“เรื่องเหอะ” ผมปฏิเสธแทบจะทันควันก่อนที่ไอ้เหี้ยหยกจะบังอาจตวัดนิ้วชี้เข้าที่หน้าผมพร้อมรอยยิ้มกรุ้มกริ่มที่ผมเกลียดเป็นที่สุด!
“นั่นไง มึงหึงกู!”
ผมถอนหายใจเหนื่อยมาก ไม่รู้ว่ามันมาอีหรอบนี้ได้ยังไง ไอ้ตรรกะที่ว่าผมไม่จีบไอ้ยิมให้เพราะผมหึงมันนั่นประสาทสิ้นดี!
“หึงห่าไร ไม่เกี่ยวปะ?”
“มึงยังตัดใจจากกูไม่ได้อีกเหรอวะ”
สัสเอ๊ย!!!!
ผมกัดฟันกรอดๆ เลือดในตัวพลุ่งพล่านและเดือดดาลจนต้นมาม่าสุกได้โดยใช้เวลาไม่ถึงสามนาที ผมเกลียดไอ้เหี้ยหยกก็ตรงนี้ แหม หล่อมากมั้ง มึงเนี่ย! คิดว่าเป็นฮยองวอนมอนต้าเอ็กซ์เหรอสัส ที่ทุกคนจะเห็นหน้ามันแล้วชอบเนี่ย!
“มึงเป็นไรมากปะเนี่ย”
“ถ้ามึงตัดใจได้แล้วก็จีบให้กูดิ อย่ามาหวงก้างน่า”
ดูมัน.... มันยังสามารถวกกลับมาเรื่องเดิมได้ แม้ผมพยายามจะเบี่ยงประเด็น
“มึงจะจีบก็เรื่องของมึง แต่กูไม่ช่วย และไม่ต้องมาบอกให้กูช่วย เพราะกูเกลียดขี้หน้ามึงมาก เข้าใจปะ 5555555” ผมหัวเราะเพื่อให้ประโยคมันซอฟต์ลง แต่ผมคิดผิด ผมควรจะด่ามันจริงจังมากกว่านี้ เพราะไอ้เหี้ยหยกเป็นคนที่ไม่สะทกสะท้านกับคำด่าใดๆ
“สัส ปากไม่ตรงกับใจเลยนะมึงเนี่ย หึงก็พูดดิวะ กูเข้าใจน่า” ไอ้เหี้ยหยกไม่เลิกจินตนาการมันตบบ่าผมอีกสามครั้งพร้อมรอยยิ้มน่าถีบ ผมเบ้ปากและกลอกตาสามร้อยหกสิบองศาเพื่อไว้อาลัยให้ความประสาทของมัน
“ยีนส์ มึงเดินช้าจังวะ ปล่อยให้กูเดินกับไอ้ปืนทำไมเนี่ย” ไอ้ยิมหันมาหงุดหงิดด้วยใบหน้าดุๆ ของมันและไอ้เหี้ยหยกก็ไม่วายที่จะคิดเข้าข้างตัวเองได้ด้วยประโยคที่ไอ้ยิมเพิ่งพูด
“เห็นปะ จริงๆ เขาเอามึงเป็นข้ออ้าง เขาอยากจะเดินข้างกู”
จ้า... แล้วแต่มึงเลยจ้า
ผมไม่พูดอะไรต่อ ขี้เกียจจะคุยกับแม่งก็เลยสาวเท้าให้ไวขึ้นและก่อนที่ผมจะได้เดินข้างไอ้ยิม ไอ้เหี้ยหยกก็ใช้มือทั้งสองข้างแหวกกลางระหว่างผมกับไอ้ยิม ก่อนที่จะแทรกตัวมายืนแทนที่
...แหมมมมมมมมมมมมมมมม
อยากจะแหมไปให้ถึงนิวยอร์ค เหอะ!!!!
@ห้องเรียน
พวกผมมาถึงที่ห้องเรียนกันแล้ว และก็หย่อนก้นลงเก้าอี้โดยที่ผมจงใจแทรกระหว่างไอ้เหี้ยหยกกับไอ้ยิมเพราะความหมั่นไส้ประกอบรำคาญ ถ้าให้อธิบายเป็นลำดับก็จะเป็นแบบนี้ >>
ปืน > ไอ้เหี้ยหยก > ยีนส์ > ยิม
ไอ้เหี้ยหยกทำหน้าไม่พอใจอย่างมากที่ผมบังอาจมาขวางกั้นความรักของมันอย่างนี้ แต่ผมก็ไม่สน มันจะหาว่าผมหึงก็แล้วแต่ ผมเหนื่อยจะอธิบายและสลายมโนมันแล้ว!
“ยีนส์ ตกลงมึงเลือกยังวะ ว่าจะอยู่หอกับใคร” ไอ้ยิมหันมาถามด้วยน้ำเสียงเรียบ และการที่มันหันมาทางผมก็กลายเป็นว่าสายตาของมันอยู่ในรัศมีที่จะมีไอ้เหี้ยหยกอยู่ในสายตาไอ้ยิมด้วย
“อยู่หออะไรกันเหรอออออ” เสียงของบุคคลที่ไม่ต้องการดังขึ้นมาจากทางด้านหลังและทำให้ผมหน้าบึ้งโดยฉับพลัน น้ำเสียงของมันสดใสจนน่าถีบ
“ไม่ต้องยุ่งได้ปะวะ กูคุยกับไอ้ยิมอยู่ เสือกอีกละ” ผมหงุดหงิดมากแต่ต้องข่มอารมณ์เอาไว้เพื่อไม่ให้ระเบิดและเผลอจับไอ้เหี้ยหยกทุ่มเข้ากับโต๊ะ ผมก็ไม่ได้เกลียดมันเท่าไหร่นะ แต่ถ้ามันตาย ผู้ต้องสงสัยน่าจะเป็นผม
“โหย ทำไมมึงต้องดุกูด้วยวะ” มันทำหน้าสลดอยู่สามวิ ย้ำ... สามวิเท่านั้น! “ว่าแต่จะย้ายหอกันเหรอวะ เออ ช่วงนี้กูก็ว่าจะย้ายหออยู่เหมือนกัน หอเก่ามันอินเตอร์เน็ตกากมากเลยอ่ะ” มันว่าพลางลอบมองไปที่ไอ้ยิมประหนึ่งจะให้คนตัวสูงชวนไปอยู่ด้วย ไอ้ยิมทำหน้างงๆ นิดนึงก่อนจะยิ้มจนตาหยี
“เหรอ พอดีเลยว่ะ”
ผมหันไปที่ไอ้ยิมดังขวับ!
พอดี... อะไรคือสิ่งที่มันบอกว่าพอดี อย่าบอกนะว่ามันจะชวนไอ้เหี้ยหยกไปอยู่ด้วยเพราะเคืองผมเรื่องไอ้ปืน?!?
เฮ้ คิดดีๆ ก่อนมั้ย ปลาร้าพันห่อด้วยใบคา ใบก็เหม็นคาวปลาคละคลุ้งนะไอ้ยิมมมม!! กูจะเตือนแค่นี้!!
“พอดีอะไรเหรอ??” คนข้างซ้ายของผมทำตาใสซื่อ ไอ้ยิมยิ้มหวานก่อนจะตวัดนิ้วชี้ไปที่คนที่อยู่ริมซ้ายสุดของผมที่กำลังหยิบชีทและสมุดขึ้นมาวางบนโต๊ะ
“ไอ้ปืนกำลังหารูมเมทคนใหม่อยู่เลยอ่ะหยก ลองถามมันดูดิ”
ไอ้หยกชะงักเล็กๆ แล้วหันตามนิ้วของไอ้ยิมที่ชี้ตรงไปที่ไอ้ปืน
“เนอะยีนส์” ไอ้ยิมว่าก่อนจะมองผมเล็กน้อยเพื่อให้ผมเออออคล้อยตามมันไปด้วย อันที่จริง ไอ้ยิมค่อนข้างจะเจ้าเล่ห์ มันรู้ว่าผมลำบากใจที่จะเลือกมันกับไอ้ปืน มันก็เลยตัดคู่แข่งด้วยการโยนไอ้หยกไปทางไอ้ปืนซะ
เอาจริงๆ ผมก็สงสารไอ้ปืนอ่ะ แต่ผมสงสารตัวเองมากกว่า
“ฮะ เออ ใช่ ไอ้ปืนหารูมเมทอยู่อ่ะ มึงลองถามมันดิ” ผมเออออไปตามระเบียบ ไอ้หยกหันมายิ้มกรุ้มกริ่มพร้อมรังสีแปลกๆ ในตอนที่มันมองผม ก่อนจะตบบ่าผมหนึ่งที
“ไม่ต้องกัดฟันพูดก็ได้นะยีนส์ กูรู้หรอกว่ามึงอ่ะ...” มันยกยิ้มประสาทก่อนจะกระซิบข้างหูผมด้วยน้ำเสียงราบเรียบ “...หึงกูอะดิ”
-_-
-__________-?????
หึง??
หึงอะไรของมึงวะ!!
ผมแทบสบถออกมาไม่เป็นภาษาตอนที่มันมโนสาเหร่ว่าผมหึงมัน แต่ผมก็ต้องหยุดอารมณ์ตัวเองไว้ด้วยการกดแรงโทสะลง ไม่งั้นผมคงได้ฆ่ามันแน่ๆ
“กูก็ไม่รู้อะนะว่ามึงจะช่วยกูจีบเพื่อนมึงรึเปล่า แต่ถ้ามึงไม่ช่วยกูก็ไม่แน่ใจว่ากูจะพูดอะไรออกไปบ้างนะ” ไอ้หยกกระซิบก่อนจะยิ้มชั่วๆ เหมือนคิดแผนเลวๆ สไตล์มันอยู่ ผมย่นคิ้วเล็กๆ
“พูดไรของมึง”
“เนี่ย พวกมึงงงงงง รู้ป้ะ ไอ้ยีนส์ตอนมัธยมอ่ะ” จู่ๆ ไอ้เหี้ยหยกก็เปิดประเด็นเรียกร้องความสนใจจากทั้งไอ้ปืนและไอ้ยิมให้หันมองมันด้วยความสนใจ โดยเฉพาะไอ้ปืนผู้ชอบเสือกอยู่แล้ว มันยิ่งตาไม่กะพริบ
“ไอ้ยีนส์ตอนมัธยมทำไมวะ” ไอ้ปืน
“...” ไอ้ยิม
“อะไรของมึงวะหยก” ผมเอง
“เมื่อก่อน กูกับไอ้ยีนส์อะนะ” ไอ้เหี้ยหยกพูดต่อแล้วทำหน้ากรุ้มกริ่ม มันรู้ว่าผมเกลียดอะไรที่สุด และมันกำลังจะทำสิ่งนั้น ผมถลึงตา
“หยก มึงจะพูดไร?”
“เมื่อก่อนอะไรวะ” ไอ้ปืนทำหน้าวอนนาเสือกมาก จนผมเหงื่อแตกพลั่ก แค่นึกย้อนไปในสมัยก่อนผมก็ขนลุกขนพอง ยิ่งมองไอ้เหี้ยหยกก็ยิ่งไม่เข้าใจว่าเมื่อก่อนผมคิดอะไรอยู่ ผมถึงคบกับคนอย่างมันได้ ผีสิงมั้งเนี่ย!
“คบกันแหละ” ไอ้เหี้ยหยกเอ่ยขึ้นมาและคำพูดของมันก็ทำให้ทุกคนชะงัก ผมอึ้งมาก ไม่คิดว่าจู่ๆ มันจะพูด ผมเลยร้อนตัวรีบแก้ประโยคของมันทันที
“คบกันเป็นเพื่อนรัก เพื่อนสนิทไง พวกมึงจะตกใจทำไมวะ 55555+”