“ขอโทษค่ะ ขอสั่งเครื่องดื่มเพิ่มหน่อยได้ไหมคะ?”
“อะไรนะคะ?”
เธอที่พึ่งกลับมาโฟกัสกับงานได้เมื่อหนึ่งชั่วโมงก่อนนั้นเงยหน้าสบมองคนที่เอ่ยถามกันในทันใดด้วยความมึนงง
และก็เหมือนกับตอนนี้เธอได้เห็นรอบ ๆ ร้านแล้วว่ามันเปลี่ยนไปทั้ง ๆ ที่เวลามันพึ่งจะผ่านมาแค่ชั่วโมงเศษ ๆ เท่านั้น เพราะตอนนี้อยู่ดี ๆ คนก็เข้ามาจนเต็มร้านไปหมด และหญิงสาวที่รับหน้าที่ทำทุกอย่างของร้านนั้นก็กำลังเริ่มหัวหมุน ทั้งหันไปรับออเดอร์ ทั้งหันไปชงกาแฟมือเป็นระวิง
ในความมึนงงของเธอที่มีต่อคนที่มาเอ่ยถามกันนั้นพลันหายไปในทันใดเมื่อสายตาของเธอก้มลงต่ำแล้วก็ได้พบว่าเสื้อที่เธอสวมใส่อยู่ในตอนนี้นั้นเป็นเสื้อที่เหมือนกันกับนิวาริน ซึ่งถ้าหากลูกค้าจะเข้าใจผิดว่าเธอเป็นพนักงานก็ไม่น่าจะใช่เรื่องแปลกอะไร
“รับเครื่องดื่มอะไรเพิ่มดีคะ?”
“ดีจังที่สั่งกับคุณได้”
เจ้าหล่อนที่กำลังสบมองใบหน้าของเธอตาปริบ ๆ นั้นดวงตาเป็นประกายขึ้นมาในทันใดเมื่อพบแล้วว่าสามารถออเดอร์ผ่านเธอได้เลย
ซึ่งเจ้าหล่อนก็สั่งน้ำดื่มเพิ่มเติมอีกสองแก้วพร้อมทั้งบอกตำแหน่งโต๊ะที่ตัวเองนั้นนั่งอยู่ให้เธอได้ทราบ
ภคมนพยักหน้าตอบรับเมื่อรับรู้แล้วว่าจะต้องไปเสิร์ฟให้ที่โต๊ะไหน แต่ปัญหาของเธอตอนนี้กลับกลายเป็นเจ้าภักดีไปเสียได้ เพราะตั้งแต่ที่น้องขึ้นมานอนบนตักของเธอเมื่อชั่วโมงก่อน...น้องก็ไม่ยอมลงจากตักของเธออีกเลย ครั้นเธอจะลุกขึ้นไปเฉย ๆ ก็ดันรู้สึกเกรงใจเจ้าแมวน้อยไปเสียดื้อ ๆ
เริ่มเข้าสู่วงการทาสแมวแล้วหรือเปล่านะ...
“ภักดี...ภักดีคะ”
“เมี๊ยววววว!”
แมวเด็กขานรับพร้อมกับยกอุ้งเท้าทั้งสองข้างขึ้นมาปิดใบหน้าของตัวเองเอาไว้ราวกับไม่ต้องการจะรับรู้สิ่งใด
หลับสบายเลยล่ะสิท่า...บนตักของกันน่ะ
“ตื่นก่อนนะคะ เดี๋ยวภักต้องไปช่วยคุณวารินก่อนนะ”
“เมี๊ยวว”
อ่า...เรียกตัวเองด้วยชื่อเล่นครั้งสุดท้ายเมื่อไรกันเนี่ย!
เจ้าแมวน้อยสบมองเธอตาแป๋วแต่ยังไม่ยอมขยับลุกยืนไปไหนแต่อย่างใดให้เธอเผลอยกยิ้มออกมากับความน่ารักน่าชังของเจ้าแมวเด็กที่มีชื่อเหมือนกันกับเธอ
ก่อนในนาทีต่อมาน้องจะยอมเป็นฝ่ายที่ลงไปจากตักของเธอด้วยตัวของมันเอง แถมยังทำท่าบิดขี้เกียจและหันมาสบมองใบหน้าของเธอราวกับเป็นการบอกกันกราย ๆ ว่าไม่พอใจที่ถูกเธอปลุกขึ้นมากลางคันแบบนี้อีกด้วยต่างหาก
“น่ารักทั้งคนทั้งแมวเลยแก!”
เสียงซุบซิบใกล้ ๆ จำให้เธอละความสนใจออกจากนอกแมวและเงยหน้าไปสบมองที่ทางต้นเสียง
ซึ่งเธอก็ได้เห็นว่าเป็นผู้หญิงสองคนที่กำลังหันไปคุยกระซิบกระซาบกันทั้งยังยกกล้องขึ้นมาถ่ายที่เธอเองก็ไม่มั่นใจนักว่ายกขึ้นมาถ่ายเอาไว้ตั้งแต่ตอนไหน แต่เธอก็เลือกที่จะไม่สนใจเสียงของเจ้าหล่อนทั้งสอง และลุกขึ้นยืนมุ่งตรงไปหานิวารินที่ยังคงง่วนอยู่กับการทำหลาย ๆ หน้าที่ไปพร้อม ๆ กัน
“คาปูชิโน่เย็นกับชานม คาปูชิโน่เย็นกับชานม”
“ให้ฉันช่วยนะคะ”
“คาปูชิโน่เย็นกับให้ฉันช่วย...คุณภักดี!”
เจ้าหล่อนหันมาสบมองใบหน้าของเธอในทันใด
ซึ่งเจ้าหล่อนก็ยกมือขึ้นไปกุมขมับราวกับหลงลืมสิ่งที่ตนเองพึ่งจะท่องไปก่อนหน้านี้ ทั้งยังทำหน้าตาเคร่งเครียดพยายามคิดถึงเมนูที่ลูกค้าเอ่ยสั่ง และมันอดไม่ได้เลยที่เธอจะเผลอขบขันกับทีท่านั้นของเจ้าหล่อนที่แสดงออกมาให้ได้พบเห็น
“คาปูชิโน่เย็นกับชานมค่ะ”
“อ๋า...ใช่แล้ว!”
เจ้าหล่อนดีดนิ้วและกำลังจะเริ่มลงมือทำตามออเดอร์ที่ลูกค้านั้นได้เอ่ยสั่งเอาไว้ก่อนหน้า
กริ๊ง!
“ยินดีต้อนรับค่า! กรุณาล้างมือก่อนจับตัวน้องแมวด้วยนะคะ”
แต่ก็ยังไม่วายชะโงกหน้าไปเอ่ยต้อนรับลูกค้าใหม่ที่เดินเข้ามาภายในร้าน ก่อนจะกลับไปก้มหน้าก้มตาทำเครื่องดื่มให้กับลูกค้าต่อ
“ฉันจะเป็นคนจดออเดอร์แล้วก็เสิร์ฟให้ก็แล้วกันนะคะ คุณวารินจะได้ทำเครื่องดื่มได้อย่างเต็มที่”
“มันจะดีเหรอคะคุณภักดี ยังไงคุณเองก็เป็นลูกค้านะคะ”
เจ้าหล่อนแสดงสีหน้าแห่งความกังวลผสมกับความเกรงใจออกมาอย่างไม่มีปิดบัง
“ไม่เป็นไรหรอกค่ะ อยู่ ๆ คนก็เยอะขึ้นมาแบบนี้คุณคนเดียวคงจะเอาไม่อยู่ เอาเป็นว่าฉันขออาสาช่วยเองก็แล้วกันนะคะ”
เธอเอ่ยบอกอย่างไม่ได้คิดอะไรพร้อมกับยกยิ้มให้กับเจ้าหล่อนจาง ๆ เพื่อให้เจ้าหล่อนได้สบายใจ
“ถ้าอย่างนั้นฉันขอรบกวนด้วยนะคะ”
“ยินดีเลยค่ะ”
เธอตอบรับพร้อมกับเดินไปยืนอยู่ที่ตำแหน่งหน้าเคาน์เตอร์ ส่วนนิวารินนั้นอยู่ทางด้านหลังของเธอรับหน้าที่เป็นคนชงเครื่องดื่มแบบเต็มตัว
“ในตู้ด้านบนขวามือมีเอี๊ยมอยู่ด้วยนะคะ เผื่อคุณอยากจะใช้”
เธอหันไปสบมองยังตู้ตามที่เจ้าหล่อนนั้นได้เอ่ยบอก
ภคมนชั่งใจเล็กน้อยกับการที่เธอจะเดินไปหยิบเอี๊ยมมาสวมใส่เพราะแค่เพียงสีเสื้อก็ขัดกับบุคลิกของเธอมากแล้ว แต่เมื่อยามที่เธอหันไปสบมองใบหน้าของเจ้าหล่อนที่กำลังคาดหวังถึงสิ่งที่ได้เอ่ยบอกกัน เธอก็จำต้องเดินไปเปิดตู้เพื่อหยิบเอี๊ยมที่เจ้าหล่อนเอ่ยบอกมาสวมใส่โดยทันใด ซึ่งมันแลกมากับการที่เจ้าหล่อนนั้นค่อย ๆ ฉายยิ้มออกมาจนเต็มดวงให้เธอนั้นได้พบเห็น
“มีเมนูอะไรแนะนำบ้างไหมคะ?”
ลูกค้าที่เข้ามาใหม่นั้นเอ่ยถามขึ้นมาให้เธอได้แต่หน้าซีดเผือกเพราะเธอไม่ได้ศึกษามาก่อนเลยถึงเมนูของร้าน
มันเป็นเพราะว่าเธอชอบทานแต่อะไรซ้ำ ๆ เดิม ๆ จนติดเป็นนิสัย เวลาไปที่ร้านไหนเธอก็จะเอ่ยสั่งแต่เมนูเดิม ๆ ซึ่งมันก็เป็นกับร้านนี้ด้วยและแน่นอนว่าเธอไม่ได้เห็นหน้าตาใบเมนูของร้านเลยด้วยซ้ำไป ดังนั้นเธอก็ไม่อาจจะรู้ได้เลยด้วยซ้ำว่าที่ร้านนี้มีเมนูอะไรบ้าง แต่เธอจะต้องแก้ไขสถานการณ์เฉพาะหน้าเดี๋ยวนี้!
“เมี๊ยวววว!”
“เฉาก๊วย”
เธอเอ่ยเรียกน้องแมวตัวสีดำที่กระโดดขึ้นมาบนเคาน์เตอร์
ก่อนที่น้องแมวตัวสีดำลักษณะอ้วนตุ๊ต๊ะจะทิ้งตัวลงนอนทับใบเมนูที่วางอยู่ทางด้านหน้าของเธอจนมิดแผ่น นี่ถ้าหากเธอไม่เห็นว่ามีใบเมนูก่อนที่เฉาก๊วยจะมานอน เธอสาบานได้เลยว่าเธอเองก็ไม่รู้ว่ามีใบเมนูอยู่ที่ตรงนี้
แต่ที่แย่ไปกว่านั้นคือความหายนะเกิดขึ้นคูณสอง...เพราะตอนนี้เธอไม่เห็นใบเมนูที่จะช่วยชีวิตของเธออีกต่อไปแล้ว!
“เอ่อ...”
เธอสบมองใบหน้าของลูกค้าที่กำลังจ้องหน้าของเธออย่างมีความหวังสลับกับสบมองไปรอบ ๆ อย่างหาตัวช่วย
แต่ตอนนี้เธอเห็นแต่ไอเจ้าแมวอ้วนสีดำที่อยู่ตรงหน้าของเธอเท่านั้น!
แต่เดี๋ยวก่อนนะ...ทำไมไม่ใช้แมวให้เป็นประโยชน์ล่ะ?
“ทางร้านของเราตอนนี้มีกิจกรรมให้น้องแมวช่วยเลือกเครื่องดื่มด้วยนะคะคุณลูกค้า!”
“เอ๊ะ?”
เอาวะ! เป็นไงเป็นกันภคมน!
“โดยกติกาการเล่นก็ง่าย ๆ เลยนะคะ”
ลูกค้าสบมองใบหน้าของเธออย่างเริ่มสนใจขึ้นมาในทันใด
แน่นอนว่าลูกค้าที่มายังคาเฟ่แห่งนี้ร้อยทั้งร้อยต้องชื่นชอบน้องแมวอยู่แล้วเธอจึงยกข้อนี้ขึ้นมาเป็นข้อได้เปรียบ และการที่จะให้น้องแมวมาอยู่ในกิจกรรมต่าง ๆ กับผู้คนนั้นมันก็ยิ่งน่าสนใจมากไปกันใหญ่สำหรับทาสแมว
“พี่เฉาก๊วยครับ...ช่วยพี่คนสวยคนนี้เลือกเมนูหน่อยได้ไหมครับ?”
เธอสบมองใบหน้าของลูกค้าที่กำลังจ้องเธอตาใส
สลับกับสบมองพี่เฉาก๊วยที่ยังนั่งนิ่งไม่ขยับเขยื้อนแต่อย่างใด ทั้งยังทำความสะอาดตัวเองอย่างไม่คิดที่จะสนใจใยดีกับการขอความช่วยเหลือของเธอแต่อย่างใดเลย
ไม่เอาน่าเฉาก๊วย...ช่วยกันหน่อยเถอะนะ!
“คือว่า...คุณลูกค้าต้องพูดแบบนี้กับพี่เฉาก๊วยที่นั่งอยู่ตรงนี้น่ะค่ะ”
เธอผายมือไปทางพี่เฉาก๊วยที่ยังนั่งนิ่งไม่ไหวติง
“ลูบคางให้พี่เขาด้วยนิดหน่อย รับรองต้องเป็นเมนูที่ถูกใจคุณลูกค้าแน่นอนค่ะ”
เธอยกยิ้มออกมาจาง ๆ เพราะกำลังกลบอารมณ์ความหวังว่าเจ้าแมวจะให้ความช่วยเหลือแก่เธอเอาไว้ให้อยู่ในก้นบึ้งของหัวใจ
ลูกค้าที่มายืนอยู่ที่ตรงหน้าของเธอนั้นเริ่มทำตามที่เธอบอกด้วยแววตาที่เปี่ยมล้นไปด้วยความหวังว่าเจ้าแมวที่อยู่ตรงหน้านั้นจะยอมเล่นด้วย เจ้าหล่อนทั้งเอ่ยพูดกับแมวรวมไปถึงเกาคางจนเฉาก๊วยนั้นเชิดคอขึ้นด้วยความฟิน แต่น้องยังคงไม่ขยับเขยื้อนตัวไปไหนบ่งบอกได้ว่ากิจกรรมที่เธอได้คิดเอาไว้เมื่อก่อนหน้านี้นั้นพังลงไม่มีชิ้นดี
“สงสัยน้องจะไม่มีเมนูที่อยากแนะนำนะคะ”
ลูกค้าเริ่มตัดพ้อออกมาด้วยความผิดหวัง...ไม่ต่างกันกับเธอที่ก็ผิดหวังเหมือน ๆ กัน
“เมี๊ยวววว!”
“หืม?”
แต่อยู่ ๆ เรื่องที่ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้นต่อหน้าของพวกเรา
เฉาก๊วยแมวตัวสีดำสนิททั้งตัวที่ดูเหมือนจะไม่สนใจอะไรในตอนแรกนั้นเริ่มลุกขึ้นมานั่งและยืดตัวขึ้นเล็กน้อยเป็นท่าบิดขี้เกียจ เจ้าแมวตัวสีดำสนิทเอื้อมมือไปแตะตัวของลูกค้าเบา ๆ ให้ลูกค้านั้นแววตาเป็นประกายขึ้นมาในทันใดเมื่อน้องแมวยอมเล่นด้วยแล้ว ก่อนที่เฉาก๊วยนั้นจะทำมือเขี่ย ๆ ตรงใบเมนูให้เธอพยายามจดจ้องมองที่มือของน้องด้วยความหวังถึงเมนูที่เฉาก๊วยนั้นได้เลือกให้กับลูกค้าคนนี้
“เมี๊ยวววว!”
“นมคาราเมล...เฉาก๊วยเลือกเมนูนมคาราเมลให้กับคุณลูกค้าคนสวยท่านนี้ใช่ไหมครับ?”
“เมี๊ยวววววว!”
เจ้าแมวน้อยลากเสียงยาวเป็นการตอบรับ และทั้งเธอและลูกค้าก็ฉายยิ้มออกมาพร้อม ๆ กันเพราะหลงเสน่ห์ความน่ารักของน้องเข้าให้อย่างจัง
และลูกค้าคนนั้นก็เลือกเมนูนมคาราเมลตามที่เฉาก๊วยได้เลือกให้โดยทันใดไม่แม้แต่จะเอ่ยถามอะไรต่อ ทั้งยังสั่งเค้กไปทานคู่กันกับนมคาราเมลอีกด้วยต่างหาก ซึ่งเมื่อตอนที่เธอได้ทำการคิดเงินนั้น ลูกค้าก็ได้หย่อนเงินลงในกล่องทิปบอกซ์อีกจำนวนหนึ่ง ทั้งยังเอ่ยชมอีกด้วยต่างหากว่ากิจกรรมนี้ดีมาก ๆ และเจ้าหล่อนจะมาเล่นกิจกรรมนี้อีกอย่างแน่นอน
แววตาของหญิงสาวที่สบมองด้วยความกังวลทางด้านหลังเครื่องชงกาแฟนั้นก็พลันมลายหายไป...กลายเป็นรอยยิ้มที่ประดับขึ้นมาอยู่บนใบหน้าแทนอย่างไม่อาจจะต้านทานมันเอาไว้ได้
เวลาเริ่มล่วงเลยผ่านไปพร้อมกับลูกค้าที่เริ่มบางตาจนหมดลงในที่สุด ข้าวของในร้านก็พร่องลงไปมาก ไม่ว่าจะเป็นแก้วสำหรับใส่เครื่องดื่มหรือแม้กระทั่งเค้กที่อยู่ในตู้กระจก ซึ่งมันหมดลงไปทั้งหมดไม่เหลือแม้เพียงสักชิ้นเดียว
“อยู่ดี ๆ คนก็มาจากไหนเยอะแยะก็ไม่รู้นะคะ”
นิวารินเอ่ยออกมาเมื่อยามที่ตัวของเจ้าหล่อนนั้นเดินไปเปลี่ยนป้ายหน้าประตูร้านให้จากเปิดกลายเป็นปิด
“นั่นน่ะสิคะ”
เธอเห็นด้วยมาก ๆ เพราะตัวเองก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่ามันเกิดอะไรขึ้น
ก่อนหน้านี้ยังไม่มีวี่แววใด ๆ เลย แต่อยู่ ๆ คนก็มาจากไหนกันก็ไม่รู้ ซึ่งเธอมองว่ามันเป็นเรื่องที่ดีที่เจ้าหล่อนจะมีลูกค้าเยอะ ๆ แบบนี้ทุกวัน เพราะมันคงจะช่วยเรื่องค่าใช้จ่ายของนิวารินได้ไม่น้อย แต่ใจหนึ่งเธอก็นึกเป็นห่วงหากเธอไม่อยู่และเจ้าหล่อนจะต้องอยู่ร้านแต่เพียงลำพัง
“อาจจะเป็นเพราะคุณภักดีก็ได้นะคะ”
“เอ๊ะ?”
เจ้าหล่อนยกยิ้มพร้อมกับเดินอ้อมกลับเข้าไปด้านในเคาน์เตอร์อีกครั้งหนึ่ง
ตอนนี้เธอเดินออกมานอกเคาน์เตอร์และกลับมาอยู่ที่โต๊ะของตัวเองเพื่อเก็บของเตรียมพร้อมสำหรับการกลับบ้านแล้ว แต่มือของเธอก็ต้องหยุดชะงักลงเมื่อเจ้าหล่อนเอ่ยบอกให้เธอสงสัยถึงสาเหตุที่คนในร้านเริ่มมีมากขึ้นจากคำบอกกล่าวของนิวาริน
“ก่อนหน้านี้ฉันยังไม่เคยมีลูกค้าเยอะขนาดนี้เลยค่ะ แต่คุณพึ่งมาได้แค่ 2 วัน คนก็มีเพิ่มมากขึ้นจนฉันเอาไม่อยู่เลยล่ะค่ะ”
เจ้าหล่อนเอ่ยบอกยิ้ม ๆ พร้อมกับการทำอะไรสักอย่างที่ด้านหลังเครื่องชงกาแฟไปด้วยก็ไม่อาจจะรู้ได้
“ฉันว่าคงเพราะบังเอิญมากกว่าค่ะ”
เธอที่ไม่อยากจะคิดอะไรมากไปกว่านั้นกับคำพูดของเจ้าหล่อนก็พยายามที่จะบ่ายเบี่ยงและกลับไปเก็บของที่อยู่บนโต๊ะต่อ
อยู่ ๆ บทสนทนาของเราก็ขาดหายไปแต่เธอก็ไม่ได้คิดอะไรมากไปกว่าการที่อยากจะรีบออกไปจากที่แห่งนี้แล้ว มันไม่ใช่เพราะว่าเธอไม่อยากอยู่ต่อแต่อย่างใดทั้งนั้น เธอแค่เพียงอยากให้เจ้าหล่อนได้พักผ่อนหลังจากที่เหนื่อยมาทั้งวันแล้ว และเธอคิดว่าหากเธอยังมัวโอ้เอ้ไม่ยอมไปไหนสักที เจ้าหล่อนก็จะยังเก็บของไม่ได้และไม่ได้ปิดร้านเสียที
“เสื้อตัวนี้ไว้ฉันจะซักมา...”
“คุณเก็บมันไว้เป็นที่ละลึกเถอะนะคะ”
ภคมนก้าวถอยหลังหนึ่งก้าวอย่างตื่นตระหนกเพราะอยู่ ๆ เจ้าหล่อนก็มายืนอยู่ตรงหน้าของกันตอนไหนก็ไม่อาจจะทราบได้แน่ชัด
“ฉันรู้สึกเป็นเกียรติแล้วก็ดีใจมาก ๆ เลยค่ะที่วันนี้ได้คุณมาช่วยเอาไว้ ไม่อย่างนั้นฉันคงได้นั่งร้องไห้เพราะทำอะไรคนเดียวไม่ไหวแน่ ๆ”
เจ้าหล่อนยื่นแก้วน้ำที่มีโลโก้ของร้านเด่นหรามาที่ตรงหน้าของกัน พร้อมกับถุงกกระดาษใบหนึ่งที่เธอจำได้ว่าเจ้าหล่อนเอาไว้ใส่เค้กสำหรับลูกค้าที่สั่งกลับบ้าน
"ฉันขอบคุณคุณมาก ๆ นะคะที่วันนี้คุณอยู่ที่นี่ มันอาจจะไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรสำหรับคุณ แต่สำหรับฉันแล้ว...ฉันรู้สึกขอบคุณคุณมาก ๆ เลยค่ะ”
“…”
“รับไว้สิคะ”
“อ้อ...ขอบคุณค่ะ”
เธอเอ่ยขอบคุณเจ้าหล่อนพร้อมกับเอื้อมมือไปรับของทั้งสองสิ่งที่นิวารินส่งมอบมาให้แก่กัน
“ในแก้วนั้นไม่ใช่กาแฟนะคะ”
“เอ๊ะ?”
“เป็นนมคาราเมลที่พี่เฉาก๊วยเลือกให้ค่ะ”
เจ้าหล่อนฉายยิ้มออกมาจนเต็มใบ
“ไม่รู้ว่าคุณคิดอะไรแบบนั้นได้ยังไง...”
“...”
“แต่คุณภักดี...เท่มาก ๆ เลยนะคะ”
ตึกตัก ตึกตัก
ให้ตายเถอะ! เกิดมาทั้งชีวิตยังไม่เคยใจสั่นขนาดนี้มาก่อน!
ดวงตาของเธอเบิกโพล่งขึ้นในทันใดเมื่อได้ยินคำเอ่ยชมของเจ้าหล่อน ความเหนื่อยเมื่อยล้าทางด้านร่างกายหายไปเป็นปลิดทิ้งราวกับว่ามันไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนแต่อย่างใดเลย...แต่มันดันมาเหนื่อยล้าทางด้านหัวใจแทนเพราะเจ้าหล่อนกำลังจะทำให้เธอใจสั่นจนตาย กับอีแค่เพียงคำเอ่ยชมธรรมดา ๆ จากปากของเจ้าหล่อน
ไม่สิ...จากปากของคนที่ตัวเองชอบต่างหาก
“วันนี้ขอบคุณอีกครั้งนะคะ”
“อ่า มะ ไม่เป็นอะไรเลยค่ะ”
เจ้าหล่อนเดินมาส่งกันถึงที่รถ แถมยังยกยิ้มให้กันตลอดทั้งทางที่เดินออกมาส่งกันอีกด้วยต่างหาก
“ยังไงพรุ่งนี้เจอกันนะคะ”
“ค่ะ ไว้พบกันวันพรุ่งนี้ เดินทางปลอดภัยนะคะ”
เธอยกยิ้มให้กับเจ้าหล่อนจาง ๆ
ก่อนจะเดินไปขึ้นรถของตัวเองและขับออกมา เธอมองกระจกหลังและเห็นว่าเจ้าหล่อนยังคงยืนส่งเธออยู่ที่เดิม ไปจนกระทั่งเธอมองไม่เห็นเจ้าหล่อนจากในกระจกหลังอีกต่อไปแล้ว...
สิ่งที่บำบัดเธอในตอนนี้น่ะ อาจจะไม่ใช่แค่แมวอย่างเดียวแล้วสินะ...ภคมน