2
สู่นรกสีมันต์
ลารีในชุดเสื้อเชิ้ตสีขาวกับกางเกงยีนส์เข้ารูป เสริมความสง่าด้วยรองเท้าส้นสูงสีน้ำตาลเข้มขัดเงา แค่ปลายเท้าแตะลงพื้นในอาณาเขตของตระกูลสีมันต์ ความรู้สึกอึดอัดใจก็บังเกิดขึ้น หญิงสาวถูกนำตัวไปยังชั้นสองของตัวบ้านทันที ด้วยสถาปัตยกรรมที่ออกแบบให้ห้องโถงด้านล่างแลดูโอ่อ่าโล่งกว้าง ชั้นสองของบ้านจึงเปรียบได้กับตึกสามชั้นก็ไม่ปาน เดินผ่านห้องนอนห้องแล้วห้องเล่า จนกระทั่งเกือบสุดทางเดินปีกขวาของชั้น คนนำทางซึ่งเป็นหญิงกลางคนจึงหยุดแล้วยกมือขึ้นเคาะประตูห้อง
บานประตูห้องถูกเปิดออก ใครบางคนกำลังยืนหันหลังรอคอยด้วยแรงแห่งความเคียดแค้น เมื่อวานคือวันเผาศพของครองทิพย์บุตรสาวคนโตของตระกูลสีมันต์ วันนี้ครองภพผู้เป็นน้องชายจึงอยากจะล้างแค้นให้พี่สาวเพื่อส่งวิญญาณ ดวงตาคู่คมที่หันมามองอย่างฉับพลัน ทำให้ลารีถึงกับหลบสายตาวูบแทบไม่ทัน ก่อนจะเบือนขึ้นมองเขาใหม่ ด้วยกลัวว่าความจริงจะเปิดเผยออกไป
"มณีศิลา" ครองภพเรียกชื่อของหญิงสาวด้วยน้ำเสียงเยือกเย็น
"..." ลารีได้แต่นิ่งเงียบเสมองไปด้านข้างของห้อง สำรวจดูคร่าวๆ จึงรู้ว่านี่คือห้องนอน และคงไม่ใช่ของใคร นอกจากของผู้ชายคนตรงหน้าของเธอ
"ขอต้อนรับสู่นรกสีมันต์" เขากล่าวต้อนรับ ขณะก้าวเท้าเข้ามาหาหญิงสาว
"กรี๊ดดด!" เสียงหวีดร้องลากเสียงยาวขึ้น เมื่อคอเสื้อของลารีถูกกระชากแล้วเหวี่ยงออกไปให้พ้นตัว จนแผ่นหลังบางกระแทกกับผนังห้องอย่างจัง จากนั้นร่างของหญิงสาวก็รูดกราวลงสู่พื้นในเวลาต่อมา
'ห้ามพูด ห้ามโต้ตอบ แล้วหนักจะกลายเป็นเบา' คำเตือนของนายมหิธรบอกลารี ก่อนที่จะออกจากบ้านก้องราชันย์ ทำให้หญิงสาวเลือกที่จะเงียบแม้ว่าเจ็บเจียนตาย
"เจ็บไหมมณีศิลา" ปากพูดแต่มือบีบเข้าที่ต้นแขนของลารี ปากอิ่มรีบห่อเข้าหากันด้วยความเจ็บที่แทบจะทนไม่ได้ ครองภพยิ่งได้ใจ เขาออกแรงบีบต้นแขนของหญิงสาวเพิ่มมากขึ้น และในที่สุดอีกคนก็ทนไม่ไหว ลารีสะบัดต้นแขนให้ออกจากมือหนาของครองภพ แล้วลุกขึ้นวิ่งไปยังบานประตูห้อง
ปึง! ปึง! ปึง! เสียงกระแทกบานประตูสามครั้งติด แต่ว่าก็ไม่สามารถเปิดมันออกไปได้ และหัวใจของหญิงสาวก็แทบจะหยุดเต้น เมื่อเขาเดินเข้ามาประชิดจากด้านหลัง แล้วรวบเอวคอดบางเอาไว้ภายใต้ท่อนแขนกำยำ จากนั้นก็ลากให้ขึ้นไปบนเตียงอย่างรวดเร็ว
"พี่ชายของเธออยากได้พี่สาวฉันนัก แม้จะต้องบังคับข่มเหงมันก็ทำ จะเป็นไรไปถ้าฉันจะทำกับน้องสาวของมันบ้าง" ครองภพกระชากเสื้อเชิ้ตออกจากร่างของตัวเอง จนกระดุมร่วงกราวไปตามแรง ลารีเห็นแบบนั้นแล้วปากคอก็สั่นไปหมดด้วยความกลัว แผงอกกำยำที่ปรากฏอยู่ตรงหน้าทำให้ลมหายใจแทบหยุดลง มัดกล้ามเนื้อตามท่อนแขน หน้าอก และลอนกล้ามเนื้อตรงหน้าท้อง เห็นแค่นี้อิสรภาพของลารีก็จบสิ้นลง
'จากการสืบค้นหลักฐานแรกเกิด พบว่ามณีศิลามีปานสีแดงอยู่ตรงต้นขาขวา'
ครองภพหวนคิดถึงคำพูดนี้ จากนั้นก็ก้าวขึ้นคร่อมกายของลารี พร้อมกับจ้องเขม็งต่อเหยื่อแค้นที่อยู่ใต้ร่าง ปากไม่พูดอะไรออกมา แต่สายตาเชือดเฉือนด้วยแรงแค้นที่มันฝังแน่นคับอก
แคว่ก! แคว่ก! กระชากสาบเสื้อเชิ้ตของหญิงสาวเพียงแค่สองครั้ง กระดุมก็หลุดร่วงเป็นแถบไม่แตกต่างจากเสื้อของตัวเอง เผยให้เห็นชั้นในลายลูกไม้สีครีมที่ห่อหุ้มทรวงงามเอาไว้ทั้งสองข้าง
"..." แม้จะกลัวแสนกลัว แต่ลารีก็ไม่ร้องขอออกมาสักคำเดียว มีเพียงลมหายใจที่สะท้อนไหวขึ้นลงตามแรง เบือนหน้าหนีไปทางอื่นไม่อยากมองว่าเขากำลังจดจ้องสิ่งใดอยู่ในตอนนี้ แต่แล้วร่างทั้งร่างก็ต้องสะดุ้งเฮือก เมื่อมือหนายื่นมาแตะตรงกระดุมกางเกงยีนส์แล้วปลดมันออกจากกัน
ครองภพรูดกางเกงยีนส์ออกจากปลายเท้าของหญิงสาวอย่างรวดเร็ว ลารีทำได้เพียงเกร็งร่างคล้ายคนหายใจไม่ทั่วท้อง เมื่อมือหนาของเขาจับต้นขาอวบด้านขวาพลิกไปมาเพื่อดูรอยปาน สีหน้าของเขานิ่วขึ้นสูง เมื่อไม่พบในสิ่งที่ควรจะปรากฏอยู่
"เธอเป็นใคร!" เสียงตะคอกลั่นด้วยความโกรธ
"..." ลารีได้แต่นอนนิ่ง ด้วยไม่รู้ว่าเขาหมายถึงอะไร
"ฉันถามว่าเธอเป็นใคร!"
"มณีศิลา" ลารียังคงเอ่ยย้ำชื่อนี้อยู่
เผียะ! ใบหน้านวลหันกลับไปซบบนที่นอนอีกฝั่งในทันที
"โกหก! มณีศิลาต้องมีปานแดงบนต้นขาขวา" สิ่งที่เขาเอ่ยออกมา ทำให้ลารีรู้สึกตกใจเป็นอย่างมาก เธอไม่เคยรู้ความจริงข้อนี้มาก่อนเลย
"ว่ายังไง!"
"..." ลารีกัดปากแน่น ดวงตาไหวระริก พยายามคิดหาทางออกของเรื่องนี้
"ว่ายังไง! ทำไมเธอถึงไม่มีปานแดง"
"ฉันไปลบปานแดงออก" ในที่สุดลารีก็หาคำตอบให้กับเรื่องนี้ได้
"ลบปานแดงอย่างนั้นหรือ" ครองภพกระตุกมุมปากขึ้น ดวงตาวาวโรจน์ขึ้นชนิดที่ว่าลารีเห็นแล้วรู้สึกกลัวอย่างบอกไม่ถูก
"ใช่" หญิงสาวตอบเขาออกไป ด้วยความรู้สึกลุ้นระทึก กลัวว่าเขาจะจับโกหกของเธอได้
"อย่างนี้นี่เอง..." เขาพยักหน้าลงเหมือนจะเข้าใจ แต่แล้ว...
"โกหก! มณีศิลาไม่เคยมีปานแดงบนต้นขาด้านขวา เธอเป็นใคร?"
'จากการสืบค้นหลักฐานแรกเกิด พบว่ามณีศิลามีปานสีแดงอยู่ตรงต้นขาขวา...เราควรตั้งหลักฐานนี้มาทดสอบตระกูลก้องราชันย์' ครองทัพเป็นคนเสนอเรื่องนี้ในการจับผิดตระกูลก้องราชันย์
"..." ดวงตาหมองเบิกโตขึ้นด้วยความตกใจ พลาด เธอพลาดอีกแล้ว ลารีตามเกมผู้ชายคนนี้ไม่ทันจริงๆ ถูกเขาต้อนจนมุมแบบนี้ จะหลีกหนีไปหาทางออกที่ไหนได้อีก
"ฉันถามว่าเธอเป็นใคร!" คราวนี้ฝ่ามือหนารวบข้อมือเรียวของลารี ที่กำลังอยู่ในอาการอ้ำอึ้งขึ้นสูงเหนือศีรษะ หญิงสาวเม้มริมฝีปากแน่น ก่อนจะหน้าเหยเกด้วยความเจ็บ เมื่อเขาเคล้นหน้าอกของเธอจนสูงเปล่งขึ้น และเหมือนว่าครองภพจะไม่พอใจเป็นอย่างมากในอาการนิ่งเงียบของลารี เป็นผลให้ชั้นในตัวสวยลอยละลิ่วไปในอากาศ ก่อนจะหล่นไปกองอยู่ที่พื้นห้องแทน และเข้าแทนที่ด้วยปากหนาของเขา
"โอ๊ย!" ลารีแทบน้ำตาเล็ด เมื่อฟันคมของเขาขบลงตรงยอดอก แล้วดูดดึงเข้าสู่อุ้งปากหนา
"จะบอกหรือยังว่าเธอเป็นใคร" น้ำเสียงทุ้มต่ำกระซิบผะแผ่วริมซอกหู ฝ่ามือหนาก็เลื่อนลงไปแตะยังขอบกางเกงใน
"..." ลารียังนิ่งเช่นเดิม แต่ภายในร้อนรุ่มไปด้วยความกลัว ก่อนจะกระตุกกายไหวเยือก เมื่อฝ่ามือหนาหายผลุบเข้าไปยังเนินเนื้อสาว
"อื้ออ" ลารีแทบสะอื้นไห้ออกมาเมื่อถูกล่วงล้ำอย่างรุนแรง บิดตัวส่ายหนีไปมาอย่างทรมาน จนกระทั่งเขายอมถอดถอนออกมาเอง
"ไม่บอกไม่เป็นไร" เขาเอื้อมไปหยิบโทรศัพท์มือถือบนหัวเตียงขึ้นมา แชะ แชะ แชะ กดชัตเตอร์สามครั้งติดไปยังร่างเปลือยของลารี
"ฉันจะส่งรูปพวกนี้ลงบนอินเทอร์เน็ต" เขาข่มขู่คนที่นอนน้ำตาไหลพราก แต่ก็ไม่ยอมเปิดปากบอกอะไรออกมา ครองภพแทบอยากจะฆ่าหญิงสาวให้ตายลงไปต่อหน้า ก่อนจะพิมพ์ข้อความบางอย่างบนโทรศัพท์มือถือ แล้วกดส่งรูปภาพเหล่านั้นออกไป
"ฮึก...ฮือ" ลารียกฝ่ามือขึ้นปิดใบหน้าของตัวเองเอาไว้แน่น เข้าใจว่าเขาคงส่งภาพอนาจารเหล่านั้น ไปบนโลกอินเทอร์เน็ตเรียบร้อยแล้ว
"เสียใจเหรอ" เขาแค่นหัวเราะที่ฟังแล้วน่าชิงชังออกมา จากนั้นก็ดึงข้อมือทั้งสองข้างของหญิงสาวออก กดราบแนบข้างลำตัวทั้งสองข้าง จูบเถื่อนกระแทกปิดเรียวปากอิ่มของลารีเอาไว้แน่น จ้วงจูบหญิงสาวอย่างโหดร้ายแสนป่าเถื่อน จนริมฝีปากแสนชอกช้ำบวมเบ่งขึ้นมา
ตึง! เสียงข้อความเข้าจากโทรศัพท์มือถือ ทำให้ครองภพถอนจูบออกมาอย่างรวดเร็ว แล้วคว้าโทรศัพท์มือถือที่วางเอาไว้บนหัวเตียงขึ้นมาดู
'ลารี หัวหน้าแม่บ้านของตระกูลก้องราชันย์'