ตอนที่ 10 #โครงการใหม่ (25%)

1363 Words
เรื่อง : ซ้อนกลรัก ตอนที่ 10 #โครงการใหม่ (25%) โดย : Kwitch (เขียนเป็นภาษาไทยว่า กวิชญ์ (อ่านว่า กะ-วิช (ออกเสียง “เฉอะ”))) กันตภัทร์พยุงคีตาและพาเดินไปที่ม้านั่ง หญิงสาวยังคงมีอาการเหม่อลอย ในขณะที่หย่อนตัวลงบนม้านั่งนั้น น้ำตาก็ค่อย ๆ เอ่อล้นออกมาจากดวงตากลมโต เธอยกมือทั้งสองข้างขึ้นมากุมใบหน้าของเธอเพื่อบดบังความชอกช้ำเอาไว้ เพราะตอนนี้ความสามารถในการควบคุมการทำงานของต่อมน้ำตาของเธอนั้นล้มเหลวไม่มีชิ้นดี ‘คุณคี’ หญิงสาวสูดหายใจเข้าลึกเพื่อพยายามตั้งสติ จากนั้นจึงเงยหน้าขึ้นไปตามทิศทางของเสียงนั้น ชายหนุ่มยื่นผ้าเช็ดหน้าเนื้อคอตตอนพื้นสีขาวแกมลายสีน้ำเงินให้ใบหน้าใส ดวงตาคู่งามสะท้อนความปวดใจออกมาเต็มเปี่ยมได้เหลือบไปจ้องตาเขา และตัดสินใจรับผ้าเช็ดหน้าผืนนั้นมา เพียงเพราะต้องการซับคราบน้ำตาที่ปรากฏเป็นร่องรอยชัดเจนบนใบหน้าของเธอ ‘ขอบคุณค่ะ’ หญิงสาวใช้ผ้าเช็ดหน้าซับน้ำตาที่ยังคงไหลอยู่เนือง ๆ แล้วถอนหายใจยาว ‘กลับกันเถอะนะคะ’ น้ำเสียงเจือสะอื้นของเธอฟังคล้าย ๆ จะร้องไห้ออกมาเต็มแก่ แต่เธอก็พยายามสะกดกลั้นอารมณ์เหล่านั้นเอาไว้เพื่อไม่ให้ต่อมน้ำตาแตกออกมาอีกครั้ง ดวงตาเข้มของชายหนุ่มมองไปที่ใบหน้างามซึ่งเต็มไปด้วยรอยน้ำตาของหญิงสาวอย่างอาทร เขาย่อตัวลงคุกเข่ากับพื้นแล้วเปิดกล่องเพื่อหยิบรองเท้าแตะสีขาวเรียบหรูที่อยู่ข้างในนั้นออกมาสวมให้กับเธอ เธอยินยอมให้เขาปรนนิบัติโดยไม่ได้ขัดขืน เพราะในเวลานี้เธอไร้ซึ่งเรี่ยวแรง แม้กระทั่งคำพูดก็ยังยากนักที่จะเอ่ยออกมาได้ ‘มีแผลมากขึ้นกว่าเดิมอีก...เดี๋ยวถึงบ้านแล้วผมจะทำแผลให้นะครับ’ นัยน์ตาทรงเสน่ห์ส่องแววประกายความอ่อนโยนเหลือบขึ้นมองไปที่หญิงสาว ‘ขอบคุณค่ะ’ น้ำเสียงเรียบเฉยไม่แฝงความรู้สึกใด ๆ หลังจากที่ชายหนุ่มไปส่งหญิงสาวที่บ้านและทำแผลที่เท้าให้เธออีกครั้ง เธอยังคงนิ่งเงียบไม่พูดอะไร...แม้ว่าชายหนุ่มจะมีความอยากรู้อยากเห็นเกี่ยวกับเรื่องในวันนี้อยู่มากก็ตาม...เรื่องอันเป็นสาเหตุทำให้เธอเป็นแบบนี้ ชายหนุ่มคิดย้อนแย้งกับตัวเองอยู่ในใจ ‘ก็แค่อยากรู้นิดเดียวก็เท่านั้นแหละ ไม่ได้จะอยากรู้อะไรมากมาย’ แต่ทว่าเขาก็ตัดสินใจกลับออกมา เพราะคิดว่าหญิงสาวคงต้องการใช้เวลาอยู่คนเดียวมากกว่า กันตภัทร์เงยหน้าขึ้นไปดูสัญญาณไฟจราจรสีแดงซึ่งตัวเลขกำลังนับถอยหลัง เมื่อเขาเห็นจำนวนวินาทีที่เหลืออยู่ก็ถึงกับถอนหายใจยาว ‘อีกตั้ง 180 วินาทีเลยเหรอเนี่ย’ ในระหว่างนั้นเขาเหลือบไปเห็นถุงพลาสเตอร์ยาซึ่งวางไว้ตรงที่นั่งข้างคนขับแล้วก็ระบายยิ้มที่มุมปากออกมา วันนี้เกิดเหตุการณ์หลายอย่างที่ทำให้เขาประหลาดใจไม่น้อย เธอ...คีตา...ว่าที่คู่หมั้นที่เขาไม่เคยรู้จักมาก่อนตลอดชีวิตที่ผ่านมา...และเขาก็ไม่แน่ใจได้เลยว่า เขาจะสามารถรู้จักเธอให้มากกว่านี้ได้รึเปล่า...แม้ว่าภายนอกเธอจะดูเป็นผู้หญิงที่มีหน้าตาน่ารัก เหมือนกับคนธรรมดาทั่วไป...แต่ในวันนี้ชายหนุ่มได้มีโอกาสพิจารณาเธอได้อย่างละเอียดกว่าเดิม...ผิวที่ขาวใสเนียนละเอียด ใบหน้าเล็กเท่าฝ่ามือ ตาโต จมูกโด่งทรงหยดน้ำ ปากเล็กบางได้รูป จะเรียกว่า ปากนิดจมูกหน่อยก็ได้ แต่เธอก็แอบมีแก้มนิด ๆ ดูแล้วน่าจับ...ผมบ๊อบสั้นหน้าม้า ช่างเข้ากับใบหน้าอันจิ้มลิ้มและบุคลิกของเธอเอาเสียมาก ๆ...แถมวันนี้เธอยังใส่ชุดเดรสเปิดไหล่ สีขาว มีลูกไม้ประปราย ความยาวเท่าหัวเข่า ซึ่งเหมาะกับรูปร่างสันทัด ผอมบาง และไม่สูงมากเท่าไหร่อย่างเธอ...มันช่างทำให้เธอดูเปล่งประกายจนชายหนุ่มเห็นแล้วก็ไม่อยากจะละสายตาไปจากเธอเลย...ยังมีอีกเรื่องที่ชายหนุ่มแอบชื่นชมเธอก็คือ เธอรักษามารยาททางสังคมได้อย่างดีเยี่ยม เพราะแม้ว่าเธอจะไม่เต็มใจที่จะออกไปกับเขาก็ตาม แต่เธอก็ยังแต่งตัวได้ถูกกาลเทศะ เหมาะกับเวลาและสถานที่ที่ทั้งสองจะต้องไปด้วยกัน ในความมีวุฒิภาวะทางอารมณ์ของเธอนี้...เขาคิดว่าเธอผ่าน ‘หืม! ผ่านเหรอ...นี่เราคิดอะไรอยู่?!’ ชายหนุ่มพยายามปฏิเสธความคิดพึงพอใจที่มีต่อหญิงสาว ชายหนุ่มนึกถึงสิ่งซึ่งหญิงสาวพูดในวันนี้เกี่ยวกับแหวนอินฟินิตี้...ความไม่มีที่สิ้นสุด...รักที่ไม่มีจุดสิ้นสุด...ทันทีที่เขาได้ยิน...เขารู้สึกได้ถึงความรักอันแสนบริสุทธิ์ และความมั่นคงของมัน ซึ่งมันทำให้เขาสัมผัสได้ถึงความอบอุ่นอย่างบอกไม่ถูก...ชายหนุ่มเดาว่าหญิงสาวน่าจะเป็นคนที่มีจิตใจอ่อนโยนมาก โดยเฉพาะในเรื่องของความรัก ซึ่งในตอนแรกเขาก็ ยังไม่แน่ใจนักว่าคิดถูกหรือเปล่าเกี่ยวกับเรื่องของเธอ แต่เมื่อได้เห็นเธอวิ่งในสภาพเท้าเปล่าไปตามหาใครสักคนหนึ่ง ในขณะที่เท้าของเธอยังเป็นแผลอยู่นั้น...ชายหนุ่มก็มั่นใจได้ว่า เธอให้ความสำคัญกับคน ๆ นั้นเอาเสียมาก ๆ ซึ่งนั่นก็หมายความว่า เธอให้ความสำคัญกับความรู้สึกนั้น มากกว่าความเจ็บปวดของเธอเองเสียด้วยซ้ำ...หลังจากที่ชายหนุ่มวิ่งตามเธอไป จนเห็นเธอนั่งร้องไห้อยู่ เขาสัมผัสได้ถึงความปวดร้าวของเธอ ถึงแม้ว่าเขาจะไม่รู้ว่าเธอเจ็บปวดเรื่องอะไรก็ตาม เขารู้แต่เพียงว่า มันคงเกี่ยวกับคนที่เธอวิ่งตามหาไม่มากก็น้อย...ชายหนุ่มเลิกคิ้ว พร้อมกับคำถามที่ผุดขึ้นในใจ ‘คุณมีคนสำคัญของหัวใจแล้วเหรอ…ใครกัน?!’ ..... ณ บ้านของกันตภัทร์ ชายหนุ่มจอดรถหรูไว้ที่โรงจอดรถ แล้วเดินเข้ามานั่งที่โซฟาในบ้าน ซึ่งอันที่จริงแล้วจะเปลี่ยนเป็นเรียกว่า “คฤหาสน์” ก็คงจะไม่น่าเกลียดนัก เพราะความใหญ่โตโอ่โถงอลังการ ทำให้คำว่า “บ้าน” นั้นดูเล็กไปถนัดตา ในจังหวะที่ชายหนุ่มเงยหน้าขึ้นไปนั้นก็ได้สบตากับรูปวาดของคุณปู่ทวดของชายหนุ่มที่ติดไว้บนผนัง ชายหนุ่มจ้องตาชายชราที่อยู่ในรูปวาดนั้น จากนั้นจึงเดินเข้าไปหาราวกับรูปวาดนั้นมีตัวตน คำถามเกิดขึ้นในใจของดวงหน้าคม ‘คือเธอคนนี้จริง ๆ เหรอครับ ที่คุณปู่ทวดอยากจะให้ผมแต่งงานด้วย...แล้วทำไมต้องตั้งเงื่อนไขเรื่องมรดกนั่นด้วยล่ะครับ...นั่นมันทำให้ผมลำบากใจขนาดไหน รู้บ้างหรือเปล่า’ ชายหนุ่มถอนหายใจยาว เพราะรู้ว่าถามไปก็เปล่าประโยชน์...เพราะคุณปู่ทวดของเขาคงไม่ลุกขึ้นมาไขความกระจ่างให้เป็นแน่แท้ เสียงโทรศัพท์มือถือของชายหนุ่มดังขึ้น เมื่อเขาหยิบขึ้นมาดู ก็ส่ายหน้าให้กับชื่อที่ปรากฏอยู่บนหน้าจอนั้น ราวกับว่ายังไม่พร้อมคุยกับคนปลายสาย แต่ก็ไม่สามารถปฏิเสธที่จะไม่รับได้อีกเช่นเดียวกัน ‘ครับพี่’ ‘ทำอะไรอยู่อ่ะกันต์’ ซาร่า ผู้จัดการส่วนตัวของชายหนุ่มเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงที่ค่อนข้างร้อนรน ‘อยู่บ้านครับ’ ‘พรุ่งนี้เช้ากันต์รีบเข้ามาที่บริษัทด่วนเลยนะ...มีงานพรีเซนเตอร์ แล้วก็ละครที่จะต้องรีบให้ดู...งานนี้งานด่วน งานช้างจริง ๆ’ น้ำเสียงของปลายสายนั้นมีความตื่นเต้นอยู่ไม่น้อย ซึ่งมันทำให้คนฟังนั้นรู้สึกได้ถึงความสำคัญของงานนี้ ‘ครับ แล้วเจอกัน’
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD