EP06.2 ll หยก [2]

1103 Words
“นี่มึงกับมันรู้จักกันจากที่ไหนเนี่ย ศรีธัญญาปะวะ” ไอ้ปืนหัวเราะ “ศรีธัญญานี่บ้านมึงใช่ปะวะ” ไอ้ยิมกวนตีน “ใช่อ๋อวะ อาจจะเป็นเรือนหอของกูกับมึงก็ได้นะยิม” ไอ้เชี่ยปืนสวนด้วยสิ่งที่ไอ้ยิมขยะแขยงเป็นที่สุด จนมันแสดงสีหน้ารังเกียจอย่างเห็นได้ชัด “เดี๋ยวกูต่อยปากแตก พูดอะไรอัปมงคล” “เฮ้ยไม่เอาๆ อย่าทะเลาะกันเพราะเรื่องของเราเลย” ไอ้เหี้ยหยกสาระแนขึ้นมาและนั่นทำให้ผมจิ๊จ๊ะ ด้วยความที่ผมหมั่นไส้หน้ามันอยู่แล้ว ผมยิ่งเกลียดอากัปกิริยาที่มันแสดงออกตอนจีบปากจีบคำกับไอ้ยิมและไอ้ปืน ถ้าเป็นคนอื่นที่ไม่รู้จักสันดานประสาทของมันคงคิดว่ามันพูดเล่น แต่จากประสบการณ์ตรงคือมันพูดจริง “ว่าแต่กินเสร็จแล้วพวกมึงจะขึ้นไปเรียนเลยจริงดิ” “ก็เออสิ” ผมตอบสั้นๆ “แล้วกูล่ะ” “เรื่องของมึงไง” เสียงผมนิ่งขึ้น “อ้าว ไรวะ เรียกกูมาแล้วเทกูงี้เหรอ” ใคร... ใครเขาจุดธูปเชิญมึงมาไม่ทราบ กูเรียกไลน์แมนต่างหาก ใครจะไปรู้ว่าไอ้คนที่ส่งของคนนั้นจะเป็นมึงเนี่ย! ผมถอนหายใจได้แต่คิดอยู่ในสมองเพราะพูดไปก็เมื่อยปาก “กูขึ้นไปเรียนด้วยได้ปะวะ” “...” “โอเค กูขึ้นไปเรียนด้วยนะ” ไอ้เหี้ยหยกพูดเอง เออเอง สรุปเอาเอง ไม่ได้มีใครอนุญาต แต่มันก็สามารถอนุญาตตัวเองให้เข้าไปเรียนกับพวกผมได้อย่างไม่สนหมูสนหมาใดๆ ทั้งสิ้น เย่เฮทททท! “มึงจะไปทำเหี้ยไรวะ” ผมย่นคิ้วก่อนที่จะมองหน้าไอ้หยกที่ทำเป็นหูทวนลมและหันไปบอกกับไอ้ปืนว่าไก่อร่อย ผมก็เลยได้แต่สบถในใจว่าเหี้ยๆๆๆๆ ติดกันแบบไม่เว้นวรรค! คนอย่างมึงนี่... ให้ตายเถอะ!! @อาคารเรียน A มันตามมา... มันตามมาจริงๆ ด้วย งานการที่มีมันก็ไม่ทำ ยังคงเป็นคนเหี้ยๆ เหมือนเมื่อก่อนที่นึกอยากทำอะไรก็ทำ อยากจะเลิกอะไรก็เลิก ไม่ได้แยแสและแคร์อะไรบนโลกนี้ ไอ้ปืนกับไอ้ยิมไม่ได้ว่าอะไรเพราะเห็นว่าไอ้เหี้ยหยกเป็นเพื่อนผม “ยีนส์ กูลืมปากกามาว่ะ มึงมีปากกาให้กูยืมปะ?” ไอ้ยิมว่าก่อนจะหันมาทางผม ทั้งเนื้อทั้งตัวมันไม่มีหนังสือสักเล่ม มีแค่ชีทในมือแค่ชุดเดียวที่เพิ่งซีจากร้านถ่ายเอกสารเมื่อตะกี้ เหมือนมันไม่คิดจะเอาอะไรมาเรียนเลยนอกจากตัวและเสื้อผ้าของมัน “กูมีแท่งเดียวว่ะ” ผมว่าก่อนจะชูปากกาในมือให้มันเห็น ซึ่งผมก็ไม่ต่างจากไอ้ยิมนักเพราะออกจากหอมา นอกจากเงินกับปากกา ผมก็ไม่มีอะไรอีก “ปืน มึงมีปากกาให้ไอ้ยิมยืมปะวะ?” “กูจะให้ยืมถ้ามึงพูดว่าพี่ปืนครับ กระผมน้องยิมขอยืมปากกาหน่อยแล้วนั่งลงคุกเข่าอ้อนวอนกู” “มีแต่กูจะต่อยมึงอ่ะสัสปืน” ไอ้ยิมย่นคิ้วหงุดหงิดก่อนจะพ่นลมหายใจเซ็ง หันไปสบตากับไอ้เหี้ยหยกที่เดินอยู่ข้างผม แล้วหันไปฉีกยิ้มเป็นมิตรให้มัน “อ่า หยก... ใช่ปะ? มีปากกาปะวะ ขอยืมหน่อยดิ” “อ๋อ... มีดิ แป๊ปนึง” ไอ้เหี้ยหยกยิ้มกริ่มแล้วล้วงเข้าไปในกระเป๋ากางเกงและยื่นให้ ในขณะที่ไอ้ยิมยื่นมือรับมันก็สะดุ้งเล็กน้อยเพราะนิ้วโป้งไอ้ยิมดันไปโดนฝ่ามือของมันเล็กน้อย “ตามสบายเลย เอาไปเลยก็ได้” “ขอบใจ” “เออ เพื่อนยีนส์ก็เหมือนเพื่อนกูแหละ” มันว่าแล้วส่งสายตาปิ๊งๆ ผมรู้สึกพิลึกกับบรรยากาศนิดหน่อยแต่พยายามจะไม่สนใจจนกระทั่งที่ผมก้าวเท้าจะเดินต่อ ไอ้เหี้ยหยกก็ดึงแขนผมให้เดินช้าลงและถอยไปอยู่ด้านหลังของพวกไอ้ยิมและไอ้ปืน ผมหันไปจิ๊จ๊ะก่อนจะมองหน้ามันอย่างหงุดหงิด “อะไรของมึงอีกเนี่ย” “คนเมื่อกี้ชื่อยิมปะวะ” มันว่า “เออ ทำไม” “กูเห็นเขามองกูตั้งแต่ตอนที่กูแดกข้าวละ” “แล้วทำไมวะ แปลกตรงไหน?” ผมงงมากว่ามันจะสื่ออะไร ก่อนที่ไอ้เหี้ยหยกจะเม้มริมฝีปากเล็กน้อยเหมือนครุ่นคิดและกระซิบกระซาบสิ่งที่ทำให้ผมแทบกุมขมับ “กูว่าเพื่อนมึงอ่ะชอบกู” “...” “จริงๆ นะมึง กูเห็นเขามองกูตั้งแต่เดินเข้าไปพร้อมมึงละ” มันพยายามสรรหาเหตุผลมาประกอบสิ่งที่มันพูดให้ดูน่าเชื่อถือมากขึ้น ผมหัวเราะแหยๆ ก็มึงเป็นคนที่ไอ้ยิมไม่รู้จักแล้วเดินมากับกู มันก็ไม่แปลกที่มันจะมองปะวะ! ถ้ามันไม่มองมาที่พวกผม จะให้มันมองอะไร มองเสาเหรอ??? “ไม่มั้ง” “เนี่ย เมื่อกี้ก็ยืมปากกากูด้วย” “ก็ต้องยืมมึงปะวะ เพราะกูไม่มี ไอ้ปืนก็ไม่ให้ ไม่เห็นแปลก” “เขาจำชื่อกูได้ด้วยนะเว้ย” “เอ้า คนนะไม่ใช่ปลาทองที่จะลืมทุกสามวินาทีอ่ะ” ผมเถียงคำไม่ตกฟาก นึกเหนื่อยใจกับความมโนอันล้นเหลือของมัน แต่ไอ้เหี้ยหยกก็ดันทุรังจะให้ไอ้ยิมชอบมันให้ได้ “ยีนส์... มึงฟังนะ” มันตีสีหน้าจริงจัง “อะไร?” “เราเลิกกันมานานแล้วนะเว้ย” “ฮะ?” “มึงอย่าหึงกูดิ” โอ้โห ไอ้เหี้ยหยก มึงมั่นหน้ามากกกกก มึงซื้อมาจากไหนเนี่ยความมั่นใจ ขอซื้อไปขายต่อหน่อยเหอะ!!! “เหี้ยไรของมึงเนี่ย” ผมสบถและทำหน้าแบบ... มึงประสาทเหรอ ใส่มัน แต่มันก็ยังมิวายตบบ่าผมฉาดๆ สามที แล้วยังบังอาจจินตนาการต่อ “ไม่ต้องพูดหรอก กูรู้” รู้... รู้เหี้ยอะไรรรรรรร!!!! “มึงหยุด! กูไม่ได้หึง คนเหี้ยๆ อย่างมึงออกจากชีวิตกู กูดีใจจะตายชัก 555555+” ผมด่าไปหัวเราะไปให้ติดตลก แต่ทุกคำผมพูดจริงที่สุดเท่าที่จะจริงได้ “อ่ะๆ กูจะเชื่ออย่างนั้นก็ได้ แล้วแต่มึงอ่ะ” สัสเอ๊ย! “ถ้ามึงไม่หึงจริง งั้นมึงก็ต้องช่วยกู” ไอ้เหี้ยหยกยิ้มหวานและสบตาผมปิ๊งๆ ผมพ่นลมหายใจเพราะไม่คิดว่าสิ่งที่มันพูดจะเป็นเรื่องมงคลหรอก “ช่วยไรวะ” “ก็ช่วยจีบเพื่อนมึงอ่ะดิ”
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD