และฝูงสัตว์ แต่ยังไม่มีใครยืนยันรูปพรรณสัณฐานว่าคีธเป็นหนึ่งในบรรดาผู้ที่เสียชีวิต
ทว่าระยะเวลาสองปีกว่าที่เขาหายไปจากชีวิตของเธอกับลูก โซเฟียคิดว่ามันก็นานพอที่จะยืนยันได้ถึงความมีหรือไม่มีชีวิตอยู่ของเขา
“คีธคงไม่กลับมาแล้ว” โซเฟียรำพึงออกมาลอยๆ พ่นควันบุหรี่สีเทาออกมาสู่บรรยากาศอันเวิ้งว้าง อันที่จริงเธอทำใจได้ตั้งแต่ปีแรกๆที่เขาหายไป แม้ครั้งหนึ่งเธออาจจะเคยรอคอยการกลับมาของเขาแทบทุกลมหายใจ แต่คีธก็ไปนานเกินกว่าที่เธอจะหลอกตัวเองอยู่ได้ว่าเขายังไม่ตาย หรือไม่เช่นนั้น…คีธคงทิ้งเธอและลูกสาว หนีไปมีครอบครัวใหม่ที่ไหนสักแห่ง ในถิ่นฐานที่ดีกว่าฟาร์มซึ่งกำลังแล้ง รอวันร้างลงเรื่อยๆ
“ขอโทษที่ฉันไม่มีเวลามาดูเธอกับลูก” เดลดีดบุหรี่อีกมวนออกมาจากซอง คาบคาไว้ที่ริมฝีปากรกไรหนวด จุดไม้ขีดไฟ ค้อมศีรษะเอามือป้องเปลวไฟที่สว่างวาบจับเสี้ยวใบหน้าคมสันของเขา ก่อนจะสูบลึกแรง มองเห็นความอัดอั้นที่ปะปนออกมากับควันบุหรี่ พ่นผุยออกมาริมฝีปากช้าๆ
เดลกล่าวราวกับว่าโซเฟียกับซาบรีน่าคือภาระรับผิดชอบของเขา
“คุณเองก็ต้องทำงาน...ชีวิตทุกวันต้องกินต้องใช้ ข้าวปลาอาหารล้วนต้องแลกด้วยหยาดเหงื่อแรงงาน แค่แวะมาให้เห็นหน้า...ซาบรีน่าก็ดีใจจนเนื้อเต้น” เธอกล่าวอย่างเข้าใจในความเหนื่อยยากของเดล อ้างว่าเป็นซาบรีน่า ทั้งที่จริงคนที่ดีใจจนเนื้อเต้น น่าจะเป็นตัวเธอเองมากกว่า
เดลยังไม่มีครอบครัว ฐานะของเดลค่อนข้างยากจน หาเช้ากินค่ำ ตอนที่คีธยังอยู่ เดลไปมาหาสู่ครอบครัวนี้ในฐานะเพื่อนสนิทของคีธ แม้เมื่อครู่…เขาอาจทำเกินหน้าที่เพื่อน ซึ่งทั้งเดลและโซเฟียต่างก็รู้สึกผิดอยู่ในใจด้วยกันทั้งคู่ รับรู้ได้จากทุกครั้งที่มองตากัน
“พรุ่งนี้ก็ต้องไปอีกแล้ว”
เดลรำพึงเบาๆ บ่นถึงงานใหม่ที่เพิ่งตกลงรับเอาไว้ สีหน้าละล้าละลังเหมือนอยากค้างคืนกับเธอ ทั้งที่เคยขอหลายครั้ง แต่โซเฟียก็ปฏิเสธทุกครั้ง
“ผมค้างคืนที่นี้ได้ไหม” เดลยังไม่ละความพยายาม ลองดูอีกครั้ง แววตาของเขาดูเว้าวอนจนเธอแทบใจอ่อน แต่สุดท้ายเธอก็ใจแข็งเหมือนทุกครั้ง
“อย่าเลยเดล...กลับไปเยี่ยมพ่อแม่คุณเถอะ นานๆจะได้เจอกัน” โซเฟียกล่าวด้วยความเข้าใจ ในความรู้สึกของคนรอ ทั้งที่ลึกๆในใจ เธออยากรั้งเขาเอาไว้ใจจะขาด เธอรู้ว่าพ่อแม่ของเดลอยู่ในวัยชรามาก อาศัยอยู่อีกเมือง ในฟาร์มเล็กๆแห่งหนึ่ง เลี้ยงชีพด้วยพืชผักที่พอจะหาได้จากฟาร์ม มีความจนเป็นมรดกตกทอดมาถึงเดลซึ่งเป็นลูกชายคนเดียว
ทว่าในความเป็นคนจนนั้น เดลก็ได้ศักดิ์ศรีความเป็นคนสู้ชีวิตมาจากพ่อ ไม่เคยสยบยอมให้กับความข้นแค้นของชีวิต กระเสือกกระสนทุกทาง กับอุปสรรคที่ชีวิตกำลังถูกทดสอบ
โซเฟียชอบในความมีน้ำอดน้ำทนของเดล เธอไม่เคยเห็นอุปนิสัยแบบนี้ในตัวของคีธผู้เป็นสามี เดลต่างจากคีธที่เขาไม่เคยเก็บเอาสายตาระทดท้อมาให้เธอเห็น เดลไม่เคยแสดงความอ่อนแอต่อหน้าเธอ ต่างจากคีธที่เคยคิดสั้นฆ่าตัวตายหลายๆครั้ง เมื่อตอนที่ฟาร์มแกะประสบปัญหาโรคระบาด ขาดทุนจนหมดเนื้อหมดตัว จากนั้นคีธก็หันไปประชดชีวิตด้วยเหล้า เข้าบ่อนจนกลายเป็นผีพนันไปในที่สุด
เดลขยับบุหรี่ที่คีบคาอยู่หว่างนิ้วขึ้นสูบ พ่นควันสีขาวจาง พวยพุ่งออกมาช้าๆ จากนั้นก็ควักเงินในกระเป๋าเสื้อ แบ่งออกมาให้โซเฟียส่วนหนึ่ง
“ค่าอะไรหรือเดล?” โซเฟียขมวดคิ้ว มองเงินจำนวนไม่มากที่เดลต้องแลกมาด้วยหยาดเหงื่อแรงงานมหาศาล
“รับไว้เถอะ...” เดลตอบเพียงสั้นๆ แค่นด้วยแววตาจริงใจ
โซเฟียส่ายหน้า จะรับได้อย่างไร…เงินนั่นล้วนแลกมาด้วยการเดินทางเสี่ยงภัยตลอดสามเดือนของเขา ที่ต้อนฝูงวัวข้ามหุบเขาเพื่อไปให้ถึงคิมเบอร์เลย์
“ไม่…เดล ฉันรับไม่ได้” เธอหาเหตุผลที่จะไม่รับความช่วยเหลือจากเขา
“รับเอาไว้เถอะ” เดลคะยั้นคะยออีกครั้ง น้ำเสียงบอกว่าเขาไม่ใช่คนอื่น
“ ไม่…เดล ถ้าฉันไม่รับเงินของคุณ...คุณอาจมองเห็นศักดิ์ศรีของฉันบ้าง แม้ทุกวันนี้ศักดิ์ศรีของฉันจะหลงเหลืออยู่น้อยเต็มที แต่ถ้าหากฉันรับเงิน ฉันจะแตกต่างอะไรกับโสเภณี?” เธอกล่าวถึงตัวเอง ซึ่งเดลไม่ชอบให้เธอคิดแบบนั้น
“ทุกครั้งที่หลับนอนกัน...ฉันไม่เคยรู้สึกว่าเธอเป็นที่ระบาย ไม่เคยรู้สึกว่าเธอเป็นโสเภณี ฉันไม่เคยคิดจะซื้อร่างกายของเธอด้วยเงิน…และเชื่อว่าเธอเองก็ไม่คิดจะขายร่างกายให้ฉัน” เดลบอกถึงความรู้สึกของเขาที่มีต่อเธอ
แม้มันจะไม่ถูกนัก ที่ลักลอบมีความสัมพันธ์กับภรรยายของเพื่อน ทว่าเดลก็ไม่เคยคิดจะหลอกลวงโซเฟีย และคีธก็หายไปนาน เดลเคยขอเธอแต่งงานมาแล้วหลายครั้ง แต่โซเฟียก็ปฏิเสธทุกครั้ง เธอให้เหตุผลเพียงสั้นๆว่าเธอควรรอให้คีธกลับมา…หรือไม่ก็ควรแน่ใจว่าเขาจะไม่กลับมา
“ขอนอนค้างที่นี่ได้ไหม” เดลพยายามอีกครั้ง กังวานเสียงทุ้มต่ำของเขาฟังดูอบอุ่น แต่ก็เจือความเศร้า
“ไม่ได้...” โซเฟียแทบกลั้นใจตอบ หยิบเงินที่เดลวางเอาไว้ให้ ยัดคืนใส่กระเป๋าเสื้อของเขา
เดลไม่รู้หรอกว่าการที่เธอปฏิเสธเขา มันทำให้เธอต้องปวดใจแค่ไหน
โซเฟียเคยแอบหลงรักรอยยิ้มของเดลตั้งแต่แรกเห็น แม้ตอนนั้นคีธเองก็ยังอยู่ ในวันที่เดลมานั่งดื่มเหล้ากับคีธ ในวันที่นายจ้างอนุญาตให้เบิกเงินค่าแรงล่วงหน้าออกมาบางส่วน เมื่อช่วงเทศกาลอีสเตอร์ซึ่งผ่านมานานหลายปี
คีธชอบดื่มเหล้า ในระยะหลังคีธเริ่มติดสุรารุนแรง โซเฟียอดคิดไม่ได้ว่าหากคีธเข้มแข็งให้ได้ครึ่งหนึ่งของเดล ทำตัวเป็นสำหลักที่ดีให้กับครอบครัว ไม่ข้องเกี่ยวกับการพนันเหมือนที่ผ่านมา อนาคตของเธอและลูกก็น่าจะดีกว่าที่เป็นอยู่ทุกวันนี้
ภายหลังจากที่ม้าพาร่างของเดลลับหายไปในความมืด
“เมื่อไรลุงเดลจะมาอีกคะแม่?” อยู่ๆซาบรีน่าก็ถามขึ้นมา ทั้งที่เดลเพิ่งจากไปได้ไม่นาน
“อีกสองเดือนจ้ะลูก” โซเฟียตอบ ตอบพลางยกมือเรียวขึ้นลูบศีรษะของลูกสาว ไล้ไปตามเรือนผมสีทองสลวย นึกตำหนิตัวเองในใจว่าเธอกับคีธมีปัญญาทำให้ลูกเกิดมาได้ แต่น่าอนาถใจที่ให้อนาคตที่ดีกับลูกไม่ได้
“หนูอยู่บ้านคนเดียวได้ไหม”
“แม่จะไปไหนคะ”
“แม่จะแบ่งขนมปังไปให้ป้านอร่าห์” โซเฟียบอกกับลูกสาว เมื่อเหลือบสายตาผ่านช่องหน้าต่างไปเห็นแสงไฟริบหรี่จากบ้านของนอร่าห์
โซเฟียเรียกนอร่าห์ว่าป้า เพราะติดมาจากลูกสาว ทั้งที่จริงนอร่าห์แก่กว่าเธอเพียงไม่กี่ปี
นอร่าห์เป็นหญิงหม้าย อาศัยอยู่ที่บ้านเก่าๆท้ายฟาร์ม ฐานะความเป็นอยู่ของนอร่าห์ย่ำแย่พอๆกับโซเฟีย ที่โซเฟียแบ่งขนมปังไปให้ ก็เพราะนอร่าห์เคยมีน้ำใจเอาไข่ไก่และมันฝรั่งมาให้เธอกับลูก นอร่าห์เป็นเพื่อนบ้านคนเดียวที่มีน้ำใจ จากจำนวนเพื่อนบ้านที่มีอยู่น้อยจนนับได้
ไม่มีใครรู้ความเป็นมาของนอร่าห์มากนัก รู้เพียงว่าหล่อนย้ายมาอยู่กับสามีที่เมืองนี้ได้ไม่นาน จากนั้นสามีก็เสียชีวิต ดีที่ยังมีฟาร์มเป็นมรดกตกทอด ทิ้งเอาไว้ให้นอร่าห์เพาะปลูกประทังชีวิต
ชีวิตในแต่ละวันของนอร่าห์ล้วนหมดไปกับงานฟาร์ม หล่อนมักจะเก็บตัวอยู่แต่ในบ้าน ไม่มีเพื่อนบ้าน จึงไม่ค่อยออกไปพบปะสังสรรค์กับใคร นอกจากฟาร์มของโซเฟีย นอร่าห์ก็แทบไม่ย่างกรายไปไกลจากฟาร์ม
โซเฟียเองก็เคยแอบสงสัย ที่นอร่าห์ไม่ค่อยสุงสิงกับใคร แต่ที่โซเฟียคบหา อาจเป็นเพราะเธอมองเห็นจิตใจใน