นารถลักษณ์รู้ว่าดวงตาตนเองพร่ามัว เริ่มไม่ได้ยินสรรพเสียงใดๆ เธอกลัวจนทำอะไรไม่ถูก ไม่กล้าเงยหน้ามองทางข้างหน้า ทำได้เพียงหลับตาและกำมือทั้งสองแน่นจนเล็บยาวๆ ของเธอจิกเข้าไปที่มือตนเอง และเริ่มมีเลือดซึมออกมาอย่างไม่ได้ตั้งใจ
“คุณตรีคะลักษณ์ขอร้อง อย่าแกล้งลักษณ์แบบนี้เลย ลักษณ์... ลักษณ์กลัว”
ตรีศูลยิ้มอย่างสะใจ โดยลืมหันไปมองอีกคน
“พ่อขา ลักษณ์กลัว ช่วยลักษณ์ด้วย”
เขาได้ยินเสียงนารถลักษณ์สะอึกสะอื้นหนักขึ้น จึงหันไปมอง ภาพที่เขาได้เห็นไม่ได้ทำให้เขานึกสนุก หรือสะใจอย่างก่อนหน้านี้อีกแล้ว ตรีศูลเบรกรถและนำไปจอดเทียบไว้ข้างทางก่อนจะเข้าไปเขย่าคนที่เอาแต่งอตัวร้องไห้เหมือนเด็กตัวเล็กๆ
“ให้ตาย !! ทำไมถึงตัวเย็นอย่างนี้เล่า” เขาดึงสายคาดที่ตัวหญิงสาวออก ไม่ว่าเขาจะทำอะไร เธอก็ไม่ขัดขืนอีกเลย
“ฮือ คุณตรีช่วยด้วยๆ ช่วยลักษณ์ด้วย”
เธอร้องให้เขาช่วย จะด้วยความสงสารหรือกลัวว่ายายกาฝากจะช็อกไปซะก่อนก็ไม่รู้ แต่สิ่งที่เขาทำคือดึงตัวนารถลักษณ์เข้ามาในอ้อมอกตนเอง ลูบผมเธอเบาๆ ปลุกปลอบให้หญิงสาวเลิกเสียขวัญ
... เวลาผ่านไปสักพัก แต่นารถลักษณ์ก็ยังไม่หยุดสะอื้น เขาต้องคอยปลอบเธออยู่อย่างนั้นจนรู้สึกเหมือนเนื้อนิ่มๆ จะเริ่มอุ่นขึ้น และในที่สุดเจ้าหล่อนก็ผล็อยหลับอยู่ในอ้อมกอดของเขา ตรีศูลปัดผมที่ชื้นเหงื่อให้ และอดไม่ได้ที่จะประทับรอยจูบตรงกระหม่อมนั่นอย่างเผลอไผล
‘ทำไมตัวร้อนขนาดนี้’
ทั้งที่เมื่อไม่นานมานี้ยังเย็นเฉียบจนน่าตกใจ หรือว่านารถลักษณ์จะกลัวจนไข้ขึ้นไปแล้ว...
เธอคงหลับไปนานมาก เพราะความรู้สึกที่ศีรษะของตนเองมันหนักอึ้งไปหมด ตาก็ลืมไม่ขึ้นจนต้องใช้หลังมือขยี้เช็ดของเหลวที่ยังเปรอะเปื้อนอยู่แรงๆ ความทรงจำสุดท้ายก่อนที่ทุกอย่างจะดับวูบลง คือมีคนใจร้ายแกล้งเธอด้วยสิ่งที่เธอกลัวที่สุดในชีวิต
“เป็นไงบ้าง” มันเป็นคำแรกที่เขาเปล่งออกไปเมื่อรู้สึกว่าคนในอ้อมแขนขยับตัว
เธอรีบผลักเขาออกเหมือนต้องของร้อน เมื่อเห็นสภาพตัวเองเต็มตาว่าเกือบจะไปเกยอยู่ที่ตักคนที่คิดจะฆ่าเธอแล้ว
เพียะ !
เสียงฝ่ามือที่เธอฟาดลงไปบนหน้าขาวสะอาดนั้น มันทำให้หน้าเขาแดงปื้นไปด้วยรอยนิ้วเพียงไม่กี่วินาที
“สนุกมากมั้ย สนุกพอหรือยังที่เอาความกลัวของคนอื่นมาล้อเล่นแบบนี้น่ะ”
ตรีศูลรู้สึกหน้าชาและเจ็บไปทั้งแถบ แต่มันยังไม่เท่าความโกรธที่เกิดขึ้นตอนนี้ เขารึอุตส่าห์ถามไถ่เพราะกลัวเจ้าหล่อนจะหัวใจวายตายไปซะก่อน แต่สิ่งที่เธอตอบแทนเป็นสิ่งแรกพอฟื้นขึ้นมาคือการตบเขาจนหน้าหันเนี่ยนะ !
“ทำบ้าอะไรของเธอ !” เขาตวาดเสียงกร้าว
“ใช่ ลักษณ์มันบ้าไปแล้ว” เธอโกรธและเกลียดเขามากถึงมากที่สุดแล้ว สิ่งที่เขาได้รับยังไม่สาสมกับสิ่งที่เขาทำไว้กับเธอหรอก
เมื่อโทสะบังตาจนทำให้ลืมคิดไปว่า ไม่ว่าประตูไหนเธอก็เป็นรองคนใจร้ายไปเสียหมด
“นี่แน่ะๆ ไอ้คนนิสัยเสีย !” นารถลักษณ์ระดมใช้กำปั้นทั้งสองข้างเข้าทุบตีไปที่อกที่แสนจะแข็งเหมือนกำแพงของอีกคน
ตรีศูลจัดการรวบมือทั้งสองข้างที่ประทุษร้ายตนเองแล้วบีบมันจนแน่นเหมือนอยากให้แหลกละเอียดคามือ
“หยุดเดี๋ยวนี้เลยนะยายหมาบ้า” เขาตวาดอีกครั้ง แต่แทนที่เธอจะหยุดหรือก็เปล่า นารถลักษณ์กลับพยายามดึงมือออกจากการจับล็อก และยิ่งออกแรงใช้กำลังประทุษร้ายเขาหนักหน่วงยิ่งกว่าเดิม
“โอ๊ย ! เป็นหมาหรือไงห้ะ”
ตรีศูลร้องเสียงดังก่อนที่จะผลักตัวหญิงสาวแรงๆ เพราะนารถลักษณ์กัดเข้ามาเต็มๆ ที่คางของเขา อย่างที่เขาไม่คิดว่าเธอจะกล้าทำ และมันก็ทำให้ความอดทนขีดสุดท้ายของเขาขาดผึงลง
“วันนี้ลักษณ์ยอมเป็นหมา”
ให้มันรู้กันไปว่าเขาจะทำร้ายเธอได้ฝ่ายเดียว วันนี้เป็นไงเป็นกันตายเป็นตาย เธอยอมเขามามาก มากจนบางคนคงได้ใจ
และเพราะวิญญาณนักสู้เข้าสิง นารถลักษณ์จึงไม่รู้ตัวเลยว่า ตนเองกำลังเล่นอยู่กับไฟ และถึงแม้เธอจะคล่องแคล่วปราดเปรียวเพียงใด มันก็คงใช้ไม่ได้ผลกับผู้ชายร่างสูงใหญ่อย่างตรีศูล ยิ่งในพื้นที่จำกัดแบบนี้ด้วยยิ่งแล้วใหญ่
“ได้ ถ้าเธอต้องการแบบนี้” โดยไม่ได้คิดอะไร เพียงหวังเพื่อให้อีกคนเจ็บเหมือนกับที่ทำไว้กับเขา “ทำฉันเจ็บด้วยวิธีไหน ฉันจะเอาคืนเธอด้วยวิธีนั้น”
หลังจากที่เธอได้ยินเสียงอันดุดันของตรีศูลเพียงเสี้ยววินาที สิ่งที่เธอไม่คิดว่าเขาจะทำก็เกิดขึ้น เมื่อตรีศูลโน้มใบหน้าลงมาที่เธออย่างเร็วและแรง เขาออกแรงกัดริมฝีปากของเธอจนเจ็บและได้กลิ่นของคาวเลือดอวลขึ้นจมูก
อารามตกใจทำให้นารถลักษณ์ตัวแข็งทื่อทำอะไรไม่ถูก ทั้งกลัวทั้งเจ็บ เขากัดเธอยังพอเข้าใจได้ว่าเขาคิดจะเอาคืนอย่างที่ปากบอก
แต่ทำไม !
ตรีศูลตั้งใจจะกัดให้หญิงสาวได้รู้สำนึกซะบ้าง แต่เพราะกะระยะผิดไปนิดหน่อย จากที่จะเอาคืนในตำแหน่งเดียวกันคือคาง กลับกลายเป็นว่าปากเขาประกบอยู่กับปากนุ่มนิ่มของเธอ แต่ไม่รู้ทำไมทั้งที่มีเลือดออกมาแล้ว แทนที่เขาจะรีบถอนริมฝีปากปากออกมา กลับเป็นว่าเขาค่อยๆ ดูดกลืนเลือดของเธอเข้าปากตนเองอย่างห้ามใจและความหิวกระหายนั้นไม่อยู่
‘ทำไมยายบ้านี่ทั้งหวาน ทั้งนุ่มไปหมด’
รวมถึงกลิ่นหอมอบอวลที่ออกมาจากตัวนารถลักษณ์ ทำให้การตั้งใจกัดในทีแรก เปลี่ยนเป็นอย่างอื่นไปได้ หลายชั่วอึดใจทั้งที่ไม่อยากจะยอมรับ แต่เขาก็พอรู้ว่าตอนนี้
เขาจูบนารถลักษณ์อยู่...
สำนักงานใหญ่ ทีเค อินดัสทรี เวลา 09 : 00 นาฬิกา
“เช้านี้คุณตรีจะรับชาหรือกาแฟดีคะ”
“ขอกาแฟหวานๆ ให้ผมสักแก้วแล้วกัน”
ฉัตรวิลัยกระวีกระวาดรีบวางแฟ้มงานที่เจ้านายต้องเซ็นเช้านี้ ก่อนที่จะเข้าประชุมในอีกหนึ่งชั่วโมงข้างหน้า แล้วรีบพาตัวเองออกมาเพื่อชงกาแฟอย่างที่เจ้านายชอบ แต่พอเปิดประตูออกมากลับพบกับผู้หญิงคนหนึ่ง ที่มายืนเก้ๆ กังๆ อยู่หน้าห้องเจ้านาย
“มาหาใครยะ แล้วเธอเป็นใครมิทราบ” ทั้งบริษัทใครเป็นคนโปรดของเจ้านายที่สุดทุกคนต่างก็รู้ จึงไม่มีเหตุผลอะไรที่เธอจะต้องไว้หน้าใคร รวมถึงผู้หญิงหน้าตาดีๆ ที่แวะเวียนมาหาเจ้านายของเธออย่างผู้หญิงตรงหน้าด้วย
“สวัสดีค่ะ ดิฉันมาขอพบคุณตรีศูล”
“แหม มายืนหน้าห้องท่านรองประธานแบบนี้ไม่ต้องเดาฉันก็รู้ว่าเธอต้องการอะไร” ฉัตรวิลัยว่าเสียงเยาะ “กลับไปเถอะ ไม่รู้หรือไงว่าท่านรองของเราห้ามคนนอกที่ไม่ได้นัดไว้ก่อนเข้าพบ โดยเด็ดขาด”
เธอหมายรวมถึงสาวๆ ที่อยากจะรวยทางลัด หรือบรรดาคู่ขาของเจ้านาย ที่บางรายก็เผลอลืมกฎ...
“เอ่อ ดิฉันไม่ได้...”
ฉัตรวิลัยโบกไม้โบกมือเหมือนขอไปที
“ไปไป๊ อย่าต้องให้ฉันไล่ซ้ำไล่ซาก ฉันยุ่งมาก” ฉัตรวิลัยเน้นประโยคท้ายช้าๆ ชัดๆ เพื่อให้อีกคนรู้ว่าเธอยุ่งมากเพียงไร
นารถลักษณ์จำต้องหลีกทางให้หญิงสาวเดินออกไป อดที่จะคิดไม่ได้ว่ามีอะไรให้ต้องรีบร้อนนักหนา
“ขออนุญาตค่ะ” เมื่อไม่มีคนคอยรายงาน เธอคงต้องเข้าไปเอง
ตรีศูลเงยหน้ามองผู้มาใหม่ หลังจากที่เขาเอ่ยปากอนุญาตบอกให้เข้ามาได้
“เธอมาสายไปห้านาที”
“ลักษณ์ขอโทษค่ะ คือตอนเข้ามาถึงเจอคุณลุงที่หน้าลิฟต์ท่านเลยชวนลงไปหาอะไรดื่มที่ห้องอาหาร แล้วก็แนะนำเกี่ยวกับการทำงานคร่าวๆ น่ะค่ะ” เธอรีบบอกตรีศูลรัวเร็ว ไม่รู้ว่าทำไมตัวเองต้องประหม่าขนาดนี้ สงสัยท่าทางและอะไรหลายๆ อย่างในตัวตรีศูลดูแตกต่างไปจากที่เคยพบเจอในเวลาปกติ... นี่ละมั้งที่เขาเรียกว่ามาดผู้บริหาร