กอดไล่ฝันร้าย

1698 Words
@ ศาลปู่ทวด (ศาลเจ้าที่วสันต์) “ท่านปู่ครับ! ท่านปู่ครับ!” เสียงเอะอะของสองบริวารทำคนที่นั่งอ่านตำราอยู่ในห้องบำเพ็ญเพียรถอนหายใจออกมาพรืดใหญ่ ดวงตาสีมืดตวัดใส่สองบริวารที่วิ่งทะเล่อทะล่าเข้ามาอย่างไม่ชอบใจนัก “อายุเป็นร้อยปีแล้วยังจะมาวิ่งไล่กันเป็นเด็กอีก!” เสียงทรงอำนาจตวาดลั่นก่อนจะเขวี้ยงตำราปกแข็งเล่มหนาใส่สองบริวารด้วยความโมโห แต่ก็นะ…ร้อยปีของโลกวิญญาณนี่ก็อายุน้อยสุดเลยนี่นา เขาพลาดที่รับเด็กพวกนี้เข้ามาเป็นบริวารเพราะสงสาร แต่ตอนนี้ต้องมาสงสารตัวเองที่ปวดหัวกับพวกมันทุกวัน “ขอโทษครับท่านปู่ พวกเราแค่จะมาบอกว่าตอนนี้ดึกมากแล้วครับ” สองบริวารพูดขึ้นพร้อมกันหลังจากช่วยกันกระโดดรับตำราที่เกือบลอยมากระแทกหัวเอาไว้ในมือ “แล้วยังไง?” คิ้วเข้มเลิกขึ้น “ดึกแล้วก็ออกไปดูแลป่าช้า เปลี่ยนกันเฝ้าเปลี่ยนกันไปทำสมาธิสิวะ!” เจ้าที่แกร่งขึ้นเสียงใส่สองบริวารอีกรอบ ไม่เคยมีเลยที่จะได้คุยกันดี ๆ หรือเพราะบริวารของเขาอายุน้อยกว่าบริวารศาลอื่นทุกอย่างเลยมีแต่เรื่องปวดหัวแบบนี้ “แต่ท่านปู่ครับ ดึกแล้วอบเชยต้องฝันร้ายแน่ ๆ เลยครับ” ขุนศึกรีบพูด “ใช่ครับท่านปู่ น้องต้องแย่แน่ ๆ ถ้าท่านปู่ไม่ออกไปช่วยผมกลัวว่าน้องจะ…” ขุนพลเสริมอีก “เดี๋ยวเจ้าที่บ้านนั้นก็จัดการเองนั่นแหละ พวกมึงจะอะไรกันนักกันหนากับคนคนเดียว” เสียงทุ้มปนรำคาญเอ่ย ก่อนจะหลับตาลงทำท่าจะเข้าสมาธิ “บ้านน้องไม่มีเจ้าที่ครับท่านปู่” สองบริวารเอ่ยขึ้นพร้อมกัน ทำดวงตาสีมืดเบิกกว้างขึ้น เขาเพิ่งนึกขึ้นได้ว่าวันนี้ตอนไปยืนอยู่หน้าบ้านเด็กคนนั้น ไม่มีม่านอาคมคุ้มกันของเจ้าที่โอบล้อมเอาไว้ อีกทั้งตอนที่เขาเข้าไปในบ้าน ก็ไม่เห็นว่าจะมีเจ้าที่หรือผีบ้านผีเรือนที่ไหนออกมาทักท้วงอะไร “ใช่ครับท่านปู่ บ้านน้องไม่มีผีเจ้าที่ดูแล ไม่ใช่แค่เพิ่งไม่มีนะครับ แต่ไม่มีตั้งแต่น้องมันยังเด็ก ๆ อยู่โน่น” คำพูดของสองบริวารเริ่มทำให้ผู้อาวุโสคิดตาม ถ้าไม่มีเจ้าที่ดูแล แบบนี้ผีอื่นก็เข้าออกบ้านหลังนั้นได้สบาย แถมเวลาจะเกิดเหตุร้ายขึ้นกับคนในบ้าน ก็ไม่มีเจ้าที่คอยส่งสัญญาณเตือนน่ะสิ “ผมว่าน่าจะไม่มีมานานแล้วด้วยครับ” เป็นไปได้ยังไงที่มีบ้านคนเป็นตกหล่น โลกวิญญาณไม่ได้ส่งเจ้าที่มาปกป้องดูแลผู้อาศัย แถมยังผ่านการตรวจทุกปี ไม่มีผีเจ้าที่ถูกส่งตัวเข้ามา ผีเจ้าที่บ้านข้าง ๆ ก็ไม่พูดถึง แปลกจริง ๆ “เพราะบ้านหลังนั้นอยู่ในเขตกูหรอกนะ กูถึงจะออกไปดูให้” ร่างใหญ่หยัดกายขึ้นเต็มความสูง มองบริวารทั้งสองที่ดีอกดีใจกันยกใหญ่ “แต่แค่วันนี้วันเดียว พอเห็นกับตาว่าไม่มีเจ้าที่แล้วกูจะส่งเรื่องไปเบิกตัวเจ้าที่มาอยู่ประจำบ้านหลังนั้น” ว่าจบก็หายวับออกจากศาลตัวเองไป @ บ้านอบเชย วูบ~ เรือนร่างกำยำของเจ้าที่แกร่งปรากฏกายขึ้นบนบ้านหลังเดิม ร่างใหญ่เดินสำรวจตัวบ้านก็พบว่านอกจากสองลุงหลานแล้วก็ไม่มีหมาแมวหรือสัตว์เลี้ยงที่ไหนอาศัยอยู่ ที่สำคัญบ้านหลังนี้ไม่มีเจ้าที่หรือผีบ้านผีเรือนอย่างที่บริวารของเขาบอกไว้ “เป็นบ้านไม้ยกสูง ใต้ถุนโล่ง มีห้องน้ำข้างล่าง” เสียงทุ้มพึมพำขณะสำรวจบ้านอีกครั้งหลังจากที่แวะมาเมื่อตอนเย็นแล้ว “ข้างหน้าเป็นห้องโล่ง ๆ ไว้นั่งดูทีวี ข้าง ๆ เป็นห้องครัว บ้านนี้มีสองห้องนอน งั้นเวลาหลานฝันร้ายลุงมันก็น่าจะได้ยินนะ เดี๋ยวก็เข้าไปปลุกกันเองนั่นแหละ ไอ้พวกเวรนั่นมันจะห่วงอะไรนักหนา” เสียงทุ้มพึมพำพลางว่าให้สองบริวาร ก่อนจะเดินทะลุบานประตูที่ปิดอยู่เข้าไปตรวจตราด้านใน วูบ~ “ฉิบ…หาย…” แต่แล้วสองตาดำขลับก็ต้องเบิกกว้างด้วยความตกใจ ทันทีที่เข้ามาในห้องนอนก็พบว่าเรือนร่างอรชรยืนเปลือยอยู่ มือเรียวขยี้ผ้าเช็ดผมไปมาบนศีรษะทุย ทำเอาคนที่เพิ่งตั้งสติได้รีบหมุนตัวกลับเดินทะลุประตูออกไป ปัง! “เชี่ย!” หน้าผากหนาชนเข้ากับบานประตูไม้อย่างจังจนเกิดเสียงดังโครมคราม จู่ ๆ ก็จำคาถาหายตัวไม่ได้ซะงั้น ทั้งกายเนื้ออย่างคนเป็นก็เข้ามาแทนที่วิญญาณ เขาจำคาถาผิด! “อะไรน่ะ!” เสียงดังเมื่อครู่ทำคนที่ยืนก้มหัวเช็ดผมอยู่ถึงกับสะดุ้งด้วยความตกใจ ร่างเล็กรีบพันผ้าเช็ดตัวปิดบังกายเปลือยเอาไว้ก่อนจะกวาดตามองไปรอบห้อง ปัง ปัง ปัง! “อบเชย! เป็นอะไรหรือเปล่า” ผู้เป็นลุงวิ่งออกจากห้องตัวเองมาเคาะประตูห้องหลานสาวรัว ๆ เมื่อได้ยินเสียงดังโครมคราม ฝาบ้านเป็นไม้มันดีตรงที่ทำอะไรนิดหน่อยก็ได้ยินทั้งบ้านนี่แหละ “ไม่ค่ะ เชยไม่เป็นอะไร กรอบรูปที่เชยแขวนไว้ตรงประตูมันหล่นน่ะค่ะ” สาวน้อยตะโกนกลับเมื่อเหลือบไปเห็นกรอบรูปของตัวเองในวัยเด็ก ที่แขวนไว้ตรงบานประตูร่วงลงไปกองกับพื้น “เหรอ?” คนข้างนอกเอ่ย “งั้นก็รีบนอนซะนะ มันดึกแล้ว ทีหลังก็อาบน้ำให้มันเร็ว ๆ หน่อย มืดค่ำจะได้ไม่ต้องลงไปข้างล่าง” “ค่ะลุง” สาวน้อยใช้เวลาแต่งตัวอยู่ครู่หนึ่งก็รีบปิดไฟนอนอย่างที่ลุงบอก หากหมอกรู้ว่าเธออ่านหนังสือดึกดื่นเขามักจะดุหลานสาวเสมอ เขาอยากให้อบเชยนอนให้เพียงพอในเวลากลางคืน ส่วนกลางวันนั้นจะอ่านหนังสือนานแค่ไหนหรือจะทำอะไรสัปเหร่อหนุ่มก็ไม่ห้าม “พลาดได้ไงวะ” เสียงหนึ่งพึมพำขณะกายใหญ่ค่อย ๆ ปรากฏขึ้นใต้ถุนบ้าน มือหนาลูบหนาผากตัวเองปอย ๆ ตอนนี้คงมีรอยแดงเกิดขึ้น “เจ็บฉิบหาย” ร่างใหญ่บ่นอุบเมื่อนึกถึงเรื่องระทึกที่เกิดขึ้นเมื่อไม่กี่นาทีนี้ ผีเจ้าที่ระดับสูงไม่เคยอยู่ในสถานการณ์ใจหายใจคว่ำเหมือนเมื่อครู่นี้มาก่อน เจ้าที่แกร่งนอนเล่นอยู่ในเปลใต้ถุนบ้านเป็นเวลานานพลางครุ่นคิดเรื่องบ้านนี้ไม่มีเจ้าที่ไปด้วย เขาตั้งใจว่าหากรอจนเช้าแล้วไม่มีเจ้าที่ประจำบ้านปรากฏตัว จะทำเรื่องของเบิกตัวเจ้าที่คนใหม่ให้มาประจำบ้านหลังนี้ “อึก!” พลันนั้นเองที่เสียงหนึ่งแว่วมาตามลม คิ้วเข้มเลิกขึ้นก่อนจะเงี่ยหูฟังว่าเสียงนั้นดังมาจากไหน มันคล้ายกับเสียงของใครกระแอมไอหรือสะอึก ไม่สิ… สะอึกที่ไหนล่ะ! เด็กนั่นกำลังฝันร้าย! วูบ~ “อบเชย!” ด้วยอาคมแก่กล้าของเจ้าที่แกร่ง ทำให้เสียงและภาพที่เกิดขึ้นภายในห้องนี้ไม่เล็ดลอดออกไปถึงหูของคนข้างนอก ดวงตาสีมืดเบิกกว้างด้วยความตกใจ ใบหน้าเนียนของคนที่นอนอยู่บนฟูกเวลานี้แดงก่ำและเปียกชุ่มไปด้วยหยาดเหงื่อ ดวงตากลมโตคู่นั้นเหลือกถลนแทบกระดอนออกมานอกเบ้า สองมือเรียวบีบคอตัวเองแน่นราวกับจะฆ่าให้ตายอย่างที่บริวารบอกไว้ “อบเชย! ตั้งสติหน่อย อบเชย!” เจ้าที่แกร่งร้องเรียกชื่อคนไม่ได้สติ แม้สองตาจะเหลือกถลนแต่คนบนฟูกกลับไร้สติ พอ ๆ กับตัวเขาเองที่ตกอกตกใจจนสติไม่อยู่กับเนื้อกับตัว “อึก!” เมื่อเห็นท่าไม่ดี ปลุกด้วยวิธีปกติไม่ได้ ริมฝีปากหนาจึงบริกรรมคาถาบทหนึ่ง ก่อนจะเป่าลมใส่กระหม่อมบางเบา ๆ พลันนั้นเองคนบนฟูกก็แน่นิ่ง ดวงตาเหลือกถลนเมื่อครู่หลับลง สองมือเรียวแน่นิ่งวางลงข้างลำตัวราวกับคนนอนหลับ รอยแดงที่ลำคอระหงก็จางหายไปราวกับว่าไม่เคยมีอะไรเกิดขึ้น “อะไรวะ…” เจ้าที่แกร่งพึมพำ เขาไม่เคยเห็นอะไรแบบนี้มาก่อน “คำสาปแช่งห่าอะไรวะ ให้เด็กนี่ตายด้วยสองมือของตัวเองหรือไง” เสียงทุ้มปนหงุดหงิดสบถออกมา ฝ่ามือหนาลูบเหงื่อออกจากใบหน้าหวานช้า ๆ เขาค่อย ๆ เกลี่ยเส้นผมที่ปิดกรอบหน้าเนียนออก ครู่หนึ่งดวงตามืดมิดก็ชะงักเมื่อรู้ว่าตัวเองจ้องมองใบหน้านี้นานเกินไป มือใหญ่ดึงผ้าห่มผืนบางขึ้นมาปกปิดกายเล็กเอาไว้ ก่อนจะพ่นลมหายใจออกมาเมื่อทุกอย่างกลับมาเป็นปกติ “ถ้ากลับไปแล้วจะเป็นแบบเมื่อกี้อีกไหมวะ ลืมถามไอ้พวกนั้นด้วยสิว่าต้องเฝ้าจนเช้าไหม” เสียงทุ้มถามตัวเอง แต่พอจะลุกออกไป มือเรียวข้างหนึ่งของคนที่หลับอยู่ก็กุมมือเขาไว้แน่น “ลุงหมอก…” เสียงแผ่วงึมงำก่อนจะนอนตะแคงข้างหันมาทางร่างใหญ่ที่นั่งอยู่ข้าง ๆ “ลุงหมอกกอดหน่อย” “...หรือเวลาฝันร้ายแล้วชอบให้ลุงมานอนกอด จะได้ไม่ฝันอีก?” คิ้วเข้มเลิกขึ้นด้วยความสงสัย แม้จะไม่แน่ใจนักว่าใช่อย่างที่คิดหรือเปล่า แต่ก็เอนกายลงข้างเด็กสาว นอนตะแคงข้างหันหน้าเข้าหาคนที่นอนคุดคู้อยู่ ตวัดเอวบางมาสวมกอดเอาไว้พอหลวม “แบบนี้เหรอ” เสียงทุ้มพึมพำ “อืมม” คนที่หลับอยู่งึมงำก่อนจะซุกหน้าเข้าหาอกกว้าง วงแขนเรียวสวมกอดร่างใหญ่ไว้แน่น คนโดนกอดตอบชะงักไปครู่หนึ่ง แต่ก็นึกได้ว่าในเวลานี้เด็กสาวคงคิดว่าเขาคือลุงของเธอ
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD