อธิปเลิกคิ้วมุ่นกับคำพูดของหญิงสาวตรงหน้า เขาไม่เห็นสีตาของเธอเลยไม่รู้ว่ามันแปลกตรงไหน แค่มีสีตาไม่เหมือนบิดามารดาผู้ให้กำเนิดกับฝาแฝดอีกคนก็ไม่เห็นต้องนำเธอไปทิ้งไว้ในสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าเลย
“ทั้งที่ความจริงในอดีตตระกูลของผู้ชายคนนี้กับผู้หญิงคนนี้ต่างก็แต่งงานกับคนต่างชาติ พอมาคิดถึงจุดนี้ก็ไม่แปลกเลยที่เหมียวจะมีตาสีเฮเซล แต่คนโง่ก็ยังคงเป็นคนโง่อยู่วันยังค่ำนั่นแหละค่ะ เชื่อเพียงคำพูดของหมอดูแล้วทิ้งลูกที่ให้กำเนิดได้อย่างเลือดเย็นแบบนั้น”
คุณไตรภพกับภรรยาต่างนั่งเม้มปากแน่น มองบุตรสาวอีกคนที่พวกท่านนำไปทิ้งไว้ในสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า มานึกทบทวนดูแล้ว ตระกูลของพวกท่านในอดีตต่างก็แต่งงานกับชาวต่างชาติจริงๆ
ถ้าพวกท่านจำไม่ผิดคุณปู่ทวดของท่านแต่งงานกับชาวอียิปต์ ส่วนทางฝ่ายภรรยารู้สึกว่าคุณยายทวดแต่งงานกับชาวอาหรับ มาคิดดูแล้วท่านคงเป็นคนโง่อย่างที่บุตรสาวคนเล็กบอกสินะ
“ผมขอตาคุณหน่อยได้ไหม”
อธิปบอกแล้วลุกจากโซฟาเดินตรงเข้ามาหาหญิงสาวที่หน้าตาคล้ายคนรัก ทว่าเขาก็ไม่สามารถเดินเข้าไปหาได้ เพราะขาดันชนกับโต๊ะกระจกเสียก่อน
‘ขอฉันดูใกล้ๆ หน่อยเถอะ ต่อให้เพ่งตาที่พร่ามัวจนแทบจะบอดให้กว้างขึ้นอีกหน่อย เราอาจเห็นสีตาของผู้หญิงคนนี้ก็ได้’
“โอ๊ย!” เสียงร้องอย่างเจ็บปวดดังขึ้น
“คุณมองไม่เห็นหรือค่ะ” บัวชมพูหันไปถามหนุ่มหล่อในชุดสูทสีขาวอย่างแปลกใจ ดวงตาคู่งามแปลกตามองพิจารณาใบหน้าหล่อเหลา
“ฉันนึกออกแล้วว่าเคยเห็นหน้าคุณที่ไหน เมื่อหนึ่งปีก่อนคุณขึ้นหน้าหนึ่งของหนังสือพิมพ์แทบทุกฉบับเลยนี่นา อุบัติเหตุครั้งใหญ่ในการแข่งรถทำครั้งนั้นทำให้คุณมองไม่เห็นหรือเนี่ย”
“ใช่! ผมตาบอด คุณคงสมเพชผมสินะ ที่ผมเป็นแบบนี้”
อธิปตอบเสียงแข็ง นึกโกรธผู้หญิงตรงหน้าอย่างแรง เขาไม่ได้ตาบอดเสียหน่อย ถึงตอนนี้อาจมองไม่ชัดนัก ผ่าตัดครั้งต่อไป คุณหมอบอกว่าเขามีโอกาสมีเห็นอีกครั้งอย่างแน่นอน
“พูดจางี่เง่าอะไรของคุณ แค่มองไม่เห็นชั่วคราวเท่านั้นไม่ใช่เหรอ ไม่ได้ตาบอดมาตั้งแต่เกิดเสียหน่อย อีกอย่างฉันว่าคุณน่าจะดีใจนะที่ไม่ต้องแต่งงานกับผู้หญิงที่เขาไม่ได้รักคุณ เพราะถ้าผู้หญิงคนนั้นรักคุณจริงคงไม่หนีการแต่งงานหรอก คนรักกันต้องยอมรับในสิ่งที่อีกคนเป็นได้สิ ถ้ารักจริงก็อยู่ด้วยกันตลอดชีวิต ไม่ว่าเขาจะเป็นยังไงก็ตาม”
บัวชมพูหันไปโวยวายใส่หนุ่มหล่อในชุดสูทสีขาวอย่างหัวเสีย ที่แท้เพราะเขามองไม่เห็นนี่เอง พี่สาวฝาแฝดของเธอถึงหนีการแต่งงาน
อธิปถึงกับนิ่งเงียบ กำหมัดแน่นเพื่อระงับความโกรธที่ถูกอีกฝ่ายตำหนิ ชายหนุ่มพยายามเดินเข้าไปหาผู้หญิงปากจัดที่กล้าต่อว่าเขาอย่างเอาเรื่อง แต่มันก็ช่างยากเหลือเกิน
“หยุดอยู่ตรงนั้นเลย ฉันไม่อยากกลายเป็นอีกคนที่ทำให้ตาคุณบอดไปตลอดชีวิตหรอก เอาไว้คุณรักษาตาให้หายก่อนเถอะ แล้วค่อยมารบกับฉัน”
ถึงรู้ว่าหนุ่มหล่อตามองไม่เห็น ถึงเขาเป็นถึงประธานใหญ่ธุรกิจโรงแรมในเครือเอล.พี.เอ็น แกรนด์ โฮเทล แอนด์ พลาซ่าก็เถอะ เธอก็ไม่กลัวเขาสักนิด
“คุณมันร้ายกาจ ปากจัด”
“โทษที ฉันไม่ใช่น้องพลอยที่น่ารักของคุณ ถึงจะได้ทำตัวน่ารัก อ่อนหวานกับคุณ”
“คุณนี่มัน...” อธิปถลึงตาใส่ผู้หญิงปากดี ถึงมองไม่เห็นเธอก็ตาม
“เหมียวต้องขอตัวก่อนนะคะคุณลุง คุณป้า”
บัวชมพูหันมาเอ่ยลาสองสามีภรรยาสูงวัยที่นั่งตรงหน้า เรื่องที่เกิดขึ้นไม่ได้เกี่ยวอะไรกับเธอเลย ตระกูลสิริกรไม่ได้มีความเกี่ยวข้องกับเธอ ตระกูลบวรนันท์เท่านั้นที่สำคัญสำหรับเธอ
“ถ้าเธอแน่จริงก็รับผิดชอบชีวิตฉันสิ” อธิปเอ่ยขึ้นเสียงกร้าว
“รับผิดชอบอะไรไม่ทราบ ฉันไม่ใช่น้องพลอยของคุณ แล้วทำไมฉันต้องรับผิดชอบชีวิตของคุณด้วย”
“เธอก็รังเกียจที่ฉันตาบอดเหมือนกันใช่ไหม”
อธิปโวยวายใส่ หน้าตาแดงก่ำ ถ้าไม่รังเกียจเรื่องที่เขาตาบอดจริง แค่บอกให้แต่งงานกับเขา หญิงสาวก็ต้องทำได้สินะ
“เธอถึงไม่กล้าแต่งงานกับฉัน” ชายหนุ่มถามเอาเรื่อง
“พูดบ้าอะไร การแต่งงานนะคุณ ไม่ได้เล่นขายของ”
“คุณท่านครับ ผมว่ารีบหน่อยก็ดีนะครับ นี่ก็เลยเวลามามากแล้ว ป่านนี้แขกในห้องบอลรูมคงเริ่มซุบซิบกันแล้ว” ชายหนุ่มในชุดสูทสีดำเอ่ยเตือนนายท่านทั้งสองเมื่อก้มมองนาฬิกาบนข้อมูล
“นั่นสิ นี่ก็เลยงานเลี้ยงมาเกือบครึ่งชั่วโมงแล้ว” คุณขวัญฤดีบอกเสียงกังวล หันสบตามองสามีสลับกับบุตรชายซึ่งนั่งหน้าตึงอยู่ข้างๆ
“ถ้าเป็นแบบนี้คงต้องยกเลิกงานเลี้ยงคืนนี้แล้วล่ะครับคุณไตร”
คุณอติเทพบอกด้วยสีหน้านิ่งเรียบ ทว่าในใจท่านกลับรู้สึกเสียใจในการกระทำของสองสามีภรรยาคู่นี้ไม่น้อย แถมว่าที่ลูกสะใภ้ยังมาทำให้ตระกูลท่านเสื่อมเสียอีก บางทีคำพูดของแม่หนูคนนี้อาจถูกก็ได้ ที่บุตรชายของท่านไม่ต้องแต่งงานกับผู้หญิงที่ท่านกับภรรยาเลือกมาเป็นสะใภ้
“ความสัมพันธ์ระหว่างตระกูลคุณกับผมก็คงต้องขาดกันเสียที ผมกับภรรยาผิดเองที่ตัดสินใจเลือกหนูพลอยมาเป็นสะใภ้”
“คุณเทพค่ะ เรายังมีทางแก้ไขเรื่องนี้ได้นะคะ”
คุณอริสราร้องบอกคุณอติเทพเสียงสั่น หากการแต่งงานครั้งนี้ถูกยกเลิก ธุรกิจโรงแรมของตระกูลท่านก็ต้องย่ำแย่ยิ่งกว่าเก่า
“ทางแก้อะไรของคุณอีกล่ะครับ ผมเบื่อกับเรื่องนี้เต็มทนแล้ว”
“ก็ให้หนูเหมียวแต่งงานแทนหนูพลอยไงค่ะ”
คุณอริสราพูดเสียงสั่น หันไปมองบุตรสาวที่ท่านทอดทิ้งไปเมื่อหลายสิบปีก่อนด้วยสายตาเว้าวอน
“พูดบ้าอะไรของคุณ ทำไมฉันต้องแต่งงานแทนลูกสาวของคุณด้วย ฉันไม่ใช่คนในตระกูลของพวกคุณเสียหน่อย” บัวชมพูหันมาโวยวายใส่หญิงสูงวัยที่นั่งน้ำตาคลอเบ้าอย่างไม่พอใจ
“หนูเหมียวช่วยป้าหน่อยได้ไหมลูก ช่วยเข้าพิธีแทนหนูพลอยให้ป้าหน่อย ถือว่าป้าขอร้อง”
คุณขวัญฤดีหันมาขอร้อง น้ำตาคลอหางตาให้หญิงสาวที่ทะเลาะกับบุตรชายของท่านอยู่ ความจริงให้แม่หนูคนนี้แต่งงานแทนก็ดีเหมือนกัน ท่านรู้สึกถูกชะตามากกว่าว่าที่ลูกสะใภ้เสียอีก
“มันไม่ใช่เรื่องเล็กๆ เลยนะคะคุณป้า คือพวกเราไม่ได้รู้จัก สนิทสนมกัน ถ้าพ่อชิตกับแม่ดารู้เรื่องนี้เข้า เหมียวโดนตำหนิแน่ ที่สำคัญเรื่องแต่งงานนี่มันเป็นเรื่องใหญ่ของเหมียวเลยนะคะ”
“แค่เป็นตัวแทนน้องพลอยเข้าพิธีแต่งงานกับฉันเท่านั้นไม่เห็นจะลำบากตรงไหนเลย”
อธิปย้อนถามเสียงหยัน ยกยิ้มมุมปาก รู้สึกแปลกใจนิดหน่อยกับคำถามที่เขาถามไป แต่จากน้ำเสียงที่หญิงสาวสนทนากับมารดา ก็ยิ่งทำให้เขามั่นใจว่าเธอต้องเป็นผู้หญิงหัวโบราณ ก่อนตัดสินใจถามในสิ่งที่ตนสงสัย
“อย่าบอกนะว่าเธอยังบริสุทธิ์อยู่ หัวโบราณจริงๆ เลยนะเธอเนี่ย”
“ฉันยังบริสุทธิ์ แถมยังหัวโบราณ แล้วมันหนักส่วนไหนของคุณไม่ทราบ ผิดด้วยเหรอที่ฉันอยากเก็บความบริสุทธิ์ไว้ให้คนที่ฉันรัก”
“ฉันก็ไม่ได้คิดจะแย่งความบริสุทธิ์ของเธอเสียหน่อย แค่ขอให้เข้าพิธีคืนนี้แทนน้องพลอยก็เท่านั้น”
“คุณนี่หน้าตาก็หล่อดีนะ แต่ปากร้ายยิ่งกว่าผู้หญิงเสียอีก ที่จริงก็อยากด่าให้แรงกว่านี้ แต่ฉันเกรงใจคุณพ่อ คุณแม่ของคุณ ตอนแรกก็รู้สึกเห็นใจอยู่หรอก แต่ตอนนี้ชักรู้สึกสมน้ำหน้าคุณแล้ว”
คุณขวัญฤดีนั่งยิ้ม ยิ่งรู้สึกอยากได้เด็กสาวคนนี้มาเป็นสะใภ้มากยิ่งขึ้น ท่านคิดว่ายุคนี้คงหาได้น้อยเต็มที สำหรับผู้หญิงในวัยนี้ที่ยังรักษาความบริสุทธิ์เอาไว้ได้ ถ้าจำไม่ผิดตอนที่ท่านดูบัตรประชาชนของแม่หนูคนนี้ หญิงสาวอายุยี่สิบสี่ย่างยี่สิบห้าแล้ว
‘ฉันต้องทำให้แม่หนูคนนี้มาเป็นลูกสะใภ้แทนหนูพลอยให้ได้’
“หนูเหมียวจ้ะ ช่วยป้าสักครั้งได้ไหม แค่หนูเหมียวเข้าไปปรากฏตัวในงานพร้อมกับลูกชายป้าแค่สอง-สามชั่วโมงเองนะลูก”
“ขนาดคนแก่ขอร้องยังใจดำ แบบนี้ใช้ได้ที่ไหน ฉันว่าชาตินี้ทั้งชาติเธอต้องขึ้นคานแน่หนูเหมียว”
อธิปพูดแทรกขึ้น น้ำเสียงแสดงถึงการเย้ยหยันอีกฝ่ายสุดๆ จนคนถูกดูแคลนถึงกับหน้าแดงก่ำด้วยความโกรธ
“แค่เข้าพิธีแทนใช่ไหม ได้สิ! ทำไมจะไม่ได้ แล้วคุณก็หุบปากเน่าๆ ของคุณไปเสียที ที่สำคัญฉันไม่ได้ใจดำอย่างที่คุณคิด” บัวชมพูลุกขึ้นโวยวายพลางชี้หน้าด่าทอผู้ชายปากเสียอย่างหัวเสียสุดๆ
‘ดีมากตาเสือ ลูกนี่ช่างรู้ใจแม่จริงๆ’
คุณขวัญฤดีรำพันอยู่ในใจอย่างพอใจกับคำพูดของบุตรชาย ท่านไม่รู้หรอกว่าบุตรชายคิดเรื่องอะไรอยู่ หากงานแต่งสามารถผ่านไปได้ด้วยดีแถมยังได้แม่หนูคนนี้มาเป็นสะใภ้แทนว่าที่ลูกสะใภ้คนเก่าท่านก็ยินดี
“ถ้างั้นลูกออกไปรับแขกก่อนเถอะ เดี๋ยวแม่เรียกช่างมาแต่งหน้า เปลี่ยนชุดให้หนูเหมียว”
‘พี่ไม่มีทางยกเลิกงานเลี้ยงฉลองพิธีแต่งงานของพวกเราหรอกน้องพลอย ถึงไม่มีน้องพลอย พี่ก็สามารถทำให้งานแต่งครั้งนี้จบลงด้วยดีให้ได้ พี่ต้องขอบคุณสวรรค์ที่ส่งผู้หญิงที่หน้าตาเหมือนน้องพลอยมาให้พี่ในเวลาที่เหมาะสม แถมคุณแม่พี่ยังดูชอบใจหนูเหมียวมากกว่าน้องพลอยเสียอีก’
“ครับคุณแม่ แล้วฉันจะรอเธอในงานเลี้ยงนะหนูเหมียว หวังว่าเธอคงไม่ทำให้ฉันผิดหวัง” อธิปตอบมารดาแล้วหันมาเย้าหญิงสาวที่เขาสามารถทำให้เธอเข้าพิธีแต่งงานแทนคนรักของเขาได้
“สาธรไปตามช่างแต่งหน้า ช่างทำผมมาเดี๋ยวนี้เลย”
“ครับคุณท่าน”
*********