งานแต่งงานผ่านพ้นไปทั้งคู่ใช้ชีวิตแบบต่างคนต่างอยู่ ต่างคนต่างเฉยใส่กันมาเป็นเวลาสองปีกว่า พูดคุยกันเฉพาะเรื่องของยัยหนูพร้อมรัก ช่วงที่ผ่านมาเป็นช่วงเวลาที่กวินตารู้สึกว่ามันก็ไม่ต่างอะไรกับก่อนหน้านี้ เฮียฌอห์ณเขายังเป็นเขาที่กินเหล้ากับเพื่อนตลอด เขายังเป็นคนนิ่งเงียบ อะ จะพูดด้านเสียอย่างเดียวก็ไม่ได้ เขาก็มีด้านที่ดีหลงเหลืออยู่เหมือนกัน เขาเป็นพ่อที่ดีของยัยหนูพร้อมรัก หน้าที่ทุกอย่างที่เกี่ยวกับลูกเขาทำหมด ตั้งแต่ซักผ้ายันล้างก้นลูก เวลาลูกป่วยก็ช่วยดู ลูกอ้วกก็เป็นเขาที่เก็บที่เช็ด เวลาที่เขาอยู่กับลูกเขาคือผู้ชายอ่อนโยนที่ชอบพูดคะขากับลูกสาว
เท่าที่กวินตาสังเกตเธอสัมผัสได้ว่าเขารักลูกเหมือนกัน
“กินข้าวก่อน” เฮียฌอห์ณวางข้าวกล่องไว้ที่โต๊ะแล้วเดินมาจับมือแม่ของลูกด้วยความเป็นห่วง
“...” เธอจับมือเขาออกแล้วมองลูกสาวที่นอนหลับอยู่บนเตียงผู้ป่วยด้วยความเป็นห่วง
ตอนนี้พวกเขาอยู่ที่โรงพยาบาลเนื่องจากสองวันก่อนยัยหนูพร้อมรักตัวร้อน เช็ดตัวเท่าไหร่ก็ไม่ลงจึงพามาโรงพยาบาลตั้งแต่ตีสาม หมอให้นอนโรงพยาบาลดูอาการ สุดท้ายแล้วผลออกมาว่ายัยหนูพร้อมรักเป็นไข้เลือดออก ต้องคอยเจาะเลือดเช็กอาการอยู่เรื่อย ๆ กันช็อก
คนเป็นแม่สงสารลูกมาก แต่ก็ทำอะไรไม่ได้นอกจากอยู่ข้าง ๆ
ภาพที่ลูกสาวนอนหมดแรงอยู่บนเตียง มีสายน้ำเกลือติดไว้กับร่างกายทำให้คนเป็นพ่อแม่รู้สึกแย่ ลูกวัยกำลังซนตอนนี้นอนหลับเพราะความเพลีย ข้าวปลาอาหารที่เคยชอบกินก็กินน้อยลง บางครั้งก็ไม่กินเลย
“ลูกอยู่ในมือหมอแล้ว ลูกจะปลอดภัย ไม่ร้องนะ” เฮียฌอห์ณโอบไหล่เบา ๆ เพื่อปลอบใจ เขาเองก็รู้สึกแย่ที่ลูกสาวมาป่วยแบบนี้
ด้วยกลัวและกังวลว่าลูกจะเป็นอะไรมากไปกว่านี้กิ๊บจึงหันมากอดเฮียฌอห์ณแล้วก็ร้องไห้อย่างหนัก เธอโทษตัวเองที่ลูกป่วย ถ้าเธอดูแลลูกให้ดีกว่านี้ลูกก็จะไม่ป่วย เป็นความผิดของเธอเอง เรื่องนี้มันเป็นความผิดของเธอ “กิ๊บผิดเอง ลูกป่วยเพราะกิ๊บดูไม่ดี”
“ใช่แบบนั้นที่ไหนกัน ลูกไปโรงเรียนก็ต้องเป็นเรื่องปกติที่จะติดไข้ติดหวัดจากเพื่อนในห้อง ครูเขาก็แจ้งแล้วว่าที่ศูนย์ก็มีเด็กเป็น เรื่องนี้ไม่ใช่ความผิดของกิ๊บ อย่าโทษตัวเอง”
“แต่ลูกทรมานนะเฮีย กิ๊บสงสารลูก ลูกคงเจ็บมาก ยังเล็กอยู่เลยต้องอดทนมากแน่ ๆ”
“ลูกอยู่ในมือหมอ ลูกของเราจะปลอดภัย ลูกจะหายกลับมาร่าเริงเหมือนเดิม”
“กิ๊บอยากให้ลูกหายไว ๆ ไม่อยากให้ลูกทรมานแบบนี้”
“เฮียก็เหมือนกัน” เฮียฌอห์ณวางมือที่ศีรษะแล้วลูบเบา ๆ เป็นการปลอบใจเธอที่ดูเสียใจหนักมาก เขาตอนนี้ทั้งห่วงลูกและห่วงแม่ของลูกที่ไม่ยอมกินอะไรด้วยเหตุผลที่ว่าเป็นห่วงลูกกินไม่ลง
ร้องจนพอใจถึงได้รู้สึกตัวว่าเฮียฌอห์ณกำลังลูบหัวเธออยู่ ในตอนนั้นเองถึงได้รู้สึกว่าเราใกล้กันเกินไป ตั้งสติได้จึงผละกอดออกแล้วนั่งนิ่ง ๆ ทำตัวไม่ถูก
“ไปล้างหน้าล้างตา แล้วก็กินข้าว” เห็นเธอทำตัวไม่ถูกเขาจึงเปลี่ยนเรื่องพูด อยากให้เธอกินข้าวสักหน่อย ตั้งแต่ลูกป่วยเธอก็แทบไม่แตะของกินเลย
“กิ๊บกินไม่ลง กิ๊บเป็นห่วงลูก” นั่นไง เหตุผลนี้แหละ
“เฮียก็เป็นห่วงลูก แต่ถ้าเราไม่กินอะไรเลยแล้วเกิดเป็นอะไรขึ้นมาใครจะดูแลลูกของเรา เราสองคนต้องเข้มแข็งนะ”
“...” มันก็จริงอย่างที่เฮียพูด เพียงแต่กิ๊บกินอะไรไม่ลงจริง ๆ เห็นลูกเจ็บก็ไม่อยากกินอะไรทั้งนั้น
“ไปเร็ว”
เฮียฌอห์ณคะยั้นคะยอด้วยใบหน้านิ่งขรึมทำให้กิ๊บต้องลุกมาล้างหน้าแล้วก็เดินออกมาแกะข้าวกิน กินได้ไม่กี่คำก็เก็บ มันกลืนไม่ลงจริง ๆ
เฮียฌอห์ณมองมาแล้วก็ถอนหายใจ ไม่ได้พูดอะไรเพราะว่าเขาพูดมากกว่านี้ไม่ได้ ต่อให้เป็นห่วงเธอ อยากบังคับเธอให้กินมากกว่านี้แต่เขาไม่กล้าล้ำเส้นที่เธอขีดไว้อย่างชัดเจน
“พรุ่งนี้ดาวกับไอ้ไฟจะเข้ามา”
“ค่ะ” ระหว่างดาวเหนือกับเฮียไฟทุกอย่างกำลังดีขึ้นเรื่อย ๆ ทั้งคู่กำลังจะแต่งงานกัน เห็นเพื่อนสมหวังกับคนที่รักกิ๊บก็ยินดีด้วย ส่วนเธอก็อยู่แบบนี้ ไม่รักไม่เกลียด
เมื่อก่อนอาจจะรู้สึกเกลียดและอยากเกลียดมากขึ้นเรื่อย ๆ ให้สาสมกับที่เขาทำกับเธอ แต่เมื่อโตขึ้น เวลาผ่านไปกิ๊บก็เข้าใจอะไรหลาย ๆ อย่าง อีกทั้งเฮียฌอห์ณก็พยายามทำหน้าที่ในส่วนของเขาอย่างดี เขาเป็นพ่อที่ดีให้ลูก หน้าที่พ่อไม่ขาดตกบกพร่องทำให้ความเกลียดในใจกิ๊บลดลง ตอนนี้จึงคุยกันได้ หมายถึงคุยเรื่องลูกนะ เรื่องลูกเท่านั้น
ไม่ได้เกลียดเขาจนหมดใจ และยังเตือนใจตัวเองเสมอว่าเธอเป็นเมียที่มาจากการเป็นของเล่นของเขา เขาไม่ได้รักเธอ ไม่เคยรักเธอ