมทันที
“แล้วทำไมมันต้องมาชวนมึงไปอยู่กับมันตามกูด้วยวะ” ไอ้ยิมบ่นอุบให้เราได้ยินกันแค่สองคน คิ้วมันย่นติดกันจนแทบจะผูกเป็นโบว์ได้ ผมยิ้มแหยๆ ไม่รู้จะตอบอะไรมัน เพราะไอ้สิ่งที่มันเพิ่งถามมา ผมก็อยากรู้เหมือนกัน ว่าพวกมันเล่นอะไรกันอยู่วะ
[ยีนส์ มึงเอาไง กูแล้วแต่มึง มึงจะอยู่กับไอ้ยิมก็ได้ แต่ถ้ามึงไม่อยู่กับกู มึงพลาดนะ กูพูดเลย]
“เชี่ย กูไม่รู้ อยู่ดีๆ พวกมึงก็มารุมถามกู ใครจะไปคิดทันวะ” ผมบ่ายเบี่ยงที่จะเลือก รู้สึกปวดสมองตุบๆ เพราะสัมผัสได้ถึงสงครามเย็นที่กำลังบังเกิด
“มึงจะไปอยู่กับมันเหรอ?” ไอ้ยิมมองผมด้วยสายตาดุดันและคาดโทษ ผมรีบปฏิเสธ
“กูยังไม่ได้พูดเลยว่ากูจะไปอยู่กับใคร”
“แล้วมึงจะอยู่กับใครล่ะ” ไอ้ยิมถามอีก เหมือนมันจะเอาคำตอบให้ได้ในตอนนี้ วินาทีนี้ ผมก็เลยคิดหนัก มือข้างนึงยกขึ้นมาปาดเหงื่อด้วยท่าทีเครียดๆ
“งั้นอยู่กันสามคนเลยมั้ย อยู่ด้วยกันไปเลย”
สงครามโลกครั้งที่สามยังไม่เลวร้ายเท่าสงครามระหว่างไอ้ปืนกับไอ้ยิมเลยก็ว่าได้ ผมถอนหายใจพร้อมกับแสดงสีหน้าโปกเกอร์เฟสใส่ไอ้ยิม
“อยู่สามคนก็เหี้ยละ ถ้ากูอยู่กับไอ้ปืนคงต่อยกันตาย” ไอ้ยิมสบถทันทีที่ผมพูดจบ พร้อมๆ กับไอ้คนปลายสายที่บ่นด้วยน้ำเสียงหงุดหงิดไม่ต่างกัน
[อยู่เหี้ยไร ไม่อยู่ กูจะอยู่แค่กับมึง]
“เอางี้ เดี๋ยวกูดูก่อน ค่อยว่ากัน” ผมเปลี่ยนประเด็นแล้วบ่ายเบี่ยงที่จะตัดสินใจในตอนนี้ แต่ผมมีคำตอบไว้ในใจอยู่แล้วคือผมจะอยู่คนเดียว ผมไม่เลือกใครคนใดคนนึงแน่ เพราะผมไม่อยากเจอความน้อยใจจากอีกคนที่ประดังประเดเข้ามา และแน่นอนว่าผมไม่ใช่คนดีขนาดที่จะรับความรู้สึกด้านลบของคนอื่นได้ทุกวัน
“ดูก่อนอะไร มึงก็เคลียร์ไปเลยดิ ตอบตอนไหนก็เหมือนกันนั่นแหละ” ไอ้ยิมเร่งเร้าจะเอาคำตอบเอาให้ได้ ในขณะที่ปลายสายก็...
[มึงไม่ต้องเกรงใจไอ้ยิมหรอก อยากอยู่กับกูก็บอกมันไปตรงๆ] ไอ้ปืนพูดด้วยน้ำเสียงติดตลกและกลั้วหัวเราะไปด้วย แต่ไอ้ยิมไม่ตลกตาม
“ใครจะอยากอยู่กับคนอย่างมึงวะปืน อย่ามโนให้มาก” ไอ้ยิมเริ่มจิ๊จ๊ะกับความกวนประสาท ในขณะที่ผมยืนนิ่งๆ และแค่นหัวเราะเบาๆ “ตกลงมึงเอาไงยีนส์”
[ยีนส์ กูรักมึงนะเพื่อน มาอยู่กับกูเถอะนะ นะ นะ นะ นะ นะ] ไอ้ปืนพยายามจะใช้น้ำเสียงอ้อนวอน ในขณะที่ไอ้ยิมชักสีหน้าไม่ชอบใจแลดูจะรำคาญปลายสายโคตรๆ
“ก็ดูก่อน เดี๋ยวค่อยว่ากัน”
[แล้วมึงจะให้คำตอบกูได้วันไหนวะ กูกลัวจะมีคนจองตัดหน้าก่อนอ่ะดิ]
“ก็ดูก่อนอะมึง ถ้ากูเลือกพวกมึงสักคน เดี๋ยวอีกคนก็มาน้อยใจกูอีก” ผมตอบไปตามตรงแล้วมองหน้าไอ้ยิมไปด้วย แค่สบตากันเล็กน้อยก็รู้เลยว่ามันจะต้องหงุดหงิดจนฆ่าคนได้แน่ ถ้าผมไปอยู่กับไอ้ปืน
[มึงก็เว่อร์ไป โตๆ กันแล้ว ไม่มีใครเขาน้อยใจหรอก]
อะเหรอ... ผมกลอกตาเป็นเลขแปด อยากจะอัดเสียงที่มันเพิ่งพูดไว้กรอให้มันฟังตอนที่มันกระเง้ากระงอดเรื่องของผมกับไอ้ยิม
“งั้นถ้ากูอยู่กับไอ้ยิม มึงจะไม่น้อยใจกู... ถูกต้องปะ?”
[มึงจะไม่เลือกกูเหรอ เสียใจสัส เรารักกันไม่ใช่เหรอวะ]
“กูจะไม่รักก็ตอนมึงเวิ่นเว้อเพ้อเจ้อไม่เลิกเนี่ยแหละ” ผมว่าพร้อมยิ้มนิดๆ
“ยังไงก็ได้ กูแล้วแต่” ไอ้ยิมไหวไหล่ บอกผมอย่างนั้น แต่ผมรู้ว่าถ้าผมไม่อยู่กับมัน มันจะต้องตึงใส่ผมแน่
[เห็นปะ ไอ้ยิมเปิดทางให้เราละนี่ไง ยังไงยีนส์ ยังไง]
“ก็ดูก่อนไง” ผมยังยืนยันที่จะพูดคำเดิม
[โหย เซ็งว่ะ กูโทรมาไม่ได้อยากฟังคำว่าดูก่อนนะ]
“ปืน มึงดีดอะไรเนี่ย ไอ้ยีนส์บอกว่าดูก่อนก็คือดูก่อนดิวะ มึงไม่เข้าใจภาษาไทยรึไง” ไอ้ยิมจิ๊ปากหงุดหงิดในความเซ้าซี้ของไอ้ปืน
ในชั่วขณะนึงที่ไอ้ยิมหันมาสบตากับผม ผมไม่รู้ว่ามันมองออกรึเปล่า แต่คงยากเพราะผมเป็นมนุษย์ที่เก็บความรู้สึกเก่ง บางทีผมก็ชอบพูดเหมือนมันเป็นเรื่องเล่นๆ แต่ความจริงผมไม่ได้เล่น
“แหม กูก็ไม่อยากรับสายเพื่อมาฟังมึงเซ้าซี้ให้กูรำคาญเหมือนกันแหละ 55555555”