ตอนที่ 11 จับจิ้งโกร่งอย่างไรไม่ต้องขุดให้เหนื่อย

2136 Words
“นี่อาเมี่ยว วันก่อนลุงของพวกเจ้าพบกับท่านหมอฉิง เลยถามเรื่องดอกจี้ไฉ่นั่นว่าช่วยลดความดันเลือดได้จริงหรือ ท่านหมอฉิงบอกว่า เขาเองก็เคยอ่านเจอในตำราว่าลดได้ สวรรค์เมตตาแล้ว หมอฉิงบอกว่าให้นำดอกมาต้มกินได้เลย ข้าละขอบใจเจ้าจริงๆ” ป้าเจินจับมือของฝูเฟยเมี่ยวเขย่าเบาๆ อย่างดีใจ วันนี้สามีนางได้ปลามาหลายตัวจึงแบ่งมาให้บ้านของฝูเฟยเมี่ยวสามตัว “ท่านป้าเจิน ข้าเสียอีกที่ต้องขอบพระคุณท่าน ช่วยดูแลเด็กๆ ให้และมีน้ำใจช่วยเหลือมาตลอด ดูสิ นี่วันนี้ยังมีปลาตัวใหญ่มาให้อีกตั้งสามตัว ข้าเองไม่รู้จะขอบคุณอย่างไรแล้วเจ้าค่ะ” พอคล้อยหลังป้าเจิน ฝูเฟยเมี่ยวก็จัดการนำปลานั้นไปทำอาหาร วันนี้นางจะทำน้ำแกงปลาให้ฝูฟางหรงได้ซดร้อนๆ เด็กวัยกำลังโตร่างกายต้องการโปรตีนอย่างพอเพียง ตอนนี้จิ้งหรีดนางยังไม่โตคงต้องรอไปอีกประมาณหนึ่งเดือนจึงจะจับมาทำอาหารได้ ฝูเฟยเมี่ยวได้รองเอาไข่จิ้งหรีดได้เยอะพอสมควรจนสามารถเลี้ยงได้ถึง 5 ราง และ 5 โอ่ง “วันนี้แม่จะทำแกงปลาอร่อยๆ ให้เจ้าลองชิม รับรองจะติดใจ” หญิงสาวทำครัวไปพลางร้องเพลงไปอย่างอารมณ์ดี เมื่อวานนำเห็ดหลินจือแดงไปขายได้เงินมาไม่น้อย ตอนนี้นางเริ่มมองเห็นช่องทางทำเงินแล้ว “อาเมี่ยว อาเมี่ยว อยู่หรือไม่ อาจินให้เอาขิงมาให้” เสียงที่ร้องตะโกนอยู่หน้าบ้านทำให้ฝูเฟยเมี่ยวชะงักมือ นางรีบเดินออกมาดูก็พบว่าสามีของถังลี่จินนั้นถือตะกร้าใบใหญ่เดินตรงเข้ามา “อ้อ ขิงนั่นเอง ลี่จินให้เอามาให้หรือเจ้าคะ เยอะเชียว” ฝูเฟยเมี่ยวหน้าบาน คราวนี้น้ำนมของนางต้องมาเยอะขึ้นเป็นแน่ ขิงเยอะขนาดนี้ ตั้งหนึ่งตะกร้าใหญ่ๆ “ใช่แล้วล่ะ เช่นนั้นข้ากลับก่อนนะ จะไปขุดจิ้งโกร่งต่อ” “อ้อ เดี๋ยวเจ้าค่ะ เดี๋ยวก่อน พอดีว่าข้าเพิ่งจะทำแกงปลาเสร็จ จะฝากไปให้ชิมด้วย” พูดจบฝูเฟยเมี่ยวก็รีบกลับเข้าไปในครัว ตักแกงปลาใส่ในหม้อใบเล็กให้สามีของถังลี่จินนำกลับไปที่บ้าน สามีของถังลี่จินลอบกลืนน้ำลายดังเอื๊อก กลิ่นแกงปลาช่างหอมหวลชวนน้ำลายสอยิ่งนัก “ขอบใจเจ้ามาก อาเมี่ยว” “ข้าเองก็ต้องขอบคุณท่านและลี่จินมากเจ้าค่ะ” ปลายยามเฉิน (07.00-08.59น.) ตอนนี้เจ้าก้อนแป้งหลับสนิท สองแม่ลูกนั่งกินข้าวสวยกับแกงปลาอย่างเอร็ดอร่อย โดยเฉพาะฝูฟางหรงถึงกับขอข้าวเพิ่ม “ท่านแม่ วันนี้อาหารอร่อยจังเลยเจ้าค่ะ ข้าชอบๆ” “ชอบก็กินเยอะๆ เดี๋ยวตอนหัวค่ำเราต้องขอฝากอาหลงไว้กับป้าเจินอีก แม่จะพาเจ้าไปหาจิ้งโกร่ง” “หาจิ้งโกร่ง?” เด็กน้อยทำหน้าสงสัย “หาจิ้งโกร่งตอนกลางคืนนี่หรือเจ้าคะ ข้าเห็นแต่คนไปขุดหาตอนกลางวัน ท่านแม่จะพาข้าไปขุดจิ้งโกร่งตอนค่ำหรือเจ้าคะ” นางไม่วายรีบเอ่ยถามเพราะเท่าที่ฝูฟางหรงเคยเห็นมาคือชาวบ้านจะขุดหาจิ้งโกร่งกันตอนกลางวัน ฝูเฟยเมี่ยวยิ้มให้บุตรสาวอย่างนึกเอ็นดู “แม่มีวิธีของแม่ เราจะได้ไม่ต้องเหนื่อยมาก การขุดจิ้งโกร่งน่ะเหนื่อยมากเลยรู้หรือไม่ บางตัวอยู่ลึกมาก กว่าจะขุดได้ บางทีขุดเจอแล้วจับมันไม่ทัน มันกระโดดหนีไปอีก” เย็นวันนั้นฝูเฟยเมี่ยวและฝูฟางหรงก็ได้พาเจ้าก้อนแป้งไปฝากไว้กับป้าเจิน ฝูฟางหรงบอกป้าเจินและลุงเจินว่าจะมาหาจิ้งโกร่งตอนค่ำทำให้ทั้งลุงเจินและป้าเจินต่างพากันทำหน้างุนงง หลังจากพระอาทิตย์ตกดินก็เป็นเวลาที่จิ้งโกร่งเริ่มจะออกมาส่งเสียงร้องรำทำเพลงกันแล้ว ฝูเฟยเมี่ยวพาฝูฟางหรงเดินถือตะเกียงลัดเลาะไปตามคันนา “เจ้าถือถุงตาข่ายนี่เอาไว้ดีๆ แม่จะจับจิ้งโกร่งใส่ในถุง” “โห!ท่านแม่ นี่คือเสียงจิ้งโกร่งหรือเจ้าคะ เสียงมันเพราะเหมือนเสียงจิ้งหรีดเลยเจ้าค่ะ มันพากันร้องเพลงหรือเจ้าคะ” ฝูเฟยเมี่ยวหัวเราะเบาๆ ในลำคอ เมื่อตอนที่นางเป็นเด็ก เวลาที่ได้ยินเสียงจิ้งหรีดและจิ้งโกร่งร้อง นางก็นึกคิดไปเองว่าพวกมันร้องเพลงเช่นกัน “อันที่จริงพวกมันไม่ได้ร้องหรอก เสียงที่เราได้ยินนั้นไม่ใช่เสียงที่ออกจากปากมัน แต่คือเสียงที่พวกมันขยับปีกเรียกหากัน” เด็กน้อยยังคงทำหน้างุนงง แต่ก็ไม่ได้ถามอะไรต่อ ยังคงก้มหน้าก้มตาเดินตามหลังมารดาไปเรื่อยๆ เมื่อได้ยินเสียงจิ้งโกร่งร้อง ฝูเฟยเมี่ยวก็จะส่องไฟ เมื่อเห็นตัวมันก็จะรีบเอาเสียมสับดินดักทางไว้ไม่ให้มันเข้ารูได้ พอจิ้งโกร่งเข้ารูไม่ได้ ตัวมันก็จะติดอยู่ที่ปากทางเข้ารู มีส่วนขาและส่วนก้นโผล่ออกมา เพียงเท่านี้เราก็สามารถจับเอาตัวจิ้งโกร่งมาได้อย่างง่ายดาย โดยที่ไม่ต้องออกแรงขุดให้เหนื่อย “ท่านแม่ เจอจิ้งโกร่งอีกแล้ว” “นี่แน่” ฝูเฟยเมี่ยวออกเสียงขณะที่ก้มลงไปดึงขาจิ้งโกร่งออกมาจากรู “ท่านแม่ทำไมจิ้งโกร่งมันไม่ไปเที่ยวไกลๆ ทำไมมันถึงอยู่ที่ปากรูของมันเจ้าคะ?” “เป็นคำถามที่ดี เจ้าฉลาดมากที่รู้จักสังเกต ก็เพราะพวกมันไม่ต้องการทิ้งรูหรือว่าบ้านของพวกมันไปไกล พวกเราจึงจับมันได้ง่ายๆ อย่างไรล่ะ อ้อ ฟางหรง เจ้าถือถุงตาข่ายนั่นระวังด้วยนะ เพราะจิ้งโกร่งมันแรงเยอะกว่าจิ้งหรีด มันดีดทีเจ้าอาจทำถุงหลุดมือได้” “เจ้าค่ะท่านแม่” ฝูฟางหรงเองก็เพิ่งจะรู้สึกว่าแรงของพวกจิ้งโกร่งนั้นเยอะกว่าจิ้งหรีดจริงๆ นั่นแหละ ครึ่งชั่วยามผ่านไปสองแม่ลูกก็กลับมาพร้อมกับจิ้งโกร่งจำนวนมากจนป้าเจินและลุงเจินทำท่าทางตกอกตกใจ “นะ..นี่ เจ้าไปขุดยังไงได้มาตั้งเยอะแยะเช่นนี้ ไปยังไม่ถึงหนึ่งชั่วยามเลย” ลุงเจินอดถามไม่ได้จริงๆ “ใช่ๆ เจ้าทำอย่างไรนะอาเมี่ยว” ฝูเฟยเมี่ยวจึงได้เล่าวิธีจับจิ้งโกร่งแบบไม่ต้องออกแรงขุดของนางให้ป้าเจินกับลุงเจินฟังพร้อมกับแบ่งจิ้งโกร่งส่วนหนึ่งให้กับสองสามีภรรยา “โอ๊ะ!เจ้าแบ่งให้พวกเรามากเกินไปแล้ว” ป้าเจินทำท่าทางเกรงอกเกรงใจ “อย่าได้เกรงใจไปเลยเจ้าค่ะป้าเจิน ขอให้ข้าได้ตอบแทนพวกท่านเล็กๆ น้อยๆ บ้างจะเป็นไรไป” เพราะจิ้งโกร่งที่จับได้นั้นเป็นตัวผู้เสียส่วนใหญ่ ฝูเฟยเมี่ยวต้องการนำจิ้งโกร่งพวกนี้ไปเพาะพันธุ์ต่อจึงได้เลือกตัวเมียเก็บไว้และแบ่งเฉพาะตัวผู้ให้สองสามีภรรยา “แหม!เจ้านี่ฉลาดจริงๆ ข้าเกิดมาจนผมสองสีแล้วยังไม่เคยรู้ว่าเราจับจิ้งโกร่งด้วยวิธีนี้ได้ด้วย เออ…ว่าแต่ถ้าเจ้าต้องการไม้ไผ่อีกบอกข้าได้นะ พรุ่งนี้ข้าจะไปตัดต้นไผ่เอามาไว้ทำเล้าไก่พอดี” ลุงเจินนั้นรู้สึกดีใจยิ่งนักเมื่อนึกขึ้นได้ว่าพรุ่งนี้จะทำจิ้งโกร่งคั่วอร่อยๆ กิน นานแล้วที่เขานั้นไม่ได้กินจิ้งโกร่งเพราะมันอยู่ลึก ขุดยาก ฝูเฟยเมี่ยวรู้สึกยินดียิ่งนักที่ลุงเจินเอ่ยปากเสนอ นางกำลังคิดว่าจะทำรางเลี้ยงจิ้งโกร่งอยู่พอดี “เช่นนั้นดีเลยเจ้าค่ะ ข้ากำลังคิดว่าจะเลี้ยงจิ้งโกร่ง จึงอยากจะทำรางจากไม้ไผ่ให้พวกมันอยู่น่ะเจ้าค่ะ เช่นนั้น ข้ารบกวนท่านลุงเจินตัดไม้ไผ่มาเผื่อข้าด้วยนะเจ้าคะ” “ได้ๆ ได้สิ” ลุงเจินตอบรับไปอย่างงงงวย เขาลอบสบตากับป้าเจินผู้เป็นภรรยาหลายครั้ง นับตั้งแต่ฝูเฟยเมี่ยวเลิกรากับสามีนางก็เหมือนกับเป็นคนใหม่ เป็นคนใหม่ที่ไม่ใช่คนเดิม นางดูคล่องแคล่ว กระฉับกระเฉง มีหัวคิดทำอะไรแปลกใหม่ “ข้ากับลุงของพวกเจ้ากำลังรอดูอยู่ ว่าจิ้งหรีดกับจิ้งโกร่งของพวกเจ้าจะเป็นอย่างไร พูดก็พูดเถอะอาเมี่ยว ในหมู่บ้านของพวกเรายังไม่เคยมีผู้ใดเลี้ยงจิ้งหรีดกับจิ้งโกร่งกันมาก่อน มีแต่พากันไปขุดเอาจากรู ที่เคยเลี้ยงก็มีแต่เป็ดและไก่เท่านั้น” ป้าเจินพูดอย่างตื่นเต้น หากว่าสตรีตรงหน้าเลี้ยงจิ้งหรีดและจิ้งโกร่งได้จริงๆ นางก็ยินดีด้วย หญิงชราให้รู้สึกเวทนาในชะตากรรมของสามแม่ลูกยิ่งนัก ฝูเฟยเมี่ยวระบายยิ้มอ่อนๆ “รุ่นแรก ข้าจะนำมาให้ท่านป้าเจินกับท่านลุงเจินชิมก่อนคนอื่นเลยเจ้าค่ะ” เช้าวันถัดมา แสงอรุณรุ่งสีส้มแดงอาบไล้ขอบฟ้าทางด้านทิศตะวันออก เวลานี้ฝูเฟยเมี่ยวนั้นคั่วจิ้งโกร่งเสร็จแล้ว กลิ่นหอมๆ ของอาหารอันโอชะลอยไปเข้าจมูกเจ้าเด็กน้อยที่นอนอุตุอยู่ ฝูฟางหรงรีบเด้งตัวจากที่นอน เมื่อเห็นว่าน้องชายของนางยังนอนหลับปุ๋ยอยู่เลยเด็กน้อยจึงรีบวิ่งลงมาที่ครัว “ท่านแม่ ท่านตื่นแต่เช้าเลยนะเจ้าคะ หือ!หอมจังเลยเจ้าค่ะ ข้าหิวแล้ว” ฝูฟางหรงกอดขาผู้เป็นมารดาแน่น เด็กน้อยรู้สึกว่าระยะหลังๆ มานี้ที่บ้านของนางนั้นอาหารการกินอุดมสมบูรณ์กว่าเมื่อก่อนมาก เพราความที่บิดาไม่ได้อยู่กับนางตลอดเพราะตลอดเวลาที่ผ่านมาฉีห่าวซวนต้องห่างจากครอบครัวเข้าไปศึกษาเล่าเรียนในเมือง เพื่อหวังว่าจะสอบเข้ารับราชการเป็นขุนนาง ฝูฟางหรงที่ไม่ค่อยมีความผูกพันธ์กับผู้เป็นบิดามากนักจึงไม่เคยถามหาเขาเลย ซึ่งนั้นก็ทำให้ฝูเฟยเมี่ยวรู้สึกสบายใจ เพราะหากว่าลูกถาม นางก็ยังคิดหาคำตอบที่ดีที่สุดที่ไม่ทำให้เด็กน้อยสะเทือนใจไม่ได้ อย่างไรเสียสักวันลูกก็ต้องรู้ความจริง นางเองก็ไม่อยากโกหกลูก นางอยากให้ลูกทั้งสองของนางได้เห็นโลกและเข้าใจโลกในมุมมองที่มันเป็นจริง ในภายภาคหน้าพวกเขาจะได้เรียนรู้และปรับตัวได้เร็ว “วันนี้เราจะกินจิ้งโกร่งคั่วกับข้าวสวย กินเสร็จแม่จะพาไปจับจิ้งโกร่งอีก แม่เดินดูจนทั่วแล้วเห็นว่าในเขตบ้านและนาของเรามีรูจิ้งโกร่งอยู่ไม่น้อย” ฝูฟางหรงทำสีหน้างงงวย “เอ๋…ท่านแม่ แต่นี่ยังไม่ค่ำเลย แล้วจิ้งโกร่งจะออกมาร้องเพลงอีกหรือเจ้าคะ?” นางถามด้วยความสงสัย ก็เมื่อวานมารดาเพิ่งบอกไปว่าจิ้งโกร่งจะออกมาร้องเพลงตอนมืดๆ ฝูเฟยเมี่ยวยิ้มบางๆ พลางเอามือลูบหัวบุตรสาว “วันนี้เราจะไม่ทำเช่นเมื่อวาน เพราะเมื่อวานเราได้จิ้งโกร่งตัวเมียน้อย ได้ตัวผู้เป็นส่วนมาก วันนี้เลยจะจับพวกมันตอนกลางวันดู “ท่านแม่ ท่านแม่จะขุดจิ้งโกร่งหรือเจ้าคะ?” เด็กน้อยถามต่อ ผู้เป็นมารดาส่ายหน้าน้อยๆ “เราจะใช้น้ำหยอดรูของมันจ้ะ ไม่ต้องขุดให้เหนื่อยให้เสียแรง เพียงแค่เอาน้ำหยอดรูเดี๋ยวจิ้งโกร่งมันจะขึ้นมาให้เราจับเอง” วิธีจับจิ้งโกร่งอีกวิธีหนึ่งที่ไม่ต้องออกแรงขุดก็คือ การใช้น้ำหยอดลงไปในรู เมื่อจิ้งโกร่งที่อยู่ข้างในรูรับรู้ว่ามีน้ำไหลเข้ามามันจะตะเกียกตะกายออกมาเพื่อไม่ให้ตัวเองจมน้ำ ทันทีที่มันโผล่หัวออกมาจากรูเราก็รีบจับเสีย จิ้งโกร่งส่วนหนึ่งที่สำลักน้ำไปมากอาจจะตายภายในเวลาไม่นานต่อจากนั้น แต่บางตัวที่ยังไม่ทันสำลักน้ำก็จะยังแข็งแรงดี เราจึงต้องเลือกเอาตัวที่ใกล้จะตายไปทำอาหารก่อน ส่วนตัวที่แข็งแรงดีอาจจะเก็บไว้เพาะพันธุ์ต่อไปได้ ทั้งหมดนี้ต้องขอบคุณประสบการณ์ในวัยเด็กของฝูเฟยเมี่ยวที่ช่วยให้นางสามารถเอาตัวรอดได้อย่างไม่ต้องลำบากมากนักในยุคโบราณที่ไร้เทคโนโลยีและเครื่องทุ่นแรงเช่นนี้ คำสอนของมารดา : เมื่อต้องทำงานอะไรที่ต้องออกแรงเยอะหรือทำให้เราเหนื่อย เราต้องหาวิธีทุ่นแรง ไม่ต้องออกแรงมาก ทำน้อยแต่ได้มาก เช่น การจับจิ้งโกร่งนอกจากการขุดที่ต้องออกแรงมากแล้วยังมีวิธีทางเลือกอื่นๆ
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD