ด้านดีของนอร่าห์ เธอจึงไม่ได้ใส่ใจถึงเหตุผลที่นอร่าห์เก็บเนื้อเก็บตัว เหมือนคนที่พยายามปิดบังเบื้องหลังชีวิต มีความผิดติดตัว หรือหนีใครมา
“แม่รีบกลับมานะคะ” เด็กหญิงพยักใบหน้าน้อยๆ มองตามหลังแม่ที่คว้าเสื้อคลุมมาสวม แล้วก้าวออกจากห้องนอนไปช้าๆ
ที่ภายนอกบ้าน ในมือของโซเฟียถือขนมปังที่ห่อเอาไว้ในถุงกระดาษ ทอดสายตาไปตามถนนอันมืดมิดเบื้องหน้า มุ่งไปสู่บ้านของนอร่าห์ เธอสูดหายใจกับอากาศภายนอก กลิ่นฟางและหญ้าแห้งรวยรินอยู่ที่ปลายจมูก คุ้นชินราวกับว่ามันเป็นส่วนหนึ่งของลมหายใจเข้าออก
ลมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดมาจากมหาสมุทรอินเดีย หอบเอาความแห้งแล้งมาทับถมเอาไว้ในฤดูร้อนที่แสนทรมาน ซึ่งกระแสลมเดียวกันนี้เอง ก็ทำให้ฝนตกในฤดูหนาว ประกอบกับมีพื้นที่บางส่วนที่ปรากฏเป็นทะเลทราย กระจัดกระจายอยู่มากมาย บางครั้งก็ส่งอิทธิพลทำให้อากาศวิปริตผิดเพี้ยนจนเพาะปลูกพืชผลไม่ได้ แต่ทุกชีวิตก็พยายามปรับตัวกับความแปรปรวนของสภาพอากาศที่แห้งแล้งในตอนกลางวัน และหนาวจัดในตอนกลางคืน
โซเฟียเลาะเลียบไปตามเส้นทางดินเล็กๆ แลเห็นแสงไฟริบหรี่เล็ดลอดออกมาจากฝาบ้านซึ่งมีรูรั่วของนอร่าห์
เมื่อเข้าไปใกล้ กระทั่งถึงหน้าประตูบ้าน
ก๊อกๆๆ…..
เธอเคาะประตู พร้อมกับส่งเสียงเรียกเบาๆ เพื่อให้เจ้าของบ้านรับรู้ถึงการมาของเธอ
“นอร่าห์”
โซเฟียเรียก รอฟังเสียงตอบรับของนอร่าห์อยู่ชั่วอึดใจสั้นๆ จากนั้นเสียงคลายกลอนประตูก็ดังขึ้นเบาๆ พร้อมกับร่างของนอร่าห์ปรากฏขึ้นตรงหน้า
“โซเฟีย” นอร่าห์เรียกชื่อของเธอ แววตาดีใจ ทักทายกันด้วยการสวมกอดเบาๆ
หลังจากสามีของนอร่าห์จากไป นานมากแล้ว ที่หล่อนแทบไม่ได้เปิดประตูบ้านรับใคร
“ฉันเอาขนมปังมาให้” โซเฟียยื่นขนมปังที่ถืออยู่ในมือให้กับหล่อน
นอร่าห์เอื้อมรับด้วยแววตาที่แทนคำขอบคุณ
“ไม่น่าจะต้องลำบาก” น้ำเสียงนั้นดูเกรงใจอย่างเห็นได้ชัด
“ไม่เป็นไร…ฉันไม่เคยลืมที่เคยเอาไข่ไก่ไปให้ซาบรีน่า”
นอร่าห์แลเห็นประกายความสุขที่ยังฉาบฉายอยู่บนดวงหน้าของโซเฟีย บางส่วนของผิวเนื้อ ที่ซอกคอและพวงแก้มยังแดงซ่านเพราะสัมผัสที่เดลฝากเอาไว้
หล่อนยิ้มๆ ครั้นแล้วจึงกล่าวออกมาด้วยประโยคที่ทำให้โซเฟียถึงกับหน้าแดงซ่านขึ้นจากเดิม
“เดลกลับแล้วหรือ”
“ใช่…กลับแล้ว”
เมื่อตอนใกล้ค่ำ นอร่าห์พบเดลเข้าโดยบังเอิญ เดลขี่ม้าผ่านมาทางหลังฟาร์มของหล่อน
โซเฟียเคยเล่าเรื่องของเดลให้นอร่าห์ฟัง ตั้งแต่รู้จักกับนอร่าห์ใหม่ๆ ทำให้หล่อนรู้เรื่องของเดล และการหายตัวไปของคีธซึ่งเป็นสามีของเธอ และยังรู้ตื้นลึกหนาบางระหว่างโซเฟียกับเดลได้ด้วยสายตาที่อ่านจิตใจของผู้หญิงด้วยกันออก แม้โซเฟียจะไม่เคยเล่าในรายละเอียด
“เดลเป็นคนดี…” นอร่าห์เปรยขึ้นลอยๆ
โซเฟียพอเดาออกว่านอร่าห์กำลังจะกล่าวอะไร
“เมื่อไรเธอจะใจอ่อน” นอร่าห์ออกความเห็นในฐานะเพื่อน
“ใช่…เดลเป็นคนดี และเขาควรจะมีอนาคตที่ดี ควรได้เจอผู้หญิงดีๆ ไม่ใช่ผู้หญิงลูกติด แถมยังมีหนี้สินล้นพ้นตัวอย่างฉัน” โซเฟียประมาณค่าตัวเองด้วยน้ำเสียงที่ฟังดูราวกับว่าเธอต่ำต้อยด้อยค่าสำหรับผู้ชายทุกคนที่จะเข้ามาในชีวิต
“เธอไม่ได้ต่ำต้อยหรอกโซเฟีย…ถ้าอย่างเธอต่ำต้อย ฉันก็คงติดดิน” น้ำเสียงนั้นฟังดูเศร้า
“ทำไมพูดอย่างนั้นล่ะนอร่าห์” โซเฟียเอื้อมมือไปจับแขนหล่อน
“แม้จะเคยเจอเดลไม่กี่ครั้ง แต่ก็พอจะมองออกว่าเดลรักเธอจริง ฉันเชื่อว่าเดลไม่ใช่คนหัวโบราณที่จะถือสาเรื่องที่เธอมีลูกมีสามี” นอร่าห์กล่าวไปตามความรู้สึก เท่าที่ได้เคยสนทนา ก็พอจะคาดเดาได้ถึงนิสัยใจคอของเดล
“ใช่…เดลเคยขอแต่งงานมาหลายครั้งแล้ว” โซเฟียบอก
“เธอควรพิจารณาเขานะ” กล่าวพลางเดินนำไปที่เก้าอี้
หล่อนหยุดคิดชั่วอึดใจสั้นๆ จากนั้นจึงหันมากล่าวต่อ
“น่าจะดีกว่า ถ้าซาบรีน่ามีพ่อ อย่าลืมว่าลูกต้องการพ่อ และอย่าคิดนาน ผู้ชายดีๆอย่างเดล ในโลกนี้มีอยู่ไม่มาก”
นอร่าห์เชียร์เดลอย่างออกหน้าออกตา และมันทำให้โซเฟียอดถามตัวเองไม่ได้ว่าแท้ที่จริงแล้วเธอรออะไร ทั้งที่คีธก็ไม่ได้อยู่ในใจของเธออีกต่อไปแล้ว
ระหว่างสนทนา สายตาของโซเฟียเหลือบไปเห็นชุดสีเขียวแปลกตา มีเลื่อมลายลูกไม้ ระบาย โบว์ ประดับประดาเอาไว้สวยงาม แขวนเอาไว้หน้าตู้เสื้อผ้า ท้ายเตียงนอนเก่าๆของนอร่าห์ ลักษณะของชุดที่เห็นอยู่นั้น มองอีกทีก็คล้ายชุดนอนยาว เนื้อผ้าบางดูพลิ้วเบา สุดเซ็กซี่ แลเห็นสายคล้องไหล่เส้นบางๆ กับคอลึกแหลมลงไปถึงลิ้นปี่
นอร่าห์เหลือบมองโซเฟียที่กำลังจ้องมองชุดของหล่อนด้วยความสนใจ เข้าใจว่าโซเฟียคงแปลกใจ คงไม่คิดว่าหล่อนจะมีเสื้อผ้าที่เย้ายวนใจแบบนั้น
“ดูเหมือนว่าเธอจะสนใจชุดของฉัน” นอร่าห์เอ่ยขึ้นลอยๆอย่างรู้ทัน
อันที่จริงชุดนั้นถูกเก็บเอาไว้นานแล้ว หล่อนเพิ่งรื้อค้นมันออกมาจากหีบใส่ผ้า ก่อนหน้าที่เสียงเคาะประตูจะดังขึ้นเพียงชั่วครู่
“มันสวยดี…” โซเฟียชม ไม่กล้าถามถึงที่ไปที่มาของมัน ทั้งที่อยากรู้
นอร่าห์เหลือบมองยิ้มๆ ยิ่งโซเฟียไม่ถาม มันทำให้หล่อนยิ่งอยากเล่าถึงความเป็นมาของมัน
“ชุดของฉันเอง” หล่อนเฉลยให้โซเฟียหายข้องใจ
โซเฟียทำตาโตด้วยความประหลาดใจ มองดูนอร่าห์เดินไปหยิบขวดเหล้ารัมมาจากหลังครัว หล่อนรินมันลงแก้วสองใบ ยื่นให้โซเธอ และอีกใบสำหรับตัวเอง
“ดื่มเป็นเพื่อนกัน…เธอคงไม่รู้หรอกว่านานมากแล้ว ที่ฉันไม่ได้ดื่ม และนานแล้วที่ไม่มีคนดื่มเป็นเพื่อนฉัน”
“เอ่อ…ฉันดื่มไม่เป็น” โซเฟียปฏิเสธทั้งสายตาเกรงใจ ตั้งแต่ไหนแต่ไรมาแล้ว สุราไม่เคยทำให้เธอรู้สึกชอบในรสชาติอันขมปร่าของมันเลยสักครั้ง
“ฉันเองก็ไม่ชอบรสชาติของสุรานักหรอก แต่ที่ดื่ม ก็เพราะชอบบรรยากาศและมิตรภาพในวงสุรามากกว่า”
ทันทีที่นอร่าห์กล่าวจบ โซเฟียก็ยกแก้วเหล้าขึ้นกระดกดื่มทันที
เมื่อเหล้าเข้าปาก เธอหลับตาปี๋ ราวกับว่ารสของมันขมขื่นเสียเต็มประดา ขณะที่มันเคลื่อนผ่านลงลำคอ ความร้อนผ่าวที่เคลื่อนลงไปถึงท้อง ทำให้รู้เลยว่าตับ ไต ไส้ พุงนั้นอยู่ตรงไหน ทว่าในความขมขื่นนั้น กลับมีความอุ่นซ่านขึ้นมาได้อย่างแปลกประหลาด หลังจากเดินตากความหนาวมาจากบ้าน
นอร่าห์กระดกเหล้าตาม ง่ายดายราวกับดื่มน้ำ จากนั้นจึงเริ่มเล่าถึงเรื่องราวชีวิตของตัวเอง
“เมื่อก่อน…ตอนเป็นวัยรุ่น ฉันเคยเป็นนางระบำ”
หล่อนกล่าวด้วยแววตาที่เปี่ยมสุขและขมขื่นในเวลาเดียวกัน ในยามที่ต้องกลับมานึกถึงมันอีก กล่าวถึงช่วงชีวิตตอนวัยรุ่น ให้ฟังดูราวกับว่า ‘ชีวิตวัยรุ่น’ มันเป็นช่วงเวลาหนึ่งที่โหดร้าย เป็นหัวเลี้ยวหัวต่อ เป็นบททดสอบไปสู่ความเป็นผู้ใหญ่ ซึ่งมีความยาก กระทั่งหลายคนไม่อาจประคับประคองให้มันผ่านไปได้ด้วยดี
ตัวของนอร่าห์เองก็เช่นกัน หล่อนผ่านชีวิตวัยรุ่นมาด้วยหัวใจที่แตกกระเจิง แหลกเหลว เพราะหลงระเริงอยู่ใน