อีกด้านของอบเชย

1377 Words
“ลุงหมอกขับรถกลับดี ๆ นะ เดี๋ยวเชยโทรหา รับสายด้วย” เสียงหวานของหลานสาวบอกผู้เป็นลุงหลังลงมาจากรถกระบะคันคุ้นตา “รีบขึ้นห้องได้แล้ว” คนที่ชะโงกหน้าออกมานอกหน้าต่างรถบอกหลานสาว ร่างเล็กฉีกยิ้มกว้างให้ผู้เป็นลุงก่อนจะโบกมือลาแล้ววิ่งเข้าไปในหอพัก หมอกมาส่งอบเชยที่หอทุกเย็นวันอาทิตย์ หลานสาวมักขอให้เขามารับกลับบ้านทุกเย็นวันศุกร์ เป็นแบบนี้มาตั้งแต่เธอเข้าเรียนปีหนึ่งแล้ว “สวัสดีครับท่านปู่” เสียงหนึ่งดังขึ้นเมื่อเจ้าที่แกร่งเดินสำรวจรอบหอพัก “อือ” คนถูกทักตอบกลับ “ออกจากป่าช้าทั้งทีปู่น่าจะแต่งตัวให้ดีกว่านี้นะ” เจ้าที่อายุน้อยมองปู่ตัวเอง เขาขมวดคิ้วให้กับกางเกงขาก๊วยและผ้าขาวม้าที่ปู่เอามาโพกหัวไว้ แม้จะเห็นจนชินตาเวลาที่เขาแวะไปหา แต่ก็นะ… “เสื้อก็ไม่ใส่ ผมรู้ว่าปู่หุ่นดีแต่ทีหลังใส่เสื้อก่อนออกจากศาลบ้างสิครับ ที่นี่ไม่ใช่ป่าช้าปู่นะ อายเจ้าที่สาว ๆ บ้างสิ” “คิดว่ากูหนีจากไอ้สองคนนั้นเพื่อมาฟังมึงบ่นหรือไง” คนอายุมากกว่าดุหลานชาย วศินเป็นหลายชายของวสันต์ เขาย้ายมาดูแลหอพักแห่งนี้เมื่อห้าปีก่อน จากที่เคยช่วยเจ้าที่ศาลอื่นทำงานตอนนี้เขามีศาลเป็นของตัวเองแล้ว “ว่าแต่ปู่มาที่นี่ทำไม ปกติไม่ออกมาข้างนอกนี่นา หรือเจ้าแห่งภพชาติเรียกประชุม” “กูมาทำธุระนิดหน่อย” “อ๋อ มาเฝ้าเมียสินะครับ ผมเห็นพวกพี่เขามาดูแลอยู่บ่อย ๆ ตอนปู่ทำสมาธิ แต่ผมไม่ได้ถามอะไร รอให้เข้ามาเป็นเจ้าสาวโลกวิญญาณก่อนค่อยไปทักทาย” ประโยคยาวยืดของหลานชายทำคนอายุมากกว่าตวัดสายตาใส่ โดยเฉพาะคำว่าเมียนั่น แค่ได้ยินก็ขนลุกแล้ว “เมียห่าอะไร ของแบบนั้นกูไม่ต้องมีหรอก” เสียงดุว่า “เจอมึงก็ดีแล้ว เด็กที่บริวารกูมาเฝ้าน่ะ ฝันร้ายบ่อย ๆ ตอนกลางคืน มึงอยู่ที่นี่ก็ไปปลุกซะบ้าง ต่อไปไอ้สองคนนั้นมันมาไม่ได้แล้ว” “โห่ ไม่เอาหรอกครับ ปู่ก็รู้ว่าผมไม่ชอบยุ่งกับคนเป็น เดี๋ยวพลาดปรากฏตัวให้เห็นก็เป็นเรื่องใหญ่พอดี ผมไม่ได้แข็งแกร่งเหมือนปู่นะ เกิดคนเป็นหัวใจวายตายเพราะเห็นผีจะทำยังไง” ผู้เป็นหลานว่าก่อนจะหายวับหนีปู่ไป คนถูกทิ้งได้แต่ถอนหายใจออกมาซ้ำ ๆ ด้วยความหงุดหงิด นี่เขาฝากฝังอะไรใครไม่ได้เลย… “เสร็จแล้ว ๆ เชยกำลังออกไป เจอกันที่ร้านเดิมใช่ปะ” เสียงหนึ่งดังขึ้นไม่ใกล้ไม่ไกล เจ้าที่แกร่งมองซ้ายทีขวาทีก็ไม่เจอเจ้าของเสียง พลันนั้นดวงตาสีมืดก็ชะงักเมื่อเรียวขาสวยบนรองเท้าส้นเข็มสูงปรี๊ดเดินลงมาจากชั้นบน “...” คิ้วเข้มขมวดเข้าหากันราวกับนึกอะไรอยู่ ผู้หญิงที่สวมชุดเดรสสีดำสนิทสั้นเหนือหน้าขา แต่งหน้าจัดจ้านคนนี้ใช่หลานสัปเหร่อหนุ่มนั่นแน่เหรอ? “โอเค งั้นเชยไปถึงแล้วจะโทรหาอีกทีนะ” ร่างเล็กพูดกับคนในสายก่อนจะกดวางแล้วเก็บโทรศัพท์มือถือเข้ากระเป๋าสะพายดังเดิม ชื่อที่เธอเอ่ยแทนตัวเอง ไหนจะไอควันสีดำมืดที่ลอยคลุ้งอยู่บนศีรษะเธอนั่น ทำให้เจ้าที่แกร่งมั่นใจทันทีว่าเด็กนี่คือหลานสาวสัปเหร่อไม่ผิดแน่ “เหอะ ยัยเด็กนี่ อยู่ต่อหน้าลุงกับลับหลังลุงนี่เป็นคนละคนเลยนะ” ร่างใหญ่แค่นหัวเราะออกมาขณะเดินตามแผ่นหลังบางออกไปยังนอกตึก โดยที่สาวน้อยไม่รู้ตัวเลยว่ามีคนที่ตัวเองมองไม่เห็นเดินตามอยู่ อบเชยเวลากลับบ้านไม่ได้แต่งหน้าจัดจ้านแบบนี้ เสื้อผ้าที่สวมใส่เวลากลับบ้านก็เป็นเพียงเสื้อยืดกางเกงขาสั้นธรรมดา บางครั้งก็สวมเสื้อคอกระเช้าตัวสวยกับผ้าถุงลายงาม ๆ ที่ซื้อตามตลาดนัด มีเพียงเวลาไปวัดที่บ้านเท่านั้นเธอจะสวมชุดกระโปรงสีขาวเรียบร้อยแบรนด์แพง ๆ อย่างที่คนในหมู่บ้านไม่มีกัน เพื่อนในมหาลัยไม่เคยเห็นเธอแต่งตัวแบบนั้น เพราะที่นี่อบเชยคือสาวเซ็กซี่รักสวยรักงามและมักแต่งตัวจัดจ้านอยู่เสมอ ไม่เคยมีใครได้เห็นหน้าสดของเธอ แม้แต่เวลานอนเธอยังต้องแต่งหน้า ต่างจากอยู่บ้านที่แทบไม่แตะเครื่องสำอางเลย จะมีก็เพียงข้าวของเครื่องใช้ราคาแพงที่ลุงซื้อให้เท่านั้น “นี่ก็มืดแล้วจะออกไปไหนอีก แต่งตัวก็พิลึก?” คนแก่ที่ไม่เข้าใจแฟชั่นสมัยใหม่เพราะไม่ค่อยได้ออกมาดูโลกภายนอกพึมพำ เขาเคยเห็นแต่ผีในป่าช้ากับผู้เฒ่าผู้แก่ที่วัดแถวบ้าน คนแต่งตัวสไตล์นี้ตามหมู่บ้านก็ไม่มีให้เห็น นอกจากเขาจะเข้าไปในเมืองแต่นั่นก็สิบปีครั้ง พอเห็นแบบนี้ก็ไม่ชินตา “ดีนะไม่แต่งแบบนี้ไปนั่งในป่าช้า ไม่งั้นล่ะยุงกัดขาลายตายห่า” เสียงทุ้มยังไม่เลิกบ่น แต่สายตาของเขาก็นะ…เอาแต่มองเรียวขาขาวเนียนนั้นอยู่ได้ ครั้นพอละสายตาไปมองส่วนอื่น ก็ต้องชะงักกับก้อนเนื้ออวบ ๆ สองก้อนที่ทะลักออกมานอกเกาะอกข้างบน เด็กสมัยนี้โตไวจริง ๆ เขาหลับไปแค่สิบห้าปี ตื่นมาอีกทีเด็กนี่นมใหญ่เท่าหัวคนแล้ว! @ ร้านเหล้าประจำจังหวัด “เฮ้ย ๆ เบาหน่อยโว้ย พรุ่งนี้มีเรียนนะ” เสียงหนึ่งดังขึ้นหลังจากชนแก้วเครื่องดื่มกันแล้วกระดกลงคอ “เรียนบ่ายโน่น ตอนเช้ามึงก็นอนไปสิ” เสียงอีกคนพูด “ถ้าไปไม่ไหวก็ไม่เห็นเป็นไรเลย ขอดูเลคเชอร์เชยก็ได้ เชยน่ะไปเรียนไม่เคยขาด กิจกรรมก็ทำตลอด” เพื่อนผู้หญิงที่นั่งด้วยกันในกลุ่มพูดขึ้น “ว่าแต่วันนี้แกจัดเต็มเกินไปป่าวเชย พวกฉันบอกให้แต่งมาเบา ๆ นะยะ จะมาล่าผู้ชายอีกหรือไง ออกข้างนอกทีไรหาเหยื่อตลอดเลยนะ” เพื่อนผู้หญิงในกลุ่มอีกคนพูดบ้าง คนถูกถามไหวไหล่เล็กน้อยไม่สะทกสะท้าน อบเชยแต่งแบบนี้เป็นปกติอยู่แล้ว “ก็นี่เบา ๆ ของฉันไง เบาของแต่ละคนไม่เหมือนกันนะ” เสียงหวานบอกเพื่อน ทำเอาเพื่อนซี้ทั้งสองต้องจิ๊ปากใส่ด้วยความหมั่นไส้ กลุ่มเพื่อนที่นัดมาดื่มกันวันนี้เป็นเพื่อนที่รู้จักกันตอนปีหนึ่ง เรียนเอกเดียวกันและสนิทกันมาตั้งแต่ตอนนั้น ที่สำคัญเพื่อนผู้หญิงและผู้ชายที่มาด้วยกันต่างก็เป็นแฟนกันหมดเลย อบเชยเป็นคนเดียวในกลุ่มที่ยังโสด จะบอกว่าเธอน่ะโสดมาตั้งแต่เกิดเลยล่ะ เพศเดียวกันหรือเพศตรงข้ามก็ไม่มีมามองหรือมาคุย ยังดีที่เพื่อน ๆ ถึงจะมีแฟนกันหมดแล้วแต่ก็ไม่เคยทิ้งเธอ “เราไปเต้นกันไหม ชั้นล่างเพลงสนุกอะ ฉันอยากเต้น” พายเพื่อนสาวในกลุ่มเอ่ยชวน “แกไปกับเชยเถอะ ฉันลุกไม่ไหวอะ” แก้วปฏิเสธ เธอดื่มเยอะกว่าใครแถมยังคออ่อนที่สุดเลยมักจะได้เป็นคนเฝ้าโต๊ะ “ใครจะไปไหนก็ไลน์ทิ้งไว้ในกลุ่มด้วยนะ เดี๋ยวพวกเราไปเข้าห้องน้ำกันก่อน จะแวะสูบบุหรี่ด้วยเดี๋ยวกลับมา” เพื่อนผู้ชายสองคนบอกสาว ๆ ก่อนจะลุกออกไปเมื่อทุกคนพยักหน้าให้ “เชย งั้นเราไปเต้นกัน ให้ยัยแก้วเฝ้าของ นางเมาแล้ว” พายพยักหน้าให้เพื่อนทั้งสองพร้อมโบกมือให้ทั้งคู่ไปได้
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD