เจียงฮองเฮา2

781 Words
มีเสียงเรียกหาทั้งสามคนจึงรีบไป ไม่มีใครมาหาพวกนานมาหลายเดือนแล้ว "เสียงนั่นไม่ใช่ผู่เย่วหรอกหรือ นางมาทำไมเดี๋ยวก็ถูกทำโทษหรอก" เจียงฟางซินรีบไปหาเด็กสาว นางมักจนเอาขนมและอาหารมาฝาก เพราะเด็กคนนี้ไม่ฟังใคร บิดายกย่องเมียรองเป็นฮูหยินจึงทำให้หลินผู่เย่วต่อต้านหนักกว่าเดิม ฮูกยินคนใหม่จับนางแต่งงานกับบัณฑิต ใครจะรู้นางทำเป็นยอมเข้าพิธียังไม่ทันกราบไหวฟ้าดินนางก็พังงานแต่งใช้แส้ฟาดเสียบัณฑิตคนนั้นเกือบพิการ ตั้งแต่นั้นก็ไม่มีใครกล้าส่งแม่สื่อมาอีกเลย "เย่วเย่ว พี่อยู่นี่เจ้ามาได้อย่างไรที่นี่ไกลจากในเมืองมากนักนะ" "ข้าเดินเล่นมา แล้วก็มาหาท่านไงเสด็จพี่ฮองเฮา เอ๋นางเป็นใครกันเพคะ" "พี่ผู่เย่วข้าเอง ซูฉี จางซูฉีที่ท่านชอบมีขนมมาฝากเสมอไงเจ้าคะ" จางซูฉีจำได้สตรีคนนี้แม้จะมุทะลุ แต่เป็นคนจิตใจดียิ่งนัก "เจ้าหายปัญญาอ่อนแล้วหรือ เอ่อขอโทษไม่ตั้งใจน่ะ แล้วนี่เหตใดเข้ามาอยู่ที่นี่กัน มิใช่ว่าแต่งงานกับเยี่ยอ๋องหรอกหรือ" "เรื่องมันยาวน่ะ ข้าหิวแล้วไปทำกับข้าวกันเถอะวันนี้ข้าซื้อของมาเยอะถือว่าฉลองมิตรภาพของเราสามคน" ทั้งสามคนกินขึกันไปพูดคุยจนไปถึงรู้ว่าหลินผู่เย่วไม่ได้อยู่ที่จวนแล้วนางถูกบิดาไล่ออกมาให้อยู่เรือนหลังเล็กที่อยู่ท้ายเมือง นั่นคือสิ่งที่นางใฝ่ฝันเลยล่ะอิสระที่นางต้องการ "พวกพี่รู้จักโรงพิมพ์หรือร้านหนังสือไหม ข้าไม่มีเงินเลยอยากคัดหนังสือขายน่ะ" "คัดหนังสือได้เงินน้อยนะน้องฉีเอ๋อร์ วาดภาพวาบหวิวสิเงินดีฮ่าๆๆๆ" หลินผู่เย่วหัวเราะ "เย่วเย่ว สอนอะไรน้องกันฉีดเอ๋อร์อย่าไปฟังเด็กบ้านี่เลย แต่ว่าคัดอักษรเงินน้อยไม่คุ้มสายตา แล้วพวกเราจะทำอะไรกันดี อยู่เฉยๆอดตายแน่ วันนี้ถ้าไม่ได้เจ้าช่วยเด็กสองคนนั้นคงทนไม่ไหว" เจียงฟางซินจิ้มจมูกสาวน้อยผู่เย่ว "พี่แล้วถ้าเขียนนิยายล่ะ ได้ไหมจะมีคนอ่านหรือไม่" "มีนะแต่ว่าเจ้าเขียนเป็นหรือ ถ้านิยายต้องห้าม เล่มละสามร้อยถึงสี่ร้อยอีแปะเลยนะ ถ้าแบบว่ามีบทเร่าร้อนบางเล่มสามตำลึงก็มี" หลินผู่เย่วกระซิบเสียงค่อยๆ "พี่รอข้าแป๊บนะ"จางซูฉีเข้าไปในห้องก่อนจะเข้าไปในมิติแล้วลองขอ "ขอนิยายเรื่องแม่ทัพไร้พ่ายที่ข้าเคยเขียนมาสักสามเล่มได้หรือไม่" ไม่นานเกินรอก็ปรากฏหนังสือสามเล่มเป็นหนังสือโบราณ จางซูฉีหยิบมาดูก็พอใจลายมือเป็นการเขียนโดยพู่กัน อ่านง่ายก่อนจะออกมาหาคนที่รออยู่ "พี่ลองอ่านดูแล้วบอกข้าทีว่าขายได้ไหม" หลินผู่เย่วกับจางฟางซินอ่านไปก็หน้าแดงไป นี่มันอร๊ายโอ๊ยเขินตัวบิดแล้ว "นี่ๆทำไมข้ารู้สึกว่าแม่ทัพนี่คล้ายเยี่ยอ๋องจังส่วนกุนซือนี่เหมือนไอ้โรคจิตสวีไค่เฉิง" หลินผู่เย่วร้องทักทันทีที่จบเล่มสาม "ส่วนอ๋องฉู่คนนี้คล้ายกับหนานกงอินกับหลี่หมิงหลงราชครูคนสนิทของเขาเลย"เจียงฟางซินเอ่ยขึ้นพร้อมกับหัวเราะ "พี่ว่าขายได้ไหม หากว่าได้เราวางเล่มหนึ่งก่อน นิยายเรื่องนี้มีทั้งหมดสิบห้าเล่มขายเล่มละหนึ่งตำลึงได้ไหมหรือถูกไป" "ฉีเอ๋อร์ขายเล่มละสองตำลึง ครั้งแรกขายสักร้อยเล่มก่อนพอคนอ่านติดค่อยพิมพ์เพิ่ม ว่าแต่ข้ารู้จักโรงพิมพ์ที่สนิทกัน เรื่องนี้จัดการเอง นิยายเจ้าสนุกมาก มิน่าเจ้าบ้าสวีไค่เฉิงนั้นถึงตามเยี่ยอ๋องติดแจที่แท้ก็แบบนี้" สามสาวหัวเราะกันไปนอนคุยกันไป เด็กสี่คนยิ้มทั้งน้ำตาไม่ได้เห็นเจ้านายหัวเราะแบบนี้มานานแล้ว สองคนตัดสินใจค้างกับจางซูฉีถูกส่งมาเฝ้าตำหนักร้างเกือบปีแล้วไม่เคยมีใครมาหา แค่คืนเดียวคงไม่เป็นไรหรอก จากนั้นก็วาดวิมานถึงเงินที่กำลังจะมา พวกนางจะไปใช้ชีวิตกันในโลกกว้าง ตัดขาดเมืองหลวงจอมปลอมแห่งนี้
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD