โรงพิมพ์หยวนเป้า1

928 Words
คืนนี้ฟ้ามืดแต่ไม่มีฝนสายลมพัดเอื่อยๆ หนานกงอิ๋นยืนมองไปทางตำหนักร้างห่างจากวังหลวงสิบลี้ ที่นั่นเขาส่งเจียงฟางซินไปเฝ้า เจียงเป้าบิดานางอาศัยความดีความชอบของบิดามาบังคับให้เสด็จพ่อพระราชทานงานแต่งครั้งนี้ เขารู่ว่าสกุลเจียงไม่ถูกกับสกุลจางพอเจียงซิวยวี่จากไปเขาครองราชย์สิ่งแรกที่ทำคือเนรเทศเจียงเป้าไปปกครองเมืองหน้าด่าน บิดาเป็นเช่นไรบุตรสาวเป็นเช่นนั้นโหดเหี้ยมถึงกลับยุยงให้บรรดาสนมตบตีกัน เขาไม่เคยเจอหน้านางวันแต่งยังทิ้งนางไว้ในตำหนักมีแค่ตอนเช้านางมาถวายพระพรจากนั้นพอรู้ว่าครอบครัวถูกเนรเทศนางก็รังเกียจเขา หึสมควรแล้วต้องเป็นข้าที่เกลียดเจ้าไม่ใช่เจ้ามีสิทธิ์เกลียดข้า ฉู่กงกงเดินเข้ามาหาก่อนจะเอ่ยขึ้น "ฝ่าบาทดึกแล้วบรรทมเถิดพ่ะย่ะค่ะ พรุ่งนี้มีราชการแต่เช้า" "ข้าจะไปตำหนักกุ้ยฮวาหน่อยส่งนางไปที่นั่นมาเกือบปีแล้วอยากรู้ว่านางเป็นคนดีขึ้นหรือยัง ฉู่กงกงไม่ต้องเรียกคนอื่นตามหลี่หมิงหลงมาก็พอ" หลี่หมิงหลงมาถึงแล้วทั้งสามคนก็ออกทางหลังวัง วิชาตัวเบาฮ่องเต้ไม่ด้อยไปกว่าหนานกงเยี่ยน้องชาย ไม่ถึงหนึ่งเค่อก็มาถึงประตูตำหนัก เห็นเทียนดับไม่มีตะเกียงก็กำลังจะหันหลังกลับ แต่ได้ยินเสียงหัวเราะเบาๆ "ข้ากลับแล้วนะ เกิดไอ้ฮ่องเต้ใจคอคับแคบนั่นส่งคนมาหาเรื่องข้าจะซวยอีก เมื่อวานจางซิ่วเอ๋อร์ก็มาหาเรื่องครั้งนึงแล้ว ไม่รู้ไอ้ลูกเต่าหนานกงอินจะรั้งข้าไว้ทำไมหย่าๆปลดๆซะก็จบข้าจะได้ไปหาท่านพ่อ เมืองหลวงจอมปลอมใครอยากอยู่กัน" "พี่ฟางซิน รอเขาแต่งจางซิ่วเออร์ก่อนค่อยปลดท่านกระมังเจ้าคะ หรือเจ้าว่าไงซูฉี" "ไม่รู้สิ อย่าไปใส่ใจเลยมีต้นไม้ใบหญ้าเราก็หาเก็บเอา ไม่ลำบากนักหรอกเขาไม่ชอบก็อย่าไปเสนอหน้าก็เท่านั้น" จางซูฉีเป็นนักสำรวจ มีบางอย่างเคลื่อนที่นางจึงไม่ต้องการสนทนาต่อไม่รู้ว่าคนหรือสัตว์ฝีเท้าเบามากกันไว้ก่อน ทุกคนจึงพยักหน้าแล้วตัดบททั้งสามคนจึงเงียบแต่โดยดี ข้างในเงียบไปแล้วไม่มีเสียงพูดคุยอีก นิ้วยาวเรียวนั้นกำแน่นจนเห็นกระดูกนิ้วขาวที่โปนออกมาหลี่หมิงหลงสะกิดเขา "ฝ่าบาท นางถูกส่งมาที่นี่เท่าที่กระหม่อมรู้คนสกุลจจางมาหาเรื่องสองครั้ง อีกทั้งยังตัดเสบียงพวกนางอีกไม่คับแค้นใจคงแปลก" "ฝ่าบาท ท่านราชครูกล่าวถูกแล้วพ่ะย่ะค่ะ ฮองเฮาคงคิดว่าทุกอย่างพระองค์อยู่เบื้องหลังจึงมีความขุ่นเคืองตอนนี้ก็ทรงให้นางรับโทษแล้ว เสด็จกลับเถอะพ่ะย่ะค่ะ อย่างไรนางก็แค่สตรีอ่อนแอมีแค่บ่าวสองคนเท่านั้นจะก่อเรื่องอะไรได้ แค่เอ่ยระบายตามประสาสตรีเท่านั้น" "พวกท่านฟังดีๆ มีอีกสองคนนั่นใคร" "ฝั่งนั้นเป็นตำหนักเหมยฮวาของพระอนุชาไงพ่ะย่ะค่ะ คนที่อยู่คงเป็นคนในตำหนักที่ทำผิดแล้วถูกส่งมาเช่นกันดูเหมือนจะเป็นเรือนอดีตอนุเหวิน ฝ่าบาทคงเป็นสตรีที่เยี่ยอ๋องรังเกียจมากถึงถูกส่งให้มารอวันตายที่นี่ ถึงแม้พระองค์จะเป็นฮ่องเต้และเป็นพระเชษฐาแต่เรื่องของเยี่ยอ๋องอย่ายื่นพระหัตถ์เลยพ่ะย่ะค่ะ สิบวันก่อนเพิ่งจะโยนคุณหนูหวงบุตรเจ้ากรมอาลักษณ์ลงทะเลสาบเพราะมายั่วยวนอยู่เลย "ฉู่กงกงเอ่ยขึ้น "ไปเถอะในเมื่ออยู่ที่นี่แล้วมีความสุขนักก็ให้นางอยู่ให้พอ ดูท่าก็ไม่ได้อดอยากนี่เรื่องเสบียงบอกเป็นคำสั่งข้าไม่ต้องส่งมาที่นี่อีก รอนางคลานเข้าวังคุกเข่าขอรับความผิดก่อนค่อยพิจารณา อีกคนคงเป็นชายาปัญญาอ่อนของเยี่ยเอ๋อร์หึ คงมีแต่คนปัญญาอ่อนที่คบกับสตรีร้ายกาจเช่นนางได้" สตรีไม่รู้ตายแทนที่จะสำนึกกลับมานั่งด่าเขาน่ารังเกียจ งั้นก็อยู่ที่นี่ไปจนผมขาวเถอะอย่าคิดกลับวังหรือได้เจอหน้าครอบครัวเลย ทั้งสามพากันกลับไปแล้ว ไม่ก้าวมายังตำหนักเยี่ยอ๋อง ทำให้หนานกงอิ๋นไม่ทันได้เห็นเจียงฟางซินที่ตอนนี้ปล่อยมวยผมสลวย มีเพียงเสื้อตัวในสีขาวนอนเท้าคางปลายเท้ากระดิกไปมาอยู่บนพื้น หากบุรุษมาเห็นนางตอนนี้รับรองเลยว่ามิอาจละจากความงามตรงหน้าได้ สามดรุณีงดงามจริงๆเจียงฟางซินและหลินผู่เย่วมองจางซูฉีวาดภาพอยู่ พวกนางสองคนฮือฮา ในภาพวาดมันคือๆ อร๊ายนี่มันช่างน้ำลายไหล "นี่ๆเยี่ยอ๋องกับไอ้โรคจิตนี่เขาทำเช่นนี้จริงๆหรือ " "พี่ฟางซินอธิบายหน้าตาคร่าวๆของฮ่องเต้ให้ฟังหน่อยสิ อ้อหลี่หมิงหลงคนนั้นด้วย" จากนั้นก็ลงมือวาดตามคำบอกเล่าของเจียงฟางซิน เนื่องจากเป็นลายเส้นคนจึงดูไม่ออกว่าเป็นผู้ใด แต่ภาพวาดนั้นช่างชวนวาบหวิวบุรุษสองคู่กำลังพลอดรักกันดูดดื่ม คู่นึงบรรเลงเพลงรัก
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD