“อืม...อ่า”
เสียงแห่งความสุขสมของชายหญิงคู่หนึ่งทำให้ขาของเธอที่กำลังก้าวเดินอยู่นั้นสั่นไหว
ดวงตาของเธอคลอเคล้าไปด้วยหยดน้ำตาที่กำลังจะรินไหลลงมาเป็นสายเมื่อได้ยินน้ำเสียงที่คุ้นเคยของใครคนหนึ่งที่ได้ขึ้นชื่อว่าเป็นคนรักกัน
บานประตูไม้สีขาวตรงหน้าเป็นห้อง ๆ หนึ่งที่เสียงแห่งความสุขสมนั้นมันเล็ดลอดออกมา เธอเอื้อมมือไปที่บานประตูไม้นั้นด้วยมือที่สั่นไหว ก่อนสุดท้ายจะตัดสินใจเปิดมันให้อ้ากว้างเพื่อที่จะได้เห็นกับตาว่าคนที่อยู่ภายในห้องนั้น...คือคนที่ได้ขึ้นชื่อว่าเป็นคนรักของเธอหรือเปล่า
“เห้ย!”
“ว๊าย!”
เสียงตกใจของชายหญิงคู่นั้นดังกึกก้องขึ้นมาเมื่อได้พบเห็นใบหน้าของเธอที่อดรอนกลั้นน้ำตาเอาไว้ไม่ไหวอีกต่อไป
ดอกไม้ในช่อที่เธอตั้งใจกะมาเซอร์ไพรส์คนรักในวันครบรอบ 8 ปีนั้นล่วงหล่นลงพื้นแตกสลายไม่มีชิ้นดี...เหมือนกันกับหัวใจของเธอที่แตกสลายออกเป็นเสี่ยง ๆ
หลดน้ำตาค่อย ๆ รินไหลลงมาเป็นสายจนบดบังซึ่งการมองเห็น ภาพใบหน้าของคนรักที่คุ้นเคยเป็นอย่างดีกับใครอีกคนที่เธอไม่รู้จักนั้นปรากฏหราอยู่ที่ตรงหน้าของกัน พร้อมด้วยสภาพเปลือยเปล่าของพวกเขาทั้งสองที่ช่วยย้ำชัดแก่เธอได้เป็นอย่างดีแล้วว่าเธอกำลังโดนสวมเขา
จากความรักที่เธอเคยคิดว่ามันดีเสมอมาตลอด 8 ปีของเราสอง...
ดวงตาที่ปิดสนิทอยู่นั้นค่อย ๆ ปรือเปิดขึ้นมาจนเต็มดวงพาให้ภคมนนั้นตื่นขึ้นจากการหลับใหล เธอหันไปทางซ้ายเพื่อสบมองนาฬิกาบนหัวเตียงและก็ได้พบว่าวันนี้เธอตื่นนอนเร็วกว่าปกติ ครั้นเมื่อยามจะพยายามหลับต่อแต่มันก็ไม่เป็นผลอีกต่อไปแล้ว เธอจึงตัดสินใจลุกขึ้นจากเตียงนอนของตัวเองในเวลาตี 5 ของเข้าวันใหม่
เป็นเพราะว่าเมื่อวานหลังจากที่กลับมาจากคาเฟ่เธอก็สลบเหมือดไปในทันทีที่ทิ้งตัวลงบนเตียงนอนหลังจากที่ชำระร่างกายจนเสร็จ วันนี้มันจึงไม่แปลกที่เธอจะตื่นนอนเร็วกว่าปกติ ซึ่งเธอว่ามันก็ดีเหมือนกันเพราะเธอจะได้ไปวิ่งออกกำลังกายยามเช้าเสียบ้างหลังจากที่ก่อนหน้านี้เอาแต่ทำงานและก็ดื่มจนไม่มีเวลาได้ดูแลตัวเองแต่อย่างใดเลย
ร่างสูงวิ่งออกไปวิ่งรอบหมู่บ้านที่เธอพึ่งจะย้ายมาอยู่ที่นี่ได้เมื่อไม่กี่ปีก่อน ซึ่งเธอก็ได้พบเห็นผู้คนหลากหลายต่างช่วงอายุวัยทั้งเด็กที่กำลังจะออกไปโรงเรียน ทั้งคนรุ่นราวคราวเดียวกับเธอที่ออกมาวิ่งเฉกเช่นเดียวกัน ไม่เว้นแม้กระทั่งผู้มีอายุที่มาเดินรับลมในยามเช้าตรู่ ซึ่งมันก็เป็นบรรยากาศที่ดีมาก ๆ สำหรับเธอในเช้าวันใหม่วันนี้
ภคมนใช้เวลาวิ่งอยู่ราว ๆ หนึ่งชั่วโมงเธอก็กลับมาจัดการอาบน้ำอาบท่า เธอตั้งใจแล้วว่าวันนี้จะทำงานบ้านสักเล็กน้อยก่อนที่จะออกไปยังคาเฟ่ ซึ่งสิ่งแรกที่เธอเลือกทำเพราะมันจำเป็นที่จะต้องใช้เวลานั้นก็คือการซักผ้าและตอนนี้เธอกำลังแยกผ้าขาวอยู่
เธอหยิบเสื้อตัวสีดำที่สวมใส่ไปที่คาเฟ่เมื่อวานนี้ออกมาจากตะกร้าโดยเธอตัดสินใจแล้วว่าจะเอาทิ้งเพราะมันมีแต่ขนแมวจนไม่เหลือพื้นที่ว่างเลยด้วยซ้ำไป แต่สายตาของเธอก็ดันไปสบเข้ากับเสื้อยืดที่มีโลโก้ของร้าน และเธอจดจำได้เป็นอย่างดีเลยว่าเจ้าหล่อนบอกให้เธอเก็บมันเอาไว้เป็นที่ระลึก
มือบางเอื้อมไปหยิบเสื้อตัวนั้นขึ้นมาสบมองดูซึ่งเธอก็ได้กลิ่นหอมอ่อน ๆ ที่เหมือนกันกับกลิ่นของนิวารินนั้นลอยออกมาจากเสื้อ และมันจะเป็นอย่างนั้นก็คงจะไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรเลย เพราะก่อนหน้าที่มันจะมาอยู่กับเธอนั้นมันก็อยู่กับเจ้าหล่อนมาก่อน ซึ่งแน่นอนเลยว่าน้ำยาปรับผ้านุ่มที่ผ่านเสื้อตัวนี้มานั้นมันก็คือน้ำยากลิ่นเดียวกันกับที่นิวารินใช้
ภคมนลุกขึ้นจากพื้นที่เธอกำลังนั่งแยกผ้าโดยที่มือของเธอนั้นถือเสื้อตัวนั้นติดไม้ติดมือของตนเองมาด้วย เธอเปิดตู้เสื้อผ้าให้อ้ากว้างพร้อมกับเอื้อมมือไปหยิบไม้แขวนเสื้อออกมา ก่อนที่เธอจะทำการนำเสื้อตัวนั้นใส่ไม้เอาไว้ ถึงแม้มันจะมีกลิ่นเหงื่อของเธอปะปนอยู่บ้าง...แต่กลิ่นน้ำยาปรับผ้านุ่มของเจ้าหล่อนนั้นก็ทำให้เธอตัดสินใจว่าจะไม่ซักมันและจะเก็บมันเอาไว้เป็นความทรงจำดั่งที่เจ้าหล่อนนั้นปรารถนาแต่โดยดี
เมื่อทำธุระอะไรจนเสร็จแล้วเธอก็ขับรถออกมาที่นอกเมืองโดยมีเป้าหมายซึ่งนั่นก็คือคาเฟ่แมวที่เธอเหลือเวลาอีก 6 วันในการต้องมาที่นี่เพื่อที่จะรับน้องแมวไปเลี้ยงดั่งที่ปรารถนา
หากเป็นคนอื่นคงจะภาวนาให้ 6 วันนี้จบลงโดยเร็วไวเพื่อที่จะได้รับน้องแมวมาอุปการะดั่งที่คาดหวังเสียที...และคงมีเพียงแค่เธอที่ภาวนาให้เวลามันผ่านไปอย่างเชื่องช้าเพราะเธอยังคงต้องการที่จะพบหน้าของเจ้าหล่อนอีกต่อไปเรื่อย ๆ
ไม่นานรถของเธอก็เลี้ยวเข้ามาภายในส่วนของคาเฟ่ซึ่งมันก็ยังคงเงียบสงบราวกับว่าเมื่อวานที่คนเยอะนั้นมันไม่ใช่เรื่องจริงแต่อย่างใด ภคมนก้าวลงจากรถในเวลา 10 โมงกว่า ๆ ซึ่งร้านนั้นเปิดในเวลา 9 โมงเช้า ก่อนที่เธอจะหอบหิ้วสัมภาระของตนเองไปด้วยเพราะเธอตั้งใจแล้วว่าวันนี้เธอจะทำงานของตัวเองให้จนเสร็จ...เวลาที่เหลือของเธออีก 5 วันต่อจากนี้เธอจะได้เอาเวลาทั้งหมดไปนั่งมองนิวารินตอนกำลังทำงานอย่างเดียวเลย
“ไหงไม่มีคนอยู่ล่ะเนี่ย”
เธอพึมพำออกมาแผ่วเบาเมื่อส่องเข้าไปภายในร้านแล้วพบว่ามันไม่มีมนุษย์คนใดอยู่เลยมีเพียงแค่แมวเท่านั้น
เธอสัมผัสได้ถึงความเย็นฉ่ำจากแอร์ที่ลอดผ่านใต้ประตูร้านออกมาแต่ร้านนั้นมันกลับถูกล็อคเอาไว้อย่างแน่นหนา เหล่าแมว ๆ เมื่อพบเห็นว่าเธอยืนอยู่ที่หน้าร้าน น้อง ๆ ก็เดินกรู่กันเข้ามาร้องเสียงระงมอยู่หน้าประตูแต่เป็นจากทางด้านใน ซึ่งเสียงแหลม ๆ ที่ดังกว่าใครไม่ต้องเดาอะไรให้มากความเลยเพราะมันเป็นเสียงจากแมวเด็กที่ชื่อว่าภักดีอย่างไรล่ะ
“วันนี้มาเช้าจังเลยนะคะ”
“คุณวาริน”
เธอหันไปสบมองเจ้าของเสียงและก็ได้พบว่าคนที่มาเอ่ยทักกันนั้นคือเจ้าของร้านนั่นเอง
“พอดีฉันลืมซื้อของบางอย่างน่ะค่ะตอนเช้าเลยต้องเข้าเมืองไปซื้อ ทีแรกกะจะไปแป๊ปเดียวคิดว่าน่าจะกลับมาทันเวลาเปิดร้าน...แต่ในเมืองก็รถติดแหง็กจนมาสายไปเสียได้”
นิวารินเล่าเรื่องในยามเช้าให้เธอได้รับรู้ด้วยสีหน้ายิ้ม ๆ ซึ่งเธอก็ตั้งใจฟังที่เจ้าหล่อนนั้นเอ่ยเล่าทุกประโยค
“ตายจริง ฉันไม่ควรมาบ่นอะไรแบบนี้ให้คุณฟังสินะคะ”
“ไม่ใช่อย่างนั้นค่ะ ไม่ใช่เลย”
เธอรีบปฏิเสธเสียงแข็งอย่างนึกหวาดหวั่น
เธออยากให้เจ้าหล่อนเล่าทุกเรื่องที่อยากจะเล่าเลยล่ะ เพราะเธออยากฟังน้ำเสียงหวาน ๆ กับใบหน้าเปื้อนยิ้มของเจ้าหล่อนเวลาที่เล่าเรื่องราวต่าง ๆ ให้เธอได้ฟัง
นิวารินนั้นเป็นบุคคลที่ใบหน้าเปื้อนยิ้มอยู่เสมอตั้งแต่ครั้งแรกที่เธอได้พบเจอกับเจ้าหล่อน ราวกับว่าหล่อนนั้นไม่มีเรื่องราวทุกข์ใดอยู่ภายในใจเลยเพราะเจ้าหล่อนยิ้มอยู่ตลอดเวลา ซึ่งเธอก็อยากจะให้มันเป็นเช่นนั้นเสมอไปเพราะรอยยิ้มของเจ้าหล่อนมันช่างสดใสและน่ามองยิ่งกว่าสิ่งอื่นใดเป็นไหน ๆ
“เดี๋ยวฉันเปิดประตูให้นะคะ”
“อ๋า...เชิญค่ะ”
เธอที่รู้ตัวแล้วว่ากำลังยืนขวางทางเจ้าหล่อนอยู่ก็รีบพาตัวเองหลบมาอยู่ที่ด้านข้างโดยทันใด
นิวารินพยายามจะล้วงกุญแจร้านออกมาจากกระเป๋ากางเกงที่เจ้าหล่อนนั้นสวมใส่ แต่ดูเหมือนมันจะยากลำบากพอดูเพราะข้าวของที่เจ้าหล่อนถือมาด้วยนั้นมันก็ไม่ใช่น้อย ๆ เลย
“ให้ฉันถือไว้ให้ก่อนดีไหมคะ?”
เธอเสนอให้เจ้าหล่อนหันหน้ามาสบมองกันอีกครั้งหนึ่ง
“รบกวนสักครู่นะคะ”
เจ้าหล่อนยกยิ้มเป็นเชิงขอบคุณและส่งกล่องลังใบใหญ่ที่ถือมาในตอนแรกนั้นมาให้กับฉันที่เอื้อมมือออกไปรอรับ
ตึกตัก ตึกตัก
“ว๊าย!”
“อ๊ะ!”
แต่ทุกอย่างก็พลันกระจัดกระจายลงพื้นอย่างไม่เป็นท่า...จากฝีมือของเธอที่เป็นผู้กระทำ
“คือ คือฉันขอโทษนะคะ”
“ไม่เป็นไรค่ะ ไม่เป็นไร”
เธอเริ่มก้มตัวลงไปเก็บของเข้ามาใส่ในกล่องลังดังเดิมพร้อมกับเจ้าหล่อนที่ก้มตัวลงมาเก็บด้วยเพราะของมันกระจัดกระจายไปหมด
เมื่อครู่ในจังหวะที่เจ้าหล่อนส่งกล่องลังมาให้กันนั้นแขนของเจ้าหล่อนโดนเข้าที่แขนของเธออย่างเลี่ยงไม่ได้ เธอรู้สึกเหมือนกับถูกไฟฟ้าสถิตแล่นแปร๊บมาอย่างรวดเร็วเข้าสู่หัวใจ มือของเธอจึงผละออกอย่างไม่อาจควบคุมซึ่งผลสุดท้ายผลมันก็เป็นอย่างที่เห็น
ทำตัวอย่างกับเป็นเด็กมัธยมพึ่งเคยมีรักครั้งแรกไปได้...ภคมน
“ฉันขอโทษจริง ๆ นะคะคุณวาริน คือฉันไม่ได้ตั้งใจค่ะ”
“ไม่เป็นไรหรอกค่ะคุณภักดี ฉันเข้าใจว่ามันเป็นอุบัติเหตุ”
นิวารินยกยิ้มให้แก่กันจนเต็มดวงเมื่อยามที่เราสองคนนั้นลุกขึ้นยืนจนเต็มความสูงอีกครั้ง
ครั้งนี้ฉันรวบถือกล่องเอาไว้พร้อมกับจับอย่างแน่นหนาด้วยกลัวว่ากล่องมันจะร่วงหล่นไปที่พื้นอีกครา ภคมนยืนสบมองเจ้าหล่อนค่อย ๆ ไขประตูร้านอย่างตั้งใจ
แผ่นหลังของนิวารินดูเล็กบอบบางจังเลยน้า...
“ว่าแต่เมื่อกี้เป็นอะไรหรือเปล่าคะ ฉันเห็นเหมือนว่าคุณผละมือออกตอนที่ฉันส่งกล่องไปให้กับคุณ”
บ้าจริง! จะบอกว่าอย่างไรดีนะ!
“เอ่อ...”
เธอกำลังพยายามคิดหาข้อแก้ตัวเพราะเธอไม่อาจจะบอกเจ้าหล่อนได้ว่ามันเป็นเพราะความเขินอายของเธอเองที่จำให้ต้องผละมือออก
สายตาของเธอเริ่มหว่านมองไปรอบ ๆ อย่างหาตัวช่วย ก่อนจะมีรถคันหนึ่งที่กำลังขับเคลื่อนเข้ามาภายในส่วนของคาเฟ่พอดิบพอดีให้เธอต้องรีบถลึงตาไปที่รถคันนั้นโดยทันใด เพราะตอนนี้สมองของเธอตีบตันไม่อาจจะคิดหาข้อแก้ตัวอะไรได้อีกในตอนนี้
“เหมือนลูกค้าจะมาแล้วนะคะ คุณรีบเข้าไปเตรียมของดีกว่า”
เธอพยายามบ่ายเบี่ยงเพื่อหวังให้เจ้าหล่อนหลงลืมคำถามเมื่อก่อนหน้านี้ไปเสีย
“จริงด้วยค่ะ”
โชคดีไปนะที่เจ้าหล่อนยังไหลตามน้ำไปกับเธอ
นิวารินไขกุญแจและเปิดประตูให้อ้ากว้าง ซึ่งเจ้าหล่อนก็ผายมือให้เธอได้เข้าไปก่อนเพราะเธอยังคงถือกล่องลังของเจ้าหล่อนเอาไว้อยู่
“เมี๊ยววววววววว!”
ขาของเธอก้าวเข้าไปในร้านก่อนเป็นคนแรก
พร้อมกับเสียงต้อนรับจากเหล่ากองทัพน้องแมวเหมียว รอยยิ้มของเธอก็พลันฉายขึ้นจนเต็มดวงในทันใดอย่างรู้สึกสุขใจที่ได้พบเจอกับเด็ก ๆ ทั้งหลายอีกครั้งหนึ่งในวันนี้
“ไงคะเด็ก ๆ เมื่อคืนหลับสบายกันไหม?”
“เมี๊ยวววววววว!”
“อย่างนั้นเองหรอกเหรอคะ...”
นิวารินจดจ้องมองคนที่เดินเข้าไปภายในร้านก่อน และกำลังคุยกับเหล่าน้องแมวของเธออย่างออกรส
รอยยิ้มของเธอก็ค่อย ๆ ประดับขึ้นมาที่ข้างมุมปากของตนเองอีกครั้งหนึ่ง...ซึ่งรอยยิ้มของเธอในครั้งนี้มันเป็นของจริง
เธอหาวิธีมามากมายหลากหลายกับทุกสิ่งที่ทำให้เธอนั้นดีขึ้นจากฝันร้ายที่เธอยังคงต้องพบเจอมันอยู่ทุกคืนวัน...แต่วันนี้ฝันร้ายของเธอมันจบลงแล้วที่ตรงนี้
แค่เพียงได้เห็นรอยยิ้มที่ประดับอยู่บนใบหน้าของหญิงสาวที่เคยปิดกั้นรอยยิ้มของตนเองเอาไว้ แต่หญิงสาวตรงหน้าของเธอนั้นได้รับการบำบัดจนตอนนี้สามารถยกยิ้มออกมาได้อย่างเป็นธรรมชาติ...และเป็นตัวของตัวเองที่สุด
แมวบำบัดความเศร้ามันเป็นเรื่องจริง...แต่คงใช้ไม่ได้สำหรับเธอ