ตอนที่ 11

1044 Words
ดวงตาคมเข้มทอดมองใบหน้างดงามด้วยความอ่อนโยนและความคิดถึงอย่างมากมายที่สุด พลางคิดไปว่าแม้นร่างกายนี้จะเย็นเฉียบมากกว่าเดิม ทว่าดอกบัวดอกนี้กลับดูงดงามมากกว่าทุกค่ำคืนที่ได้พบซะอีก ดวงตากลมโตสุกสกาวราวกับดวงดาวบนฟากฟ้า รับกับแพขนตาที่หนางอนงาม จมูกที่โด่งเล็กน้อยรับกับริมฝีปากที่อวบอิ่มน่าสัมผัส โดยเฉพาะผิวกายที่แวววาวราวกับเรืองแสงได้ในยามค่ำคืนนี้ ยิ่งทำให้ ‘บัว’ งดงามจนเขาดูไม่ออกว่าเธอกำลังไม่สบายอยู่ “บัวเพลียๆ น่ะค่ะ เมื่อคืนไม่ค่อยได้นอนเท่าไร” “บัวทำอะไรอยู่เหรอ เอ่อ... พี่ขอโทษที่ละลาบละล้วงถาม” “ไม่เป็นไรค่ะ ไม่ใช่ความลับอะไร บัวแค่กังวลอะไรนิดหน่อย ก็เลยนอนไม่ค่อยหลับ” “อย่างนั้นให้พี่พายเรือไปส่งบัวที่บ้านนะ จะได้ช่วยดูไฟให้ด้วย” ใจจริงเขาอยากถามว่าเธอกังวลใจเรื่องอะไร แต่มันคงไม่ดีหรอกที่เขาจะถามออกไปแบบนั้น เพราะหากเธอวางใจอยากเล่า เธอก็คงจะพูดออกมาเอง “พี่กฤษณ์แน่ใจหรือคะ ว่าจะพายเรือไปส่งบัวได้ถึงบ้านน่ะ” กฤษณ์มองตามสายตาของเธอก็พบปัญหา ร้อยตำรวจเอกกฤษณ์ได้แต่ยิ้มรับอย่างอายๆ เพราะฝีมือพายเรือของเขาคงไม่สามารถอย่างที่เธอว่าไว้จริงๆ “พี่กฤษณ์เอาเรือไปเก็บก่อนนะคะ แล้วไปเรือบัว เดี๋ยวซ่อมไฟเสร็จแล้ว บัวจะพายมาส่งค่ะ” กฤษณ์ทำตามที่เธอบอกอย่างไม่รอช้า แม้ว่ามันออกจะเสียเชิงไปสักนิดที่เขาเป็นผู้ชายแต่กลับให้ผู้หญิงมาพายเรือรับส่ง ทั้งที่เธอก็ยังไม่ค่อยสบายอยู่ด้วย แต่หากไม่ทำอย่างนี้ เขาคงยังไม่มีโอกาสไปที่บ้านของเธอสักที และใครกันเล่าจะมาดูซ่อมไฟให้กับเธอล่ะ เขาจะไม่ยอมเสียโอกาสทองนี้ไปแน่   เรือพายลำใหญ่ของบัว มีผู้กองหนุ่มรูปหล่อนั่งอยู่ช่วงกลางลำเรือ โดยที่บัวนั้นพายอยู่ด้านหลัง สองฝั่งคลองที่เป็นป่าจากสลับกับต้นไม้ริมน้ำทำให้บรรยากาศยิ่งเย็นยะเยือก ไม่มีเรือลำใดสัญจรไปมา ไม่มีผู้คนออกมาเดินอยู่ริมคลอง มีเพียงเขากับเธอและเรือลำนี้เท่านั้นที่โลดแล่นไปด้านหน้าไม่หยุด “ตั้งแต่มีเรื่องนั้น ก็ไม่มีใครกล้าออกมาตอนกลางคืนเลยนะคะ” “ก็บัวไง” กฤษณ์พูดพลางขยับร่างหันหลังกลับมาเพื่อที่จะพูดกับเธอได้อย่างถนัด เขาอยากเห็นท่าทางของเธอในเวลาพายเรืออยู่ท่ามกลางแสงจันทร์วันเพ็ญ เธอจะงดงามและอ่อนหวานเสียจนทำให้เขาเก็บไปนอนฝันดีในค่ำคืนนี้หรือเปล่า ทว่าอะไรบางอย่างที่เห็นอยู่ไม่ไกลจากลำเรือกลับทำให้กฤษณ์ต้องขมวดคิ้ว พลางเพ่งสายตามอง “บัว! ขยับมาหาพี่!” ปืนที่บั้นเอวถูกกระชากออกมาโดยเร็วพลางเล็งตรงไปข้างหน้า เพราะที่ผิวน้ำนั้นเขามองเห็น ‘ดวงตา’ ของตัวอะไรสักอย่างจ้องมองมา ดวงตาแดงวาบที่มีมากมายหลากหลายดวงนั้นเขาไม่รู้ว่ามันคือสัตว์อะไรกันแน่ อาจเป็นจระข้ หรือสัตว์น้ำอะไรที่น่าจะทำอันตรายเขากับบัวได้อย่างแน่นอน “อะไรคะพี่กฤษณ์” “บัวขยับมาหาพี่ ตัวอะไรไม่รู้” กฤษณ์ร้องสั่งเมื่อบัวยังหันซ้ายหันขวามองหาไอ้ตัวตาแดง พลางยกไม้พายวาดไปที่พื้นน้ำ “ไหนคะ” “บัวอย่าโดนมัน!” กฤษณ์ร้องเสียงหลงเมื่อไม้พายที่มือของบัววาดไปที่ผิวน้ำบริเวณนั้น ทว่า... ‘ไม่มี’ ไอ้ตัวตาแดงเหล่านั้นหายไปไม่หลงเหลือ หันมองรอบๆ ลำเรือก็ไม่มีวี่แววของไอ้ตาแดงเหล่านั้น แม้แต่ด้านหลังของบัวที่เขาชะโงกตัวเข้าไปมองหาก็ไม่มี “ไม่เห็นมีอะไรเลยค่ะพี่กฤษณ์” “มีสิบัว ก็พี่เห็นจริงๆ ตัวอะไรไม่รู้ตาแดงวาบเลย มีตั้งหลายตัว มันอาจจะเป็นจระเข้ก็ได้” “ไม่มีหรอกค่ะ พี่กฤษณ์อาจจะพักผ่อนน้อยก็เลยตาฝาดก็ได้นะคะ บัวอยู่ที่นี่มาตั้งนานไม่เคยเห็นว่าจะมีจระเข้สักตัว และถ้ามีก็คงจะมีคนไปแจ้งตำรวจให้มาช่วยตรวจตราแล้วล่ะค่ะ” กฤษณ์คิดตามที่บัวบอก ไม่มีบันทึกว่ามีคนเคยเห็นจระเข้ในคลองนี้จริงตามที่บัวบอกนั่นแหละ แต่เขาก็ยังไม่วางใจ “พี่ไม่แน่ใจนะบัว แต่เรารีบไปกันเถอะ” บัวได้แต่ยิ้มไม่พูดอะไรต่อ แล้วรีบพายเรือตรงไปยังบ้านที่อยู่เลยคุ้งน้ำด้านหน้าไปในทันที ดวงตากลมโตสวยหวานทอดมองผู้กองหนุ่มที่มองซ้ายมองขวา มองหน้ามองหลัง เพื่อระแวดระวังภัยให้กับเธอ ทุกจังหวะที่ไม้พายกระทบพื้นน้ำไม่ต่างจากแรงขับไล่สิ่งที่อยู่ใต้น้ำที่พากันจมลงเพื่อไม่ให้มนุษย์บนเรือมองเห็น ทว่าเงาดำที่มีดวงตาแดงวาบเหล่านั้นก็ยังคงจับจ้องมองมนุษย์หนุ่มรูปหล่อที่นั่งอยู่ด้านหน้าเรือของบัวไปตลอดทาง   บ้านไม้ริมน้ำที่น่าจะมีอายุมากกว่า 100 ปีที่มองเห็นผ่านความสลัวของแสงจันทร์อยู่ด้านหน้า เมื่อบัวหักฝีพายนำพาเรือลำใหญ่ให้ตรงเข้าไปทำให้กฤษณ์ต้องมองอย่างแปลกใจปนชื่นชมกับความใส่ใจของเจ้าของบ้านที่ช่างอนุรักษ์ตัวบ้านที่มีอายุให้อยู่ร่วมสมัยมาได้จนถึงปัจจุบัน “บ้านของบัวค่ะ เก่ามากไปหน่อยนะคะ แต่รับรองว่าไม่ผุไม่พังแน่ค่ะ แค่ไฟเสียเท่านั้น” เจ้าของบ้านหันมาบอกกับแขกที่มาเยือน เพราะเห็นท่าทางชื่นชมของเขาฉายชัดออกมาจากแววตา  
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD