ครึ่งชั่วโมงต่อมาบัวชมพูก็ถูกพามายังห้องบอลรูมใหญ่ สถานที่จัดงานเลี้ยง คุณขวัญฤดีกับคุณอริสราเดินเคียงคู่มากับเจ้าสาวจำเป็นที่แสดงสีหน้าปูเลี่ยนมาตลอดทาง
“เป็นอะไรหรือเปล่าหนูเหมียว”
คุณขวัญฤดีถามอย่างเป็นห่วง เหลือบมองชุดแต่งงานที่ลูกสะใภ้สวมอยู่ก็อดสงสารไม่ได้ เพราะดูเหมือนชุดจะใส่ได้พอดีก็จริง แต่เหมือนช่วงบนดูคับนิดหน่อย ท่านรู้สึกว่าชุดนี้ดูโป๊ไปหน่อยเมื่ออยู่บนเรือนร่างสมบูรณ์แบบของตัวแทนว่าที่ลูกสะใภ้
“ชุดมันคับนิดหน่อยนะคะคุณป้า โดยเฉพาะที่หน้าอก แน่นจนหายใจไม่ออก หน้าอกก็ดันล้นแทบทะลักออกมาเลย เหมียวว่าหน้าอกเหมียวก็ไซส์ปกติ แต่ทำไมพอใส่ชุดนี้แล้วมันถึงดูโป๊ขนาดนี้”
บัวชมพูเริ่มรำพันอย่างแค้นใจกับรูปร่างของตัวเอง ก้มมองเนินอกที่ล้นออกมาจากชุดเจ้าสาว สงสัยจริงว่าผู้หญิงที่ชื่อพรทิพามีรสนิยมแบบไหน ถึงได้เลือกชุดห่วยแตกแบบนี้มาใส่ในงานเลี้ยงคืนนี้
‘ไม่ใช่เพราะชุดแต่งงานมันเล็กไปหรอกลูก แต่หน้าอกหนูใหญ่เกินไปต่างหาก แล้วมาใส่ชุดที่ไม่ได้ทำมาเพื่อหนู มันก็เลยเป็นอย่างทีเห็น’
ท่านยิ้มกับความคิดของตนเอง เดินเกาะแขนเจ้าสาวคนงามเข้าภายในห้องบอลรูม กวาดสายตามองหาสามีและบุตรชาย
“มีอะไรก็บอกแม่ได้นะลูก”
คุณอริสราเอ่ยบอกบุตรสาวอีกคนที่ท่านกับสามีทอดทิ้งไปเมื่อยี่สิบก่อน รู้สึกเสียใจกับสิ่งที่พวกท่านทำเอาไว้ไม่น้อย
บัวชมพูหันมองหญิงสูงวัยเล็กน้อย ทว่าก็ไม่ได้เอ่ยตอบอะไร บิดามารดาของเธอมีเพียงพ่อชิตกับแม่ดาเท่านั้น
“ขอโทษที่มาช้านะคะ พอดีเจ้าสาวเหนื่อยจากพิธีในช่วงเช้านิดหน่อย เลยพักนานไปหน่อย”
คุณขวัญฤดีเอ่ยบอกแขกคนสำคัญในโต๊ะที่สามีและบุตรชายนั่งอยู่ เสียดายนิดหน่อยที่บุตรชายมองไม่เห็น จึงไม่รู้ว่าเจ้าสาวนั้นงดงามแค่ไหน
“พลอยต้องขอโทษด้วยนะคะที่ออกมาต้อนรับช้าไปหน่อย”
บัวชมพูเอ่ยขอโทษแขกในโต๊ะเสียงหวาน พยายามบอกตัวเองว่าต้องทำให้สำเร็จ สองชั่วโมงเท่านั้นงานเลี้ยงก็เลิกแล้ว
“ไม่เป็นอะไรหรอกหนูพลอย ตอนที่ตาเสือบอกว่าหนูเป็นลมหมดสติไป ลุงเป็นห่วงมาก นึกว่าจะร้ายแรงเสียอีก เห็นแบบนี้แล้วค่อยโล่งใจหน่อย”
“ขอบคุณที่เป็นห่วงพลอยนะคะ ตอนนี้พลอยสบายดีแล้วล่ะค่ะ”
“นั่งก่อนสิครับน้องพลอย” อธิปบอกเจ้าสาวอย่างอ่อนโยน
“ขอบคุณค่ะพี่เสือ” บัวชมพูพยายามเรียกเจ้าบ่าวให้หวานที่สุดเท่าที่เธอทำได้ หญิงสาวเดินไปนั่งเก้าอี้ตัวที่ว่างอยู่ข้างกายเขา
********
“นั่นคือหนูเหมียวที่ไอ้เสือมันเล่าให้ฟัง หน้าตาเหมือนน้องพลอยมากเลย แต่ฉันว่าหนูเหมียวน่ารัก อ่อนหวานกว่าน้องพลอย”
ธี หรือ ธีรชัย วรโชติถามขึ้นเมื่อเห็นผู้หญิงที่หน้าตาคล้ายกับคนรักของเพื่อนเต็มตา เขาว่าพรทิพาสวยแล้วแต่ยังเทียบเธอคนนี้ไม่ได้เลย รูปร่างก็เพอร์เฟค หน้าตาก็ดูหวานกว่า กริยามารยาทก็ดูดีกว่า
“ฉันเห็นด้วยว่ะไอ้ธี หนูเหมียวของไอ้เสือน่ารักกว่าน้องพลอยเยอะเลย เสียดายที่ไอ้เสือมันมองไม่เห็น ไม่อย่างนั้นมันต้องหลงรักหนูเหมียวแน่”
“พูดบ้าอะไรของแกไอ้ภูมิ หนูเหมียวแค่ช่วยให้งานเลี้ยงคืนนี้ผ่านไปด้วยดีก็เท่านั้น อย่าลืมสิว่าหนูเหมียวเป็นแค่ตัวแทนน้องพลอยที่จะทำให้งานเลี้ยงคืนนี้จบลงอย่างสมบูรณ์เท่านั้น”
“แกคิดอย่างนั้นเหรอไอ้ธี”
ภูมิมองเจ้าสาวคนงามของเพื่อนสลับกับคุณนายขวัญฤดีที่แสดงออกว่าชอบเจ้าสาวคนนี้มากกว่าเจ้าสาวคนเก่าเสียอีก เรื่องมันชักสนุกขึ้นมาแล้วสิ เขาอยากรู้จริงว่าถ้าเกิดท่านต้องการให้ผู้หญิงคนนี้มาเป็นสะใภ้จริงๆ อธิปจะทำอย่างไร
“หมายความว่าไงว่ะไอ้ภูมิ” ธีรชัยหันมาถามอย่างสงสัย
“ก็ท่าทางคุณป้าดูจะชอบแม่หนูเหมียวคนนี้มากกว่าน้องพลอยเสียอีก ช่วงเช้าแกไม่เห็นเหรอ คุณป้าเอาแต่นิ่งเงียบ ไม่ค่อยเข้าใกล้น้องพลอย แต่กับแม่หนูเหมียวคนนี้มันต่างกันลิบลับเลย แล้วยังรอยยิ้มที่ระบายเต็มหน้านั่นอีก ฉันรู้สึกเป็นห่วงไอ้เสือยังไงชอบกล”
ภูมิอธิบายตามที่เขารู้สึก
ถ้าเป็นจริงอย่างที่ภูมิบอก เรื่องคงไม่จบลงเพียงแค่นี้แน่ เผลอๆ อธิปอาจหลงติดกับดักของคุณนายขวัญฤดีด้วย ธีรชัยมองมารดาของเพื่อนสนิทสลับกับเจ้าสาวเฉพาะกิจอย่างพิจารณา ก่อนจะเห็นด้วยกับความคิดของภูมิ
“ไอ้เสือกับหนูเหมียวกำลังจะเดินมาทางนี้แล้ว”
“มาก็ดีสิ ฉันก็อยากเห็นหน้าหนูเหมียวของมันชัดๆ หน่อย อยากรู้ว่าสิ่งที่มันพูดเป็นความจริงหรือเปล่า”
“เรื่องสีตาของหนูเหมียวน่ะเหรอ” ภูมิเอ่ยขึ้น
“เออดิ คนเอเชียไม่มีสีตาแบบนั้นกันหรอกไอ้ภูมิ”
ธีรชัยบอก เขาเองก็อยากเห็นเหมือนกันว่าตาของเจ้าสาวอธิปเป็นสีเฮเซลจริงหรือเปล่า
“ไอ้เสือบอกไม่ใช่เหรอว่าตระกูลฝ่ายพ่อและฝ่ายแม่ของหนูเหมียวแต่งงานกับคนต่างชาติ ฝ่ายมาหลายรุ่นต่อหลายรุ่นพันธุกรรมเหล่านั้นจึงตกมาถึงหนูเหมียว” ภูมิบอกด้วยสีหน้าจริงจัง
“แต่มันไม่แปลกไปหน่อยเหรอแก ที่คนมีตาสีเฮเซลมีแต่หนูเหมียวทั้งที่ไอ้เสือมันบอกว่าน้องพลอยเป็นพี่ของหนูเหมียว ถ้าหนูเหมียวมีตาสีเฮเซล น้องพลอยก็ต้องมีตาสีเฮเซลด้วยสิ”
“ฉันจะไปรู้ได้ยังไง เอาเป็นว่าน้องพลอยกับหนูเหมียวเป็นพี่น้องกัน แล้วตอนนี้น้องพลอยหนีงานแต่ง ส่วนหนูเหมียวก็ดันโชคร้ายที่มาส่งเพื่อนที่นี่แล้วโดนเข้าใจผิดคิดว่าเป็นน้องพลอย จนถูกจับมาแต่งงานแทน”
“พูดไปก็น่าสงสารหนูเหมียวว่าไหมไอ้ภูมิ”
“พวกแกนินทาอะไรเจ้าสาวของฉันอยู่วะไอ้ภูมิ ไอ้ธี”
อธิปที่เดินควงแขนมากับเจ้าสาวจำเป็นถามขึ้น เขาได้ยินบทสนทนาไม่มากนัก แต่พอรู้ว่าธีรชัยกับภูมิต้องนินทาเรื่องของเขากับบัวชมพู
“ไม่ได้นินทาเว้ย ฉันกับไอ้ภูมิกำลังคุยเรื่องของแกกับหนูเหมียวอยู่ ไม่นึกว่าหนูเหมียวจะสวยน่ารักขนาดนี้ แถมยังมีดวงตาที่งดงามอีกด้วย”
ชายหนุ่มบอกแล้วแหงนหน้าขึ้นมองเจ้าสาวของเพื่อนอย่างพินิจอีกครั้ง ก่อนจะพบว่าเธอมีดวงตาสีเฮเซลอย่างที่เพื่อนบอกจริงๆ
“ขอบคุณค่ะ” บัวชมพูขอบคุณส่งยิ้มหวานให้สองหนุ่ม
“นั่งก่อนสิไอ้เสือ เชิญครับหนูเหมียว” ภูมิชวนให้คู่บ่าวสาวนั่ง
บัวชมพูรั้งร่างอธิปให้นั่งลงตรงเก้าอี้ตัวที่ว่างถัดจากเธอไป แล้วนั่งลงเมื่อเขานั่งได้แล้ว จากนั้นก็หันไปมองเพื่อนสนิททั้งสองของเขา
“ยินดีที่ได้รู้จักพวกคุณนะคะ ฉัน...บัวชมพู บวรนันท์ หรือเรียกเหมียวก็ได้ แต่อย่าใช้คำนำหน้าว่า ‘หนูเหมียว’ เพราะฉันไม่ได้คิดเกี่ยวข้องกับเพื่อนของพวกคุณ หวังว่าคุณสองคนคงเข้าใจสิ่งที่ฉันพูดนะคะ”
“พอคุณพ่อ คุณแม่ไม่อยู่ ก็เผยธาตุแท้ออกเลยนะบัวชมพู”
อธิปเอ่ยขึ้น หลังจากที่เขาสังเกตนิสัยของหญิงสาวมาได้สักพัก เวลาอยู่ต่อหน้าผู้ใหญ่ก็เรียบร้อยอ่อนหวาน อย่างกับกุลสตรีไทย แต่พอไม่มีผู้ใหญ่อยู่เท่านั้นแหละ ความเรียบร้อยอ่อนหวานก่อนหน้านี้ก็หายวับไปกับตา
“ฉันเป็นพวกใจอ่อนกับเด็กแล้วก็ผู้สูงอายุ” บัวชมพูบอกเสียงแข็งเล็กน้อยเมื่อหันมาพูดกับอธิป
“เห็นไอ้เสือบอกว่าหนู...คุณเหมียวเป็นพี่น้องฝาแฝดกับน้องพลอยจริงหรือครับ” ภูมิถาม
“ก็ประมาณนั่นแหละค่ะ แต่ฉันว่าคุณอย่าเอาฉันไปเกี่ยวข้องกับตระกูลสิริกรดีกว่าค่ะเพราะครอบครัวฉันมีแต่คนในตระกูลบวรนันท์เท่านั้น ฉันไม่คิดนับญาติกับคนที่ทอดทิ้งฉันอย่างเลือดเย็นหรอกค่ะ”
ธีรชัยกับภูมิถึงกับนั่งเงียบไปกับคำพูดของเจ้าสาวคนงาม นึกไม่ถึงว่าโลกนี้มีเรื่องแบบนี้ด้วย ตอนแรกคิดว่าอธิปพูดเล่นเสียอีก
ที่ไหนได้เรื่องที่มันเล่าดันเป็นจริงเสียนี่ จะว่าไปคนที่เชื่อเรื่องงมงายแบบนั้นช่างไม่ฉลาดเอาเสียเลย บิดามารดาของพรทิพาเป็นนักเรียนนอกกันทั้งคู่ แต่กลับเชื่อเรื่องงมงาย ค่ำครึแบบนั่นได้ไง
“โทษทีที่มาช้านะไอ้เสือ”
“สวัสดีค่ะคุณน้า” หลานสาวของก้องเกียรติทักทายเจ้าบ่าวเสียงหวานใส ตาคู่สวยหันมองเจ้าสาวของเพื่อนคุณน้าแล้วยิ้มแก้มปริ
“แกพาหลานมางานแต่งฉันด้วยเหรอไอ้เกียรติ”
“ก็เออสิ พอยัยแก้มเห็นรูปเจ้าสาวของแกเท่านั้นแหละ ยัยแก้มก็ร้องตามมางานด้วย” ก้องเกียรติบอกแล้วหันยิ้มให้หลานสาวตัวน้อย
“พี่สาวหน้าตาเหมือนคุณครูของน้องแก้มเลยค่ะ” น้องแก้มพูดขึ้น สายตาจับจ้องเจ้าสาวของเพื่อนสนิทคุณน้าเกียรติ
“คุณครูของน้องแก้มหรือครับ” อธิปถามอย่างแปลกใจ จะว่าไปเขาก็รู้เรื่องของบัวชมพูเลย ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าหญิงสาวทำงานอะไร พักอยู่ที่ไหนแล้วทำไมถึงมาอยู่ในโรงแรมนี้
“ค่ะคุณน้าเสือ” น้องแก้มตอบ
บัวชมพูทำหน้าเบ้เล็กน้อย เมื่อเจอลูกศิษย์ตัวน้อย ไม่นึกว่าดวงจะซวยขนาดนี้ เจอใครไม่เจอดันเจอลูกศิษย์ของตัวเองแบบนี้ ตายแน่ๆ
“น้องแก้มขอถ่ายรูปคู่ได้ไหมค่ะ เดี๋ยวน้องแก้มจะเอาไปอวดคุณครูเหมียว” หนูน้อยวัยสิบขวบเอ่ยบอกเจ้าสาวคนสวย ส่งยิ้มหวานแก้มออดอ้อน
“เอ่อ...ได้สิจ้ะน้องแก้ม” บัวชมพูรับคำเสียงหวาน รอยยิ้มอบอุ่นระบายบนใบหน้างาม
อธิปหันมองบัวชมพูอย่างแปลกใจ อดสงสัยไม่ได้ว่าทำไมผู้หญิงคนนี้ถึงทำตัวแปลกเวลาอยู่กับเขา ตอนอยู่กับบิดามารดากับแม่หนูน้อยคนนี้ถึงได้ดูอบอุ่นและอ่อนโยนนัก
‘ท่าทางฉันคงถูกเกลียดเข้าแล้ว ยัยหนูเหมียวนี่ถึงเย็นชาใส่ฉันตลอด’
********