บทที่6เจียงฮองเฮา

1553 Words
จางซูฉีเดินลัดเลาะไปมา นางรู้สึกเหมือนถูกตามจึงพยายามซอกแซกตลอดเวลา จากนั้นก็หนีเข้าไปหลบในมิติ จนแน่ใจว่าคนไปแล้วจึงออกมารีบสาวเท้ากลับบ้าน ระยะทางสามลี้หากเทียบปัจจุบันก็น่าจะประมาณเกือบสองกิโลละมั้ง เหนื่อยแทบตายแล้ว " เฮงซวยเอ๊ย ชีวิตลำบากไปไหนเนี่ย ไอ้หน้าโบทอกซ์นั่นดันเป็นเจ้าของร้านจะหนีก็ไม่ได้อีก ต้องเจอทุกเดือนทำไงได้วะ ราคาแบบละหนึ่งพันตำลึงเชียวนะโว้ยไปหาที่อื่นไม่ได้หรอก สัญญาปีเดียวหาได้ไม่ถึงสองหมื่นตำลึงต้องทำอย่างอื่นอีกเห้อกลุ้มโว้ย พรุ่งนี้ขึ้นเขาดีกว่า" จางซูฉีเดินมาจนเกือบถึงประตูรั้วก็มองเห็นศีรษะดำๆก้มๆเงยๆแถวๆรั้วด้านติดกับภูเขาจึงค่อยๆหลบไปดู เห็นสตรีสามคนกำลังนั่งขุดมันเทศกันอยู่ สตรีอีกคนงดงามจริงๆเปรียบเทียบกับร่างนี้อาจไม่งามเท่าแต่ก็ถือว่างาม เจียงฟางซินรู้สึกเหมือนมีคนจ้องมองเลยเงยหน้า ต่างคนต่างตะลึงกันพักนึงจางซูฉีเป็นฝ่ายเอ่ยมาก่อน "พี่สาวท่านมาทำอะไรบนเขา ไม่กลัวสัตว์ป่าหรือ" เจียงฟางซินงงนางแก่กว่าอายุน่าจะสี่สิบแล้วเหตุใดมาเรียกนางว่าพี่กัน "ท่านป้า ข้ามาหาอาหารดูว่ามีสิ่งใดพอกินได้ ข้าไม่มีเงินจึงทำได้เพียงเท่านี้เจ้าค่ะ" จางซูฉีนึกได้ว่าตนเองแต่เป็นหญิงสูงวัยจึงเอ่ยแบบเขินๆ "อ้อๆๆนังหนูบนเขามันอันตรายนะ บ้านช่องอยู่ที่ไหนกันเล่า ยากจนเพียงนั้นเลยรึ มาๆป้ามีซาลาเปาเจ้ากับน้องๆเอาไปแบ่งกันกินนะ นี่ไงเอาไป" จางซูฉีส่งซาลาเปาหมูสับกับใส่ผักให้เจียงฟางซินสิบลูก เป่าเป่ากับชุ่ยชุ่ยรับมาก็น้ำตาร่วงทันที พวกนางถูกส่งให้มาที่นี่ แม้แต่ของกินก็ไม่ให้ส่งมาให้ ฝ่าบาทใจร้ายจริงๆ "อย่าร้อง พอแล้วอยู่ที่นี่ไม่มีอะไรไม่ดี คนเลวนั่นอยู่ด้วยก็มีแต่ชีวิตย่ำแย่" "แต่ฝ่าบาทใจร้ายเกินไปแล้ว ฮือๆๆ" "เอ่อ ข้าไปก่อนนะพวกเจ้าค่อยๆกินล่ะ" "ขอบคุณเจ้าค่ะท่านป้า ข้าชื่อฟางซินเจ้าค่ะหากมีโอกาสจะตอบแทนพระคุณท่านแน่นอน" จางซูฉีโบกมือก่อนจะเดินกลับทางเดิมแล้วเปิดประตูรั้วเข้าบ้าน เด็กสาวสองคนเก็บกวาดเสียสะอาด บ้านนี้หลังจากถากหญ้าจนเตียนกว้างขวางเกือบสี่ร้อยตารางวา แปลงผักนั่นเดี๋ยวค่อยจัดการ "น้องรอง น้องสามพี่กลับมาแล้วมีของกินเยอะแยะเลย" จางซูฉีนำของออกมาจากมิติวางไว้เพื่อให้เด็กสองคนมาช่วยขน เสี่ยวจูวิ่งมาคนแรก เสี่ยวเถาที่กำลังขุดต้นกล้าล้างมือจึงตามมา "พี่ใหญ่ เงินนั่นใช้ได้จริงๆหรือเจ้าคะ ท่านซื้อของมามากมายเชียว" เสี่ยวเถาถามขึ้นก่อนจะช่วยกันขนของเข้าบ้าน จางซูฉีรู้ว่าเด็กสองคนนี้ตัดผ้าและปักผ้าฝีมือดีจึงซื้อเข็มกับด้ายมามากหน่อย ทั้งคู่ดีใจมากที่พี่ใหญ่ตั้งแต่หายป่วยก็เก่งขึ้นมาก "เอ่อ เสี่ยวเถาแถวนี้นอกจากบ้านหลังนี้ยังมีบ้านคนอื่นอีกหรือไม่" "ดูเหมือนรั้วที่ติดกับกำแพงข้างๆเราจะเป็นตำหนักร้างนะเจ้าคะ เมื่อก่อนเคยมีคนอยู่หลังจากไท่ซ่างหวงครองราชย์ก็ไม่มีใครอยู่อีกเลย แต่มีสุสานบรรพบุรุษอยู่ที่นั่น มีอันใดหรือเจ้าคะ" "ไม่มีหรอก กินข้าวกันเถอะสายแล้ว" สามคนนายบ่าวที่ตอนนี้เปลี่ยนสถานะเป็นสามคนพี่น้องนั่งกินซาลาเปากับขนมงากันอย่างอร่อยเป็นมื้อแรก ตั้งแต่นายท่านสามจากไปพวกนางก็อดมื้อกินมื้อมาตลอดนี่เป็นอาหารมื้อแรกที่กินอิ่ม น้ำตาค่อยๆไหลความรู้สึกของเด็กซูฉีนั่นลึกๆคงคิดถึงพ่อกับแม่ "อิ่มแล้วไปดูแปลงผักกันเถอะ เพิ่งจะเข้าหน้าฝน เพาะปลูกตอนนี้จะได้มีผักกิน เอาไว้ดองหรือตากแห้งได้ด้วย" สามคนช่วยกันยกร่องพรวนดิน สามวันมาแล้วที่ทำงานหนักเริ่มมีตุ่มใสๆแต่ไม่เป็นไรเดี๋ยวเข้าไปในมิติขอยาทาแก้อักเสบคงมีให้ เสี่ยวจูเห็นใต้กำแพงหินมีช่องเลยลองๆขุดดูสักพักก็ร้องกรี๊ดเสียงดัง "กรี๊ด พี่ๆมีมืออยู่ตรงนี้มันจับมือข้าด้วย ฮือๆๆผีพี่ใหญ่ผี" จางซูฉีรีบวิ่งมาดู เหมือนจะเห็นมือขาวชักกลับไปอีกฝั่ง ไม่มั้งผีอะไรโผล่ตอนเที่ยงกัน "ไม่มีอะไรหรอกเสี่ยวจูอาจจะเป็นกระต่ายหรือลูกลิงก็ได้ ที่นี่ติดกับภูเขาอย่าลืมสิ" อีกด้านชุ่ยชุ่นร้องไห้ตัวสั่นเจียงฟางซินถามนางก็เอาแต่ส่ายหน้าบอกแต่ว่าผีๆ จางซูฉีตัดสินใจลองเคาะกำแพง เจียงฟางซินได้ยินก็เคาะกลับ ทางนั้นถามมาว่าใคร "นั่นใครนะ คนหรือผี"จางซูฉีเอ่ยถาม "ข้าเป็นคน ข้าถูกส่งมาให้เฝ้าตำหนักร้างเจ้าละ" จางซูฉีนึกถึงสามคนเมื่อตอนสายก็เลยลองถาม "เจ้าใช่ฟางซินหรือไม่ คนที่รับซาลาเปาจากข้าไปเมื่อตอนเช้า" เจียงฟางซินนึกออกทันทีนางก็ว่าเหตใดเสียงคุ้นหู "ใช่เจ้าค่ะท่านป้า ท่านอยู่ที่นี่หรือเจ้าคะ ข้ากับน้องถูกส่งมาเฝ้าตำหนักเจ้าค่ะ" "ข้ามีบันไดเดี๋ยวจะปีนไปหาเจ้านะข้าชื่อซูฉี" จากนั้นจางซูฉีก็ไปหยิบบันไดไม้ไผ่มาพาดค่อยๆปีนขึ้นไป กำแพงสูงสองจั้งเสี่ยวเถาหวาดเสียวเหลือเกิน ทันทีที่ปีนขึ้นเรียบร้อยเจียงฟางซินถึงกับตะลึง นางใช่ท่านป้าคนนั้นที่ไหน นี่มันเทพธิดาฉางเอ๋อร์ใช่หรือไม่ช่างงามนัก "ท่านป้าคนนั้นไปไหนหรือเจ้าคะคุณหนู" "ท่านป้าคนนั้นก็คือข้านี่แหละ นี่ๆลองหาดีๆเผื่อมีประตู ฝั่งนี้เป็นตำหนักเหมยฮวา ฝั่งเจ้าเป็นตำหนักกุ้ยฮวาน่าจะเชื่อมกันได้" เจียงฟางซินกับชุ่ยชุ่ยและเป่าเป่าก็ค่อยๆคลำไม่นานก็เจอ แต่เพราะนานเกินไปกลอนประตูขึ้นสนิมเปิดไม่ออก จางซูฉีโดดลงมาแล้วลองดูฝั่งตนเอง จากนั้นก็ยกเท้าถีบสามทีประตูก็พังลง กลายเป็นช่องสี่เหลี่ยมทะลุถึงกัน ทั้งหกคนยืนเผชิญหน้ากันเจ้ามองข้าส่วนข้าก็มองเจ้า จางซูฉีหลบให้พวกนางเดินเข้ามาในบริเวณบ้าน "เอ่อ พี่สาวท่านมาเฝ้าตำหนักร้างจริงๆหรือ ที่นั่นมีแต่ตำหนักเก่าๆมีของมีค่าอันใดด้วยหรือเจ้าคะ" จางซูฉีเอ่ยถาม "แล้วเจ้าเล่านี่มันเรือนท้ายสวนตำหนักเหมยฮวาไม่ใช่หรือ เจ้าก็มาเฝ้าหรือ"เจียงฟางซินมองหน้า จางซูฉีจึงเอ่ยขึ้น "ข้าว่าเราเปิดอกคุยกันเถอะ ดูเหมือนท่านกับข้าจะเป็นพวกถูกขว้างทิ้งเหมือนกัน ข้าจางนางซูฉีอดีตพระชายาจวนเยี่ยอ๋อง ถูกเขาเตะกระเด็นมาอยู่ที่นี่เพราะรังเกียจที่ข้าปัญญาอ่อนสติไม่ดี และอัปลักษณ์แล้วท่านเล่าเป็นใคร" "ข้าเจียงฟางซิน อดีตฮองเฮาที่ถูกหนานกงอินฮ่องเต้ปัญญาทึบเตะโด่งมาที่นี่เพราะรังเกียจตระกูลของข้าเช่นกัน" ทั้งคู่มองหน้ากันแล้วก็หัวเราะ ชีวิตช่างเหมือนกันจริงๆ จึงพากันไปนั่งเล่นริมลำธาร เพราะเย็นสบายลำธารนี้ไหลเซาะใต้กำแพงหินมาจากบนเขา ไม่ลึกมากพอให้ลงว่ายเล่นได้ "ได้ข่าวว่าฮ่องเต้อายุเพียงยี่สิบแปดไม่ใช่หรือ ท่านก็งามเช่นนี้เหตุใดเขายังรังเกียจ" จางซูฉีถามไปเคี้ยวผลท้อไป นางเก็บมาจากต้นที่อยู่ผู้นั้นปลูกไว้ รสชาติหวานอร่อย "เขารังเกียจหาว่าครอบครัวข้าแสวงหาอำนาจแต่งข้ามาไม่ทันไร พอท่านปู่จากไปก็ให้บิดาข้าไปปกครองเมืองหน้าด่านไกลถึงสองพันลี้แล้วก็หาว่าข้าใจแคบจึงไล่มาอยู่ที่นี่สำนึกตน" "ฮือๆๆพระชายา ท่านไม่รู้หรอกฮองเฮาไม่เคยยุ่งกับเหล่าสนมสักนิด พวกนางตบตีกันเองแล้วบอกว่าเป็นคำสั่งฮองเฮา จางซิ่วเอ๋อร์คนนั้นยังไม่ทันเข้าวังก็วางอำนาจใส่สกุลเจียง คิดว่าตนเองจะได้เป็นฮองเฮาจริงๆหรือไง" "อ้อ จางซิ่วเอ๋อร์คนนั้นนางก็คือ พี่หญิงใหญ่บุตรสาวท่านลุงของข้าเองแหละเดิมทีนางคือคนที่ต้องแต่งเข้าตำหนักอ๋องเยี่ย แต่ดูเหมือนลุงใหญ่ข้าจะสงสารบุตรสาวกลัวนางเฉาตายหวยเลยมาตกที่ข้า"
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD