ตอนที่ 3 (3)

1642 Words
‘พี่โทรหาตั้งนาน ทำไมน้องนิวไม่รับสายเลยครับ’ คนปลายสายทำเสียงเหมือนงอน เขาทำงานหนักทั้งวัน พอเลิกงานก็อยากได้ยินเสียงวณิชยา ตอนนี้กำลังขับรถออกจากบริษัทมุ่งหน้ากลับคอนโดของตน ฟ้ามืดมาแล้วรถไม่ติดเหมือนช่วงห้าโมงเย็น ปราณขับเรื่อยๆ สบายๆ “พอดีนิวมีนัดคุยงานกับลูกค้า ก็เลยตั้งเสียงเงียบไว้น่ะค่ะ” เสียงเพลงรักในรถของปราณเคล้าคลอเบาๆ สร้างอารมณ์ดีๆ ให้สารถีหนุ่ม ‘แล้วนี่พี่โทรกวนหรือเปล่า น้องนิวคุยงานเสร็จหรือยังครับ’ “ไม่กวนค่ะ พอดีลูกค้าแคนเซิลนัดก็เลยได้กลับบ้านน่ะค่ะ ตอนนี้นิวกำลังทำมื้อเย็น คุณปราณกินมื้อเย็นหรือยังคะ” ‘น่ารักจัง ถามเหมือนรู้ใจแหนะ’ ปราณส่งเสียงหัวเราะแห้งๆ ‘พี่เพิ่งเลิกงาน ยังไม่กินอะไรเลย กำลังขับรถกลับคอนโดครับ’ “ถ้าอย่างนั้น เดี๋ยวนิวทำอาหารเผื่อคุณปราณด้วยนะคะ” ‘ขอบคุณมากครับ แล้วเจอกันนะ’ ปราณกดวางสาย วณิชยาเข้าไลน์น้องไออุ่นบอกว่าตนเองกลับมาแล้ว ไม่ต้องเข้ามาอีกก็ได้ จากนั้นหล่อนวางโทรศัพท์ไว้ที่เดิมแล้วก็เริ่มต้นทำอาหารต่อ ทุกการกระทำวณิชยาไม่รู้ตัวเลยว่ากำลังถูกจ้องมองจากคนปริศนาคนหนึ่ง เขาเข้ามาตั้งแต่ช่วงบ่ายแล้ว มาถึงก็สั่งให้พี่เลี้ยงน้องไนท์ออกไปจากห้อง ปล่อยหน้าที่ดูแลเด็กให้เป็นของตนเอง กระทั่งน้องไนท์หลับก็ออกมานั่งดูทีวีเพื่อรอเจ้าของห้องกลับมา กลิ่นอาหารค่อนข้างหอม ส่งกลิ่นยั่วยวนชวนน้ำลายไหลจนเขาเองก็ชักจะรู้สึกหิวตามไปด้วย แต่ไม่ได้... เขายังติดใจคนที่วณิชยาคุยโทรศัพท์ด้วยเมื่อครู่ ชายปริศนามีใบหน้าเคร่งขรึม เขาเลิกยืนหลบหลังประตู ก้าวเท้าย่างสามขุมเข้ามาในห้องและส่งเสียงเรียกหญิงสาว “ไง ยัยเด็กแสบ ไม่คิดจะติดต่อกันบ้างเลยเหรอ” เสียงห้าวทุ้มทรงพลังนั้นดังขึ้นกึกก้องห้องครัว วณิชยาละมือจากกระทะหันกลับมามอง นัยน์ตาหล่อนค่อยๆ เบิกกว้างขึ้นทีละเล็กทีละน้อย กระทั่งโตเต็มที่ ไม่คิดไม่ฝันมาก่อนว่าผู้ชายคนนี้จะมายืนอยู่ตรงหน้า ในระยะที่ใกล้มาก ใบหน้าของท่านโรยราไปตามวัย อายุอานามน่าจะห้าสิบกว่าๆ ทว่าร่างกายยังคงแข็งแรงและสูงใหญ่เหมือนเดิม วณิชยากะพริบตาปริบๆ ปรับโฟกัสสายตาให้ชัดๆ เผื่อว่าหล่อนจะหิวจนตาลายมองคนผิด แต่ก็นะ หล่อนไม่ได้แก่ถึงขนาดสายตาพร่ามัวซะหน่อย! “คุณพ่อ!!” เรียวปากสีหวานส่งเสียงเรียกค่อนข้างดัง ใช่... เขาคือบิดาบังเกิดเกล้าของหล่อน ที่แทบจะไม่ได้ติดต่อกันเลยตลอดหลายปีที่ผ่านมา นับจากท่านเซ็นใบหย่ากับมารดา นี่ก็... เกือบเจ็ดปีแล้วมั้ง “จำได้ด้วยเหรอว่าฉันเป็นพ่อของแก” ท่านยกมุมปากขึ้นสูง คล้ายจะแสยะยิ้มเย้ยหยันอย่างไรอย่างนั้น เข้ามานั่งลงเก้าอี้ตัวหนึ่งกลางห้องครัว ส่งสายตาคมเข้มมองลูกสาวคนเดียวไม่วางตา โอกาสแบบนี้หาได้จากที่ไหน ลูกสาวตัวดีไม่ชอบหน้าตัวเองอย่างกับอะไรดี มันตีตัวออกห่างเหมือนเขาตายไปแล้ว ไม่ติดต่อ ไม่โทรมาหา ถ้าอยากเจอคือเขาต้องหาทางมาเจอเอง นี่ก็ทำงามหน้า ท้องก็ไม่ยอมบอก หอบท้องหนีไปอยู่ต่างประเทศจนลูกโตถึงพากลับมา ที่น่าตีกว่านั้นคือกลับมาสามเดือนกว่าแล้ว ก็ไม่ยอมพาหลานไปกราบตาของมันสักที ตั้งใจจะรอให้เขามากราบมันทั้งสองแทนเหรอไง วณิชยาเป็นเด็กที่น่าตีให้สำนึกผิดมาก ชายวัยกลางคนแม้จะอยู่ในชุดธรรมดา แต่ยังคงมีมาดมีราศีของการเป็นนักธุรกิจ โกรธลูกสาวนัก กิจการของทางบ้านก็มี บริษัทก็ใหญ่โตไม่ยอมเข้ามาช่วยบริหาร แต่กลับมาเป็นมัณฑนากรกิ๊กก๊อกเงินเดือนไม่กี่หมื่น หัวรั้น หัวแข็งเหมือนแม่มันไม่มีผิด อยากรู้นักจะไปได้สักกี่น้ำ วณิชยาถอนหายใจออกแรงมาก เอื้อมมือไปปิดแก๊ส หยุดการทำอาหาร ณ วินาทีนั้น เพราะไม่มีอารมณ์ “คุณพ่อมาได้ยังไงคะ ทำไมไม่บอกก่อน แล้วเข้ามาในห้องของนิวได้ยังไง” “ขับรถมาสิ ถามแปลกๆ ฉันไม่ได้ไม่มีเงินซื้อรถจนต้องนั่งแท็กซี่นั่งรถไฟฟ้าแบบแก แล้วนี่ก็คอนโดที่ฉันซื้อให้แก ทำไมฉันจะไม่รู้จักทาง” ไม่วายเกทับ ซึ่งนิสัยเสียข้อนี้ของบิดาวณิชยารู้นานแล้วจึงสงบสติอารมณ์ไม่ให้โกรธไม่ให้เคืองท่าน ชายวัยกลางคนกวาดสายตามองรอบห้องครัว และมองอาหารที่ลูกสาวกำลังทำ “แกทำกับข้าวเผื่อใคร แล้วคุยกับใครเมื่อกี้ มันเป็นลูกเต้าเหล่าใคร ทำงานที่ไหน ใช่พ่อของลูกแกหรือเปล่า ถ้าโปรไฟล์ไม่ดี อย่าหวังเลยว่าฉันจะยอมรับมันมาเป็นลูกเขย” “คุณพ่อจะยอมรับหรือไม่ยอมรับ นั่นก็เรื่องของคุณพ่อค่ะ นิวไม่สนใจ แล้วคุณปราณเขาก็ไม่ใช่พ่อของน้องไนท์ กรุณาทำความเข้าใจด้วยนะคะ” “เออ ไม่ใช่ก็แล้วไป แต่อย่าให้ฉันรู้แล้วกัน ว่าใครหน้าไหนที่มันทำแกท้องแล้วไม่รับผิดชอบ ฉันจะส่งคนไปกระทืบให้มันตาย แต่ก่อนตายฉันจะลากมันมากราบเท้าขอโทษแก” คุณเดชาคาดโทษด้วยน้ำเสียงและสีหน้าที่จริงจัง หมายความตามที่พูด ถ้าเจอ ท่านจะฆ่ามันให้ตายทั้งเป็น ให้สมกับที่มันทำให้ยัยหนูต้องเสียใจตลอดหลายปีที่ผ่านมา ในสายตาคนอื่นถึงเขาจะเป็นพ่อที่แย่ แต่พ่อแย่ๆ อย่างเขาก็ไม่เคยปล่อยให้ลูกต้องลำบาก ช่วยเหลือทุกอย่างจนมันมีอยู่มีกิน มีชีวิตที่ดีขึ้นในทุกวันนี้ สายสัมพันธ์พ่อลูกมันขาดไปแล้วจริงๆ เหรอ คุณเดชาอยากโกรธลูกสาวให้มากกว่านี้ แต่ท่านก็เข้าใจความรู้สึกของลูก จึงพยายามใจเย็น “คุณพ่อไม่ต้องมายุ่งวุ่นวายกับชีวิตนิวได้ไหม นิวดูแลตัวเองได้ แล้วก็ดูแลได้มานานมาแล้ว นิวไม่เคยต้องการเงิน ไม่เคยต้องการอำนาจของคุณพ่อ” เจ้าของห้องฮึดฮัดขัดใจ เอ่ยแต่ละคำออกไปไม่สนใจเลยว่าคนฟังจะรู้สึกเสียใจมากแค่ไหน คิดแค่ว่ามีเฉพาะตนเองเท่านั้นที่เสียใจ “เออ ปีกกล้าขาแข็งแล้วลืมพ่อแก่ๆ คนนี้งั้นเหรอ” “นิวไม่ได้ลืม แต่นิวก็อยู่ของนิวแบบนี้มานานแล้วนะคะ” “แกอยู่ของแก สบายของแก แล้วฉันล่ะ แก่ป่านนี้ยังไม่เกษียณสักทีเพราะไม่มีคนดูแลธุรกิจที่บ้านต่อ มีลูกก็เหมือนไม่มี ไม่เคยมาช่วยทำงาน ไม่เคยโผล่หัวมาดูสักครั้งว่าฉันทำอะไรเพื่อแกไปบ้าง” “นิวไม่ต้องการทรัพย์สมบัติของคุณพ่อค่ะ คุณพ่ออยากจะยกให้ใครก็เชิญ นิวไม่แคร์” จบคำนั้นในห้องครัวก็เงียบกริบไร้เสียงใดๆ น้ำตาชายวัยกลางคนเอ่อคลอขึ้นมา เสียใจจนหาคำพูดใดๆ มาเปรียบไม่ได้ “ไม่เอาก็เรื่องของแก แต่ฉันจะยกให้หลานของฉัน!” ว่าจบก็ลุกจากเก้าอี้ จ้องมองหน้าลูกสาวอย่างเอาเป็นเอาตาย “ว่างวันไหนก็เข้าไปหาฉันที่บริษัทด้วย แกไม่อยากได้อะไรฉันก็ไม่ว่า แต่แกอย่าเอาทิฐิมาบังตาจนทำให้หลานของฉันต้องลำบาก อยู่แบบอดๆ อยากๆ กับแกเลย ฉันรักแก แล้วก็รักหลานมาก ไม่เคยรักใครไปมากกว่าพวกแก แล้วฉันก็ไม่เคยคิดจะยกสมบัติให้คนนอกสายเลือดอย่างที่แกดูถูกฉันในใจ” “นิวไม่ได้...” วณิชยาจะเถียง ท่านรีบยกมือห้าม “เลิกพูดได้แล้ว ฉันเหนื่อยจะฟังเสียงแว้ดๆ ของแกเต็มที ถ้าหลานตื่นแล้วก็ฝากบอกด้วยว่าวันหลังตาจะซื้อของเล่นมาให้อีก ฉันกลับล่ะ” ท่านตวัดมือลงวางแนบข้างลำตัวจากนั้นก็เดินออกไปจากห้องครัว ความสัมพันธ์ในสายเลือดระหว่างเขากับลูกสาวมันคงจะขาดไปนานแล้วสินะ คงนับจากวันที่ท่านจรดปลายปากกาเซ็นใบหย่ากับภรรยา คุณเดชาน้ำตาซึม เอียงใบหน้าไปมองประตูห้องที่หลานชายกำลังนอนหลับ อยากเข้าไปกอด ทว่าต้องตัดใจแล้วออกไปจากที่แห่งนี้ ส่วนวณิชยานั้นใช่ว่าจะมีความสุขที่ได้พูดอะไรในแง่ลบแบบนั้น หัวเข่าหล่อนอ่อนยวบ ทิ้งกายลงนั่งบนพื้นหมดเรี่ยวแรงจะลุกขึ้นยืน แบบนี้ดีแล้วใช่ไหม มันดีจริงๆ ใช่ไหม ทำไมหล่อนถึงรู้สึกอยากร้องไห้ “คุณพ่อทิ้งนิวกับคุณแม่ไปตั้งนาน ฮือ... แล้วจะกลับมาหานิวทำไมคะ” หลังมือบางยกขึ้นเช็ดน้ำตา ไม่ปล่อยให้มันพรั่งพรูไหลลงมา ข้างนอกอาจดูเหมือนเป็นคนเข้มแข็ง แต่ใครเล่าจะรู้ว่าเนื้อในแล้วหล่อนอ่อนแอและโหยหาความรักความอบอุ่นจากคนครอบข้างมากแค่ไหน เจ้าของร่างเล็กมีอากัปกิริยาสั่นระริกตามแรงสะอื้น หัวใจบอบบางจนแทบทนรับความเสียใจอีกไม่ไหว ไม่ว่าจะเป็นเรื่องบิดา หรือเรื่องของผู้ชายใจร้ายคนนั้น เมื่อไหร่กันนะ ชีวิตหล่อนถึงจะมีความสุขสักที วณิชยาชันเข่าขึ้น ซบใบหน้าลงร่ำไห้และคอยกอดคอยปลอบตัวเอง
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD