ตอนที่ 7

908 Words
“คุณเป็นใคร แล้วมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง นี่มันค่ำมืดแล้วนะ ทำไมถึงยังไม่กลับบ้าน” กฤษณ์ถามรัวเร็วเพราะไม่ต้องการตอบคำถามของเธอ เธอสิที่ต้องตอบคำถามเขา ในเมื่อก็รู้กันอยู่ว่าช่วงนี้มีฆาตกรต่อเนื่องลอยนวลอยู่ ทำไมผู้หญิงคนนี้ถึงออกมาจากบ้านในยามวิกาล เธอไม่กลัวหรือยังไง “ฉันสิคะ ที่ต้องถามคุณตำรวจว่ามาทำอะไรที่วัด ดึกดื่นแล้วไม่กลับบ้านนอนหรือคะ” “คุณรู้ได้ยังไงว่าผมเป็นตำรวจ” กฤษณ์ถาม พลางดวงตาคมเข้มก็จ้องสำรวจใบหน้างดงามเขม็ง สายตาฉลาดรู้ฉลาดพูดของเธอทำให้เขาสับสนปนหวั่นไหว หรือเธอคนนี้จะเป็น ‘ฆาตกร’ ทว่าสายตาของเธอที่มองลงที่บั้นเอวของเขาก็คือคำตอบโดยที่เธอไม่ต้องพูดออกมา เพราะซองปืนที่เหน็บเอาไว้พร้อมตราสัญลักษณ์ของเจ้าหน้าที่มันฟ้องตัวตนของเขาอย่างชัดเจนอยู่แล้ว “คุณมาทำอะไรที่วัด นี่มันดึกมากแล้วนะ” กฤษณ์ถามอีกครั้งและครั้งนี้เขาต้องได้คำตอบเป็นคำพูดของเธอ ไม่ใช่สายตาที่มองตรงมาที่เขาอย่างขำขันอะไรบางอย่างอยู่ตลอดเวลานั้น “มาให้ข้าวหมาคะ” “มาให้ข้าวหมา” ถามอย่างไม่อยากเชื่อ เพราะตั้งแต่เดินมานี่เขาก็ยังไม่เห็นหมาสักตัว “ใช่ค่ะ หรือคุณตำรวจคิดว่าฉันเป็นผีคะ” “เอ่อ...” กฤษณ์พูดไม่ออก เพราะแรกที่ได้ยินเสียงเธอนั้นเขาคิดแบบนั้นจริงๆ แต่มาฉุกใจที่ว่า เสียงผีในละครทีวีที่ได้ยินนั้นมันน่าจะเยือกเย็นและยานคางประมาณ ‘พี่มากขา...’ ไม่น่าจะหวานและไพเราะอย่างที่ผ่านเข้ามาในสมองเขาเลยสักนิด และสีหน้าทะเล้นปนยิ้มของเธอที่ส่งมาก็ยิ่งทำให้เขาประหม่าที่จะพูดต่อมากขึ้น “ฉันมาให้ข้าวหมาจริงๆ ค่ะ นี่ไงคะ หลักฐาน” กฤษณ์มองหม้อมีฝาปิดที่อยู่ในตะกร้าสานที่เธอยื่นมาให้เขาดู ก่อนจะหันซ้ายขวามองหาหมาอย่างที่เธอบอก และเธอคงเดาความคิดของเขาได้ “หมามันอยู่ที่หลังวัดค่ะ หมาแม่ลูกอ่อนด้วย” “แล้วทำไมไม่เอามาให้ตอนกลางวัน” “ก็ไม่ว่างนี่คะ แล้วเอามาให้กลางคืนมันจะผิดอะไร พระท่านก็จำวัดหมดแล้ว ฉันไม่ได้เข้าไปที่กุฏิท่านสักหน่อย” “ผมก็ไม่ได้ว่าอะไร แต่คุณควรจะห่วงความปลอดภัยของตัวเองบ้าง คุณไม่ได้ข่าวฆาตกรรมบ้างหรือไง” กฤษณ์ถาม ขณะดวงตาจ้องสำรวจความสวยงามของใบหน้าหญิงสาวไม่วางตา เธอสวย และสวยมากจริงๆ สวยระดับที่ไปเป็นดาราได้ แต่ทำไมถึงมาใช้ชีวิตอยู่ในคุ้งน้ำแห่งนี้ แม้ว่าซอยแยกย่อยแห่งนี้จะไม่ไกลจากถนนใหญ่ย่านที่คนพลุกพล่านมากนัก แต่คนที่สวยงามระดับเธอคนนี้ ก็ไม่น่าจะมาอยู่ ณ สถานที่แห่งนี้ได้ เธอควรจะได้ดิบได้ดี มีคนมาสู่ขอไปเป็นภรรยา มากกว่าที่จะมาหิ้วตะกร้าให้อาหารสุนัขในยามค่ำคืนที่วัดแห่งนี้ และรอยยิ้มพร้อมดวงตาสวยหวานที่มองสบมาก็ทำให้กฤษณ์ต้องวูบวาบเพราะกระแสเลือดสูบฉีดไปที่ใบหน้าอีกครั้ง สายตาของเธอบ่งบอกว่า ‘รู้นะ’ ว่าเขากำลังชื่นชมความสวยของเธออยู่ “ได้ข่าวสิคะ ข่าวออกจะดังขนาดนั้น ถ้าฉันไม่รู้ก็คงจะอุดอู้อยู่แต่ในสวนแล้วล่ะค่ะ” “คุณทำสวน” “ใช่ค่ะ มีอะไรแปลกหรือคะ ในซอยนี้ก็ยังมีคนทำสวนอยู่หลายบ้าน วิถีชาวบ้านไม่ได้น่าอายนี่คะ เลี้ยงปากเลี้ยงท้องตัวเองได้พอแล้ว และฉันก็คุ้นเคยกับที่นี่ตั้งแต่เด็ก ไม่มีอะไรน่ากลัวมากกว่ามนุษย์อีกแล้วล่ะค่ะ” “ยังไง คุณก็ไม่ควรจะออกจากบ้านตอนกลางคืนอย่างนี้ ยิ่งทางเจ้าหน้าที่ยังจับตัวฆาตกรไม่ได้ คุณยิ่งต้องระวัง” “จะให้ระวังอะไรกันคะ คนตายก็มีแต่ผู้ชายทั้งนั้น ผู้หญิงคงไม่ต้องกลัวหรอกมั้ง” “ถึงยังไงคุณก็ต้องระวัง เพราะจะรู้ได้อย่างไรว่าคนร้ายมันจะไม่ทำร้ายผู้หญิง หากมันไม่มีเหยื่อ มันก็อาจจะเปลี่ยนใจก็ได้ มันอาจกำลังจ้องหาเหยื่ออยู่ แต่เพราะเจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจตราอยู่ตลอด มันเลยยังไม่มีจังหวะที่จะทำร้ายใครได้อีก ยังไงก็ขอให้คุณเชื่อผม อย่าออกมาจากบ้านในตอนกลางคืนอีกนะครับ หากจะมาให้อาหารสุนัขก็ขอให้มาในช่วงที่ยังมีแสงแดดอยู่ อย่าให้มันค่ำ ผม... ผมขอเตือนด้วยความหวังดี” กฤษณ์มองใบหน้าสวยหวานที่อมยิ้มน้อยๆ ราวกับหลุดเข้าไปในภวังค์ เพราะกิริยายิ้มๆ พร้อมคำพูดต่อปากต่อคำอย่างไม่เกรงกลัวอะไรของเธอ ทำให้เขาถึงกับเคลิ้ม เธอน่ารักและน่าค้นหามากๆ ไม่บ่อยนักที่เขาจะเกิดความรู้สึกนี้กับใคร และใจจริงนั้นประโยคสุดท้ายเขาอยากจะบอกกับเธอว่า ‘เขาเป็นห่วง’ แต่ในสถานะไหนกันเล่าสำหรับคนที่เพิ่งรู้จักกันครั้งแรก ไม่สิ... ยังไม่รู้จักกันเสียด้วยซ้ำไป    
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD