ตอนที่ 17 เห็ดหลินจือแดงราคาสูงลิ่ว

2102 Words
หลังออกจากโรงเตี๊ยมที่ 1 ฝูเฟยเมี่ยวก็พาบุตรสาวไปขายจิ้งหรีดให้กับโรงเตี๊ยมแห่งที่ 2 และร้านอาหารอีก 2 ร้านต่อ โดยแบ่งขายให้ที่ละ 5 จิน ทุกที่ล้วนพูดเป็นเสียงเดียวกันว่าคราวหน้าถ้ามีจิ้งหรีดอีกเมื่อไหร่ให้นำมาขายให้อีก พวกเขารับซื้อไม่อั้น หากได้จิ้งโกร่งด้วยจะยิ่งดีมาก วันนั้นฝูเฟยเมี่ยวรับทรัพย์ทั้งหมดถึง 6 ตำลึงด้วยกัน “ท่านแม่ เราได้เงินเยอะแยะเลยเจ้าค่ะ เรารวยแล้ว” เด็กน้อยเอ่ยอย่างดีใจด้วยเสียงที่ใสปานแก้ว ฝูเฟยเมี่ยวเอามือลูบศีรษะน้อยๆ นั้นเบาๆ “นี่แค่เริ่มต้น แต่เราจะรวยยิ่งกว่านี้อีก ไปเถอะ แม่จะพาเจ้าเดินดูของในตลาด มีอาหารและขนมอร่อยๆ เยอะแยะไป” นางพูดพลางจูงมือบุตรสาวเดินเที่ยวชมตลาดเมืองเซี่ย เห็นได้ชัดว่าฝูฟางหรงนั้นดูตื่นเต้นดีใจยิ่งนัก ร้านขายขนมนั้นอยู่ถัดจากร้านอาหารที่พวกนางเพิ่งเดินออกมาจากขายจิ้งหรีด เมื่อเด็กน้อยมองเห็นขนมที่วางเรียงรายอยู่หน้าร้านก็สะกิดมารดาเบาๆ “ท่านแม่ๆ ขนมเจ้าค่ะ” แววตาของเด็กน้อยเป็นประกายเมื่อมองเห็นขนมหวานหลากชนิด ฝูฟางหรงเผลอกลืนน้ำลายลงคอ ฝูเฟยเมี่ยวเห็นเช่นนั้นก็ทั้งนึกสงสารระคนเอ็นดู “วันนี้มีขนมอะไรมาขายบ้างจ๊ะ” หญิงสาวเอ่ยถามเจ้าของร้านพลางชำเลืองบุตรสาวตัวน้อยที่เขย่งเท้าขึ้นมามองขนมหลายชนิดที่วางอยู่บนถาด “มีเซาปิ่ง ถังหูลู่ เฉียวกั่ว ขนมหนวดมังกร และวันนี้ข้ายังทำขนมกุ้ยฮวาเป็นพิเศษอีกด้วย วันก่อนๆ นั้นไม่มี แต่วันนี้ข้าอยากลองฝีมือสักหน่อย” ฝูเฟยเมี่ยวยิ้มเมื่อแอบเห็นว่าฝูฟางหรงนั้นแอบกลืนน้ำลายเมื่อแม่ค้าร้านขนมหวานเอ่ยชื่อขนมหวานทั้งหมดที่นางมีขายในร้านในวันนี้ “เช่นนั้น ข้าเอาขนมทุกอย่าง อย่างละ 2 ห่อ อ้อ ยกเว้นถังหูลู่ เอาสามไม้ก็พอเจ้าค่ะ” ฝูเฟยเมี่ยวตั้งใจจะซื้อขนมหวานพวกนี้ไปฝากบ้านป้าเจินด้วย ยกเว้นถังหูลู่เพราะคงมีแต่เด็กๆ เท่านั้นที่ชอบกิน นางจึงซื้อให้เฉพาะฝูฟางหรงเท่านั้น “ได้เจ้าค่ะแม่นาง เอ่อ ข้าขอถามสักหน่อย ซื้อขนมไปเยอะแยะขนาดนี้ที่บ้านคงมีเด็กหลายคนใช่หรือไม่?” แม่ค้าร้านขายขนมเอ่ยถามพลางจัดขนมต่างๆ ใส่ห่อให้ “มิได้ ที่บ้านก็มีเพียงลูกสาวคนโตผู้นี้แหละที่ชอบกิน อีกส่วนหนึ่งข้าซื้อไปฝากญาติๆ น่ะเจ้าค่ะ” “เช่นนั้นหรือ ดีจริง คราวหน้าหากมาที่ตลาดอีก อย่าลืมแวะมาอุดหนุนกันอีกนะ เอาอย่างนี้เดี๋ยวข้าแถมถังหูลู่ให้เจ้าหนูนี่หนึ่งไม้ก็แล้วกัน ทั้งหมดก็ 50 อีแปะเจ้าค่ะ” ฝูเฟยเมี่ยวยื่นเงินให้แม่ค้าร้านขายขนมหวานพลางเอ่ยบอกบุตรสาวให้ขอบคุณแม่ค้าที่แถมขนมถังหูลู่ให้ “อย่าลืมขอบคุณท่านป้าเจ้าของร้านขนมหวานที่ท่านใจดี แถมถังหูลู่ให้เจ้าหนึ่งไม้” ฝูฟางหรงนั้นรู้ความยิ่งนัก เด็กน้อยรีบประสานมือคารวะพลางกล่าวขอบคุณ “ขอบคุณท่านป้ามากเจ้าค่ะ ขนมต้องอร่อยมากแน่ๆ เลย คราวหน้าหากท่านแม่เข้ามาที่ตลาดในเมืองอีก ข้าจะขอตามเข้ามาซื้อขนมหวานร้านท่านอีกนะเจ้าคะ” “ช่างเจรจาจริงๆ ดูท่าว่าคราวหน้าข้าต้องแถมขนมให้อีกเสียแล้ว” แม่ค้าขายขนมหวานเอ่ยอย่างอารมณ์ดี วันนี้เห็นจะมีสตรีนางนี้กระมังที่อุดหนุนขนมของนางมากที่สุด เห็นแต่งตัวมอซอ เสื้อผ้าเก่าๆ มีรอยปะชุนเช่นนี้ แต่กลับมีเงินจับจ่ายใช้สอย ‘ไม่แน่หรอก นางอาจจะประหยัดเงินไว้ซื้อของจำเป็นให้กับลูกของนางก็ได้ ดูเจ้าหนูคนนี้ก็สวมใส่เสื้อผ้าใหม่อยู่นี่นะ พวกนางไม่น่าจะยากจนหรอก เพราะแค่ขนมยังซื้อไปตั้งเยอะ’ แม่ค้าร้านขายขนมหวานมองประเมิน วันนี้ฝูฟางหรงสวมใส่ชุดใหม่สีชมพูที่มารดาเพิ่งตัดเย็บให้เสร็จ ส่วนตัวฝูเฟยเมี่ยวนั้นต้องยอมใส่เสื้อผ้าเก่าๆ ของเจ้าของร่างเดิมไปก่อน เพราะการตัดเย็บเสื้อผ้านั้นก็ใช้เวลาเอาการ อีกทั้งนางมีงานหลายอย่างให้ต้องดูแล ทั้งจิ้งหรีดเอย จิ้งโกร่งเอย เห็ดหลินจือแดงเอย และโครงการปลูกหม่อนเลี้ยงไหมที่กำลังจะดำเนินการ ตอนนี้นางจึงทำได้เพียงใช้เวลาว่างๆ ตัดเย็บเสื้อผ้าให้แก่ลูกทั้งสองก่อน ต่อจากนั้นจึงจะเป็นเสื้อผ้าของนางเอง ตามมาด้วยเสื้อผ้าของลุงเจินและป้าเจิน “ฟางหรง เดี๋ยวเราแวะร้านขายสมุนไพรกันก่อนนะ” “เจ้าค่ะ” เด็กน้อยพูดพลางเคี้ยวขนมหนวดมังกรไปพลางด้วยท่าทางเอร็ดอร่อย หากพูดกันตามตรงก็คือตั้งแต่เกิดมาฝูฟางหรงยังไม่เคยมีโอกาสได้ลิ้มชิมรสขนมหวานที่อร่อยเช่นนี้มาก่อน ขนมหนวดมังกรนี่นางยกให้ที่หนึ่งเลย ร้านขายสมุนไพรร้านนี้เป็นร้านเก่าแก่ดั้งเดิมของเมืองเซี่ย ทั้งรับซื้อและขายสมุนไพร เถ้าแก่เจ้าของร้านเข้ามาดูแลงานเอง ไม่ได้จ้างหลงจู๊ “เอ้อ แม่นาง ว่าอย่างไรล่ะ มาวันนี้มาซื้อหรือมาขายสมุนไพรกัน” บุรุษชรารูปร่างท้วมท่าทางใจดีเอ่ยทักเมื่อเห็นสตรีนางหนึ่งจูงมือเด็กเล็กๆ เดินเข้ามา “เถ้าแก่ ข้าจะมาถามว่าที่ร้านของท่านนั้นรับซื้อเห็ดหลินจือแดงหรือไม่เจ้าคะ” ชายชราชะงัก เห็ดหลินจือแดงเช่นนั้นหรือ ของเช่นนี้ไม่มีคนเอามาขายนานแล้ว เพราะจัดว่าเป็นของดี หายาก และราคาแพง ที่แน่ๆ คือในระยะ 3 ปีให้หลังมานี้ไม่เคยมีผู้ใดนำเห็ดหลินจือแดงมาขายให้ร้านเขาเลย แต่ได้ยินว่าร้านที่อยู่อีกฝั่งหนึ่งของตรอกนี้เพิ่งจะรับซื้อเห็ดหลินจือแดงไปเมื่อหลายวันก่อนถึง 17 ดอกเลยทีเดียว “อ้อ รับสิ วันนี้เจ้ามีมาขายหรือไม่?” ท่าทางของเถ้าแก่ร้านขายสมุนไพรนั้นดูมีความหวัง ฝูเฟยเมี่ยวหยิบเห็ดหลินจือตากแห้งดอกใหญ่ที่นางได้เก็บเอาไว้ออกมาให้เถ้าแก่ร้านขายยาดู ก่อนจะเอ่ยถาม “ไม่ทราบว่าที่ร้านของเถ้าแก่รับซื้ออย่างไรเจ้าคะ หากมีทั้งเห็ดหลินจือแดงแห้งและเห็ดหลินจือแดงสด” เถ้าแก่เจ้าของร้านขายยารีบหยิบเห็ดหลินจือแห้งดอกนั้นขึ้นมาพิจารณา เห็ดหลินจือแดงดอกนี้นับว่าใหญ่มากทีเดียว “ร้านเรารับซื้อเห็ดหลินจือแดงสดในราคาจินละ 50 ตำลึง ส่วนเห็ดหลินจือแดงแห้งเราให้ราคาจินละ 100 ตำลึง ส่วนเห็ดหลินจือแห้งดอกนี้หากเจ้าจะขาย…” เถ้าแก่เจ้าของร้านนำเห็ดหลินจือแห้งดอกนั้นไปชั่งบนตาชั่ง “ดอกนี้ดอกใหญ่ หนักเหมือนกันนะ หนักตั้งครึ่งจิน ข้าให้ 50 ตำลึง” ‘50 ตำลึง เห็ดหลินจือแดงดอกเดียวขายได้ตั้ง 50 ตำลึง’ ฝูเฟยเมี่ยวอยากกระกระโดดขึ้นไปในอากาศและร้องตะโกนออกมาเสียงดังๆ นางอยากให้เห็ดหลินจือในโรงเรือนนั้นเติบโตเร็วๆ ยิ่งนัก “ข้าขายเจ้าค่ะเถ้าแก่” น้ำเสียงของนางฟังดูตื่นเต้นระคนดีใจ เถ้าแก่ร้านขายยายิ้ม ก่อนจะยื่นเงิน 50 ตำลึงให้ พลางเอ่ยถาม “เอ้านี่เงิน 50 ตำลึง ว่าแต่เจ้าเถอะ ไปได้เห็ดหลินจือนี่มาได้อย่างไร คราวหน้าหากได้มาอีกให้รีบนำมาขายให้ร้านของข้านะ อย่าได้ไปขายให้ร้านอื่นล่ะ ร้านของข้ารับซื้อไม่อั้น” เขาไม่วายกำชับ เพราะเห็ดหลินจือ โดยเฉพาะเห็ดหลินจือแดงนั้นได้ชื่อว่าเป็นยาอายุวัฒนะจากสวรรค์ มีเท่าไหร่ก็ไม่พอขาย ราคาแพงเท่าไหร่ก็ขายจนหมดเกลี้ยง เพราะเหล่าหมอหลวงจากในวังนั้นต้องการเห็ดหลินจือเข้าวังเป็นจำนวนมาก ส่วนจวนขุนนางและคหบดีนั้นต่างก็ต้องการซื้อติดบ้านติดจวนของตนไว้ เรียกได้ว่าทุกครั้งที่เถ้าแก่ร้านขายยารับซื้อเห็ดหลินจือมา มันแทบจะไม่อยู่ติดร้านของเขาเกินสามวันสักครา หลังจากรับเงิน 50 ตำลึงแล้วฝูเฟยเมี่ยวก็พาฝูฟางหรงเดินหาซื้อของตามร้านต่างๆ วันนี้นางซื้อเนื้อหมู 4 จิน, ไก่ 2 ตัว, เป็ดย่าง 2 ตัว,แป้งสาลี, แป้งข้าวเจ้า, แป้งข้าวเหนียว, ถั่วเหลือง รวมทั้งเครื่องปรุงรสอาหารต่างๆ ด้วย ส่วนผักนั้นตอนนี้ก็พอหาเก็บได้จากชายป่า แต่ฝูเฟยเมี่ยวอยากมีผักหลากหลายชนิดกินเลยซื้อเมล็ดพันธุ์ผักไปปลูกด้วย ทั้งขึ้นฉ่าย ผักกาดขาว กะหล่ำปลี ผักกาด กวางตุ้ง หัวไชเท้าและแครอท ‘อืม แต่อีกนานกว่าผักพวกนี้จะโตพอกินได้ เช่นนั้นก็ซื้อผักติดไม้ติดมือไปด้วยดีกว่า เอาไปฝากบ้านป้าเจินด้วยท่าจะดี’ นางนึกในใจ เพราะของที่ซื้อนั้นมีมากมายหลายอย่าง ฝูเฟยเมี่ยวขอให้บุตรชายของจางลู่ชินมาช่วยยก พร้อมกับมอบขนมให้เขาเป็นการตอบแทน “ได้เวลากลับกันแล้ว นี่ข้านึกว่าเจ้าไปเหมามาทั้งตลาดนะนี่” ลุงจางเอ่ยยิ้มๆ เขาคาดหวังให้สตรีนางนี้เหมารถม้าของเขาเข้ามาในเมืองอีก เพราะแค่ครึ่งวันเท่านั้นเขาสามารถทำเงินได้ถึง 1 ตำลึง “นานทีได้เข้ามาในตลาดน่ะเจ้าค่ะท่านลุงจาง ข้าวของต่างๆ นั้นล้วนราคาถูกกว่าที่ร้านของเถ้าแก่เหวยซะอีก เข้ามาในเมืองทีต้องซื้อให้คุ้มเจ้าค่ะ” “เออ…ดีๆ ว่าแต่ ถ้าคราวหน้าเจ้าอยากเข้ามาที่ตลาดอีกก็อย่าลืมใช้บริการรถม้าหรือว่าเกวียนของข้าอีกล่ะ แต่ข้าว่ารถม้าดีกว่านะ มันเร็วกว่า หากสิ่งที่เจ้านำมาขายเป็นสิ่งมีชีวิตเหมือนจิ้งหรีดในวันนี้ ข้าว่าเหมารถม้าคุ้มกว่า อย่างไรวันนี้ก็ได้มาหลายตำลึงมิใช่รึ?” จางลู่ชินผู้นี้นั้นมีนิสัยออกจะอยากรู้อยากเห็นเรื่องของชาวบ้านอยู่บ้าง “ก็ ได้มาไม่กี่ตำลึงหรอกเจ้าค่ะ ข้าลองเอามาขายดู หากว่าขายดีจึงจะเลี้ยงเพิ่ม” “เออ…เจ้านี่ก็ฉลาดดีนะ ร้อยวันพันปีข้าไม่เห็นจะเคยได้ยินว่ามีผู้ใดเลี้ยงจิ้งหรีดได้เลย มีเจ้านี่แหละเป็นคนแรก แถมยังเลี้ยงขายได้ด้วย ข้านับถือ นับถือ” ชายชราพูดไปหัวเราะไปอย่างอารมณ์ดี อย่างไรเสียคราวหน้าฝูเฟยเมี่ยวย่อมต้องเหมารถม้าของเขามาอีกเป็นแน่ “ท่านลุงจางกล่าวเกินไปแล้ว ข้าเองก็เป็นเพียงแค่สตรีหม้ายสามีทิ้ง ต้องดิ้นรนหาหนทางเลี้ยงลูก ก็เท่านั้น” ฝูเฟยเมี่ยวเอ่ยพลางลูบศีรษะน้อยๆ ของเจ้าตัวเล็กที่กำลังหลับอยู่บนตักผู้เป็นมารดา เมื่อรถม้ามาจอดที่หน้าทางเข้าบ้าน ฝูเฟยเมี่ยวก็ต้องแปลกใจ นางไม่คาดคิดว่าจะมีคนมารอพบนาง ยิ่งเป็นคนผู้นี้ด้วยแล้ว “อาเมี่ยว เจ้ามาแล้ว นี่เจ้าไปไหนมา?” ภรรยาของเถ้าแก่เหวยเอ่ยถามอย่างร้อนรน ยิ่งเมื่อได้เห็นสองพ่อลูกช่วยกันขนข้าวขนของลงมาจากรถม้าเสียมากมาย ใบหน้าของภรรยาเถ้าแก่เหวยก็สลดลงไปกับตา ‘นี่มิใช่สตรีผู้นี้เข้าไปในตลาดเมืองเซี่ยมาหรอกหรือ อย่าบอกนะว่านางนั้นได้เข้าไปที่ร้านขายสมุนไพรมาแล้ว’ “เอ่อ ท่านคือ…ภรรยาของเถ้าแก่เหวยใช่หรือไม่เจ้าคะ หากข้าจำไม่ผิด?” ฝูเฟยเมี่ยวเอ่ยถาม “ใช่นะสิ ข้าเอง เจ้าจำไม่ได้หรืออย่างไร เจ้ายังเคยเอาเห็ดหลินจือไปขายให้ข้าที่ร้านอยู่เลย” “อ้อ” ฝูเฟยเมี่ยวพยักหน้าทำทีว่าจำได้ แต่อันที่จริงที่นางพยักหน้าเพราะเข้าใจถึงจุดประสงค์การมาของสตรีผู้นี้ต่างหาก “นี่…อาเมี่ยว หากเจ้าได้เห็ดหลินจือมาอีก ต้องเอามาขายให้ที่ร้านข้านะ ขายปุ๊บ ได้เงินปั๊บ สะดวกสบายดี ไม่ต้องเสียเงินเสียเวลานั่งรถม้า นั่งเกวียนเข้าไปที่ตลาดในเมือง เสียเวลาตั้งครึ่งค่อนวัน” นี่คือเหตุผลที่แท้จริงของการมาเยือนของสตรีนางนี้ มันก็น่าลงทุนมาด้วยตนเองอยู่หรอก ก็เห็ดหลินจือแดงที่ฝูเฟยเมี่ยวขายให้ร้านของนางไปคราก่อนนั้นคงทำกำไรให้ไม่น้อย
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD