ช่วงสายของวันใหม่ เรือนร่างอรชรนอนพลิกตัวไปมาบนเตียงกว้าง อบเชยตื่นขึ้นมาเมื่อสิบนาทีก่อน เด็กสาวครุ่นคิดถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้นเมื่อคืนว่าเป็นอย่างไรกันแน่ เพราะรอยแผลที่ถูกขบกัดจนเลือดไหลนั้นหายไปหมดแล้ว แม้แต่รอยกลีบกุหลาบที่ใครบางคนฝากไว้บนกายเธอก็หายไปด้วย
“นี่เราฝันไปจริง ๆ สินะ” เสียงหวานพึมพำขณะมองเพดานสีดาว ดวงตาคู่สวยกะพริบปริบ ๆ เธอฝันว่าเจอเพื่อนลุงหมอกในร้านเหล้า แถมยังทำอะไรกันในห้องน้ำด้วยน่ะสิ
“พอเมาแล้วก็ฝันแปลก ๆ ต่อไปจะไม่ดื่มแล้ว” สาวน้อยบ่นให้ตัวเองก่อนจะลุกจากเตียงไปอาบน้ำแต่งตัว “ว่าแต่ถ้าเป็นแค่ความฝันแล้วใครมาส่งเราล่ะ ทั้งเปลี่ยนชุด ทั้งล้างหน้าให้ด้วย” สาวน้อยครุ่นคิด แต่ยิ่งคิดก็ยิ่งปวดหัว
วันนี้อบเชยมีเรียนช่วงบ่าย เป็นวิชาเลือกที่ไม่ได้เคร่งครัดนัก ขอแค่สอบผ่านก็ไม่มีปัญหาอะไร ในใจเด็กสาวนึกอยากโดดเรียนดูสักครั้งเพราะวันนี้รู้สึกไม่สบายตัวเท่าไหร่ แต่พอนึกถึงใบหน้าของคนที่ส่งเสียเธอเรียนก็ต้องสลัดความคิดนั้นทิ้งไป
ติ๊ง!
เสียงแอปพลิเคชันไลน์ดังขึ้น ทำให้คนที่กำลังม้วนผมอยู่รีบหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาดู
@ ไลน์กลุ่ม
แก้ว : เชย แกตื่นยัง
อบเชย : ตื่นแล้ว กำลังแต่งตัว
แก้ว : วันนี้พวกฉันไม่ไปเรียนนะ ไม่ไหวอะ
อบเชย : แล้วฉันล่ะ
แก้ว : โดดเหอะ วันนี้มีแค่วิชาเดียวเอง นี่ยังไม่มีใครตื่นเลย กองกันอยู่ห้องฉันเนี่ย
อบเชย : ฉันไปคนเดียวก็ได้
แก้ว : ตามใจจ้ะ แม่คนขยัน
แก้ว : ว่าแต่เมื่อคืนแกกลับยังไงอะ พวกฉันชวนกลับด้วยก็ไม่กลับ
อบเชย : พวกแกชวนฉันด้วยเหรอ
แก้ว : ก็ชวนสิยะ แต่แกบอกจะอยู่ต่อเพราะนัดกับใครไว้นี่แหละ
อบเชย : งั้นเหรอ ฉันจำไม่ได้เลย
แก้ว : งั้นแกไปเรียนเถอะ ฉันจะนอนต่อแล้ว
อบเชย : โอเค เจอกันวันหลังนะ
เด็กสาวเก็บโทรศัพท์มือถือไว้ตามเดิมก่อนจะม้วนผมต่อ ในใจนึกถึงเรื่องเมื่อคืนไปด้วย ภาพในหัวนั้นเลือนรางจนนึกอะไรไม่ออก ที่จำได้ดีก็คือเธอตบหน้าเพื่อนลุงหมอก แต่เธอบอกเพื่อนตอนไหนกันว่าจะอยู่ต่อ ไม่เห็นจำได้เลย
“เอ๋?” คิ้วเรียวขมวดเข้าหากันเมื่อเดินออกมาหน้าตึกแล้วพบว่ามีใครบางคนยืนอยู่ “ลุง…” เรียวปากน้อยพึมพำเมื่อสบตาเข้ากับร่างใหญ่ที่ยืนกอดอกอยู่ ด้านหลังของเขามีรถมอเตอร์ไซค์คันโตจอดอยู่ ใบหน้าของคนคนนี้เหมือนกับเพื่อนลุงหมอกที่เธอเจอในความฝันไม่มีผิดเพี้ยน
“หรือว่าจะไม่ได้ฝัน” ดวงตางามเบิกกว้างด้วยความตกใจเมื่อเหตุการณ์เมื่อคืนลอยเข้ามาในหัว “ถ้าไม่ได้ฝันแล้วรอยแผลพวกนั้นหายไปได้ยังไง” เสียงหวานพึมพำขณะยืนมองคนที่ยืนกอดอกพิงรถมอเตอร์ไซค์
ร่างกำยำเดินล้วงกระเป๋ามาหยุดอยู่ตรงหน้าเธอ มือข้างหนึ่งจับปลายผมเธอขึ้นมาช่อหนึ่ง “เมื่อคืนเธอบอกกับฉันว่ายังไง” เสียงทุ้มเอ่ย ดวงตาสีมืดมองเด็กสาวจนเจ้าตัวขนลุกซู่ “ไปแต่งตัวใหม่” คนตรงหน้าออกคำสั่ง
ร่างเล็กยืนเอ๋ออยู่ครู่หนึ่ง ไม่คิดไม่ฝันว่าจะได้เจอเพื่อนลุงหมอก แถมเรื่องราวที่เกิดขึ้นก็ทำให้เธอสับสน โดยเฉพาะตอนที่เธอจูบกับเพื่อนลุงหมอกในห้องน้ำ ภาพนั้นมันติดตาเธอ
“มะ ไม่ใช่ความฝันหรอกเหรอ” โพรงปากน้อยเหวอขึ้นหน่อย ๆ ขณะที่ดวงตากลมโต กะพริบปริบ ๆ ทำคนตัวใหญ่พ่นลมหายใจออกมาเมื่อเห็นท่าทางแปลก ๆ ของเธอ
“ปากเหม็น”
“...” สองมือเรียวรีบปิดปากตัวเองเมื่อโดนว่า ดวงตางามมองค้อนคนตรงหน้า เมื่อจู่ ๆ ก็ทักอะไรแบบนี้ คนสวยอย่างเธอก็หน้าเสียน่ะสิ “ไม่เหม็นสักหน่อย” เสียงอ่อยเถียงกลับ
“มองอะไร” คิ้วเข้มขมวดเข้าหากันเมื่อเด็กสาวเอาแต่มองหน้าเขา
“เชยคิดว่าเจอลุงในความฝันซะอีก”
“รอยนิ้วมือเธอยังทาบอยู่บนหน้าฉัน คงจะฝันอยู่หรอก” เสียงดุว่าให้
ดวงตางามหลุบลงมองพื้นเมื่อเหลือบไปเห็นมุมปากหนามีรอยช้ำหน่อย ๆ “ขอโทษค่ะ ตอนนั้นเมาเลยทำตัวไม่ดีใส่ลุง”
“ไปแต่งตัวใหม่ ฉันให้เวลาสิบนาที” คนอายุมากกว่าไม่ได้สนใจในสิ่งที่เธอพูดแต่ไล่เธอไปแต่งตัวใหม่
“แต่เชยแต่งแบบนี้มาแล้ว ไว้วันหลังได้ไหมคะ” ใบหน้าหวานเงยขึ้นไปสบตากับคนตรงหน้า เธอจำทุกอย่างที่เกิดขึ้นได้แล้ว ส่วนเรื่องในห้องน้ำนั่นเธอทึกทักไปเองว่ามันคือความฝัน เพราะถ้าเป็นความจริงรอยแผลตามร่างกายต้องมีให้เห็น
“เมื่อคืนฉันพูดชัดแล้วนะ” เสียงทุ้มเอ่ย “รีบไปแต่งตัวใหม่ อย่าให้ฉันต้องพูดซ้ำ”
“ก็ได้” เสียงอ่อยตอบรับก่อนจะรีบวิ่งกลับเข้าไปในหอพัก
สาวน้อยใช้เวลาไม่นานก็ล้างเครื่องสำอางออกจนหมด เธอแต่งหน้าใหม่แค่พองาม ลงรองพื้นกลบรอยคล้ำบาง ๆ กับตบแป้งเบา ๆ ทาลิปมันพอให้เรียวปากมีความชุ่มชื้นและเติมหางคิ้วหน่อย ๆ จากนั้นจึงเปลี่ยนชุดนักศึกษาจากชุดรัดรูปเป็นเสื้อขนาดพอดีตัวและกระโปรงที่มีความยาวและขนาดหลวมกว่าตัวเก่าเล็กน้อย ไม่สั้นมาก ไม่ยาวมาก ไม่รัดรูปจนเกินไป
“แบบนี้สบายตัวกว่าเยอะเลย” เสียงหวานพึมพำกับตัวเองขณะหมุนตัวไปมาหน้ากระจกบานใหญ่
“มาแล้วค่ะ” ร่างเล็กเอ่ยขึ้นเมื่อเดินมาหาคนที่กำลังก้ม ๆ เงย ๆ อยู่กับรถมอเตอร์ไซค์
ร่างใหญ่เงยหน้าขึ้นมาแต่ก็ต้องชะงักเมื่อนี่เป็นครั้งแรกที่ได้เห็นเด็กสาวในชุดนักศึกษาลุคใส ๆ แบบนี้
“ทำไมมองแบบนั้นล่ะคะ เชยไม่มั่นใจนะ” เสียงอ่อยเอ่ยขึ้น ใบหน้าหวานหงอลงเล็กน้อยเพราะไม่สบายใจกับการแต่งตัวแบบนี้ “เชยไปแต่งแบบเดิมนะ” เธอเอ่ยต่อ
หมับ!
“แบบนี้แหละดีแล้ว” เสียงทุ้มเอ่ยพร้อมคว้าข้อมือเธอไว้ไม่ให้เดินไป
“แน่ใจเหรอคะ ลุงมองแบบนั้นเชยไม่มั่นใจเลย” เด็กสาวถามกลับขณะมองข้อมือตัวเอง ครู่หนึ่งเธอรู้สึกว่ามันเย็นวาบจนขนลุกและรู้สึกเบาหวิวในวินาทีต่อมา
“ฉันชอบแบบนี้”
“...” ดวงตาหวานสบตากับคนตรงหน้าที่เพิ่งเอ่ยประโยคเมื่อครู่ออกมา ไม่เคยมีใครชอบเธอแบบนี้เลยโดยเฉพาะเพศตรงข้าม รอยยิ้มหวานปรากฏขึ้นเมื่อเก็บความดีใจเอาไว้ไม่อยู่ พร้อมกันนั้นดวงหน้าน้อยยังค่อย ๆ เห่อร้อนขึ้น
“ยิ้มอะไร”
“ก็เมื่อกี้ลุงบอกว่าชอบนี่คะ” เสียงหวานตอบเขา “งั้นก็แสดงว่าเชยแต่งแบบนี้น่ารักกว่าแบบนั้นใช่ไหม” เสียงเจื้อยแจ้วคุยจ้อไม่หยุด
“แบบนี้สบายตากว่าแบบนั้นต่างหากล่ะ น่ารงน่ารักอะไรกัน” คำพูดของคนอายุมากกว่าทำให้เด็กสาวมองค้อนเขา แต่เรียวปากน้อยก็ยิ้มไม่หุบสักที ลุงคนนี้ปากแข็งเหมือนลุงหมอกของเธอเลย