ตอนที่ 3 (2)

1820 Words
“พูดเข้าท่าดี ผมชอบ” ชาครีย์ยิ้ม ส่งผลให้ใจเอมิกาเริงร่าขึ้นมาหลายระดับแทบจะกรี๊ด “แล้วนี่คุณเอลลี่เข้ามาควบคุมงานเองเลยหรือเปล่า คิดว่ากว่าจะส่งงานได้คงใช้เวลานาน” “อ๋อ เปล่าหรอกค่ะ เอลลี่เป็นที่ปรึกษาทุกโครงการในบริษัทไม่ได้ไปดูแลเอง ถ้าคุณคีย์โอเคกับบริษัทเอลลี่ คนที่เข้าไปดูแลควบคุมงานจะเป็นน้องอีกคนค่ะ ประสบการณ์ทำงานอาจจะไม่นานแต่ผลงานมีเยอะมากค่ะ ความเป็นอินเตอร์ ความตอบโจทย์ลูกค้ามีสิบให้เต็มร้อยค่ะ น้องคนนี้ทำงานกับเอลลี่สมัยอยู่เยอรมนี พอเอลลี่ย้ายกลับมาเปิดบริษัทที่ไทยน้องก็ตามมาทำด้วย” “รีสอร์ทผม ไม่ใช่ใครก็เข้ามาทำได้นะคุณเอมิกา” บริษัทเปิดใหม่ไม่พอ คนดูแลงานยังใหม่อีกเหรอ ชาครีย์ไม่อยากจะเชื่อในสิ่งที่ตัวเองได้ยิน คิดว่าเอมิกากำลังไม่ให้เกียรติตนเอง น้ำเสียงเอย สายตาเอย เหมือนจะเอาเรื่องให้ได้ แต่คราวนี้เอมิกาไม่ได้อ่อนข้อให้เหมือนคราวก่อนๆ “เอลลี่อยากให้คุณคีย์โฟกัสผลงาน มากกว่าอย่างอื่นนะคะ น้องเขาติดเรื่องการเดินทางนิดหน่อยตอนนี้คงใกล้มาถึงแล้วค่ะ ในระหว่างนี้เอลลี่ขอเสนอผลงานเก่าของน้องนิวให้ดูนะคะ ส่วนใหญ่จะอยู่โซนทางเยอรมนี แต่งานที่ไทยก็มีค่ะ เป็นจ็อบเล็กๆ ไม่ใหญ่ได้เสี้ยวของรีสอร์ทคุณคีย์” ไม่วายเหน็บเพราะเริ่มจะหมั่นไส้พ่อคุณคนหล่อ ตอนทำงานต่างประเทศไม่เห็นลูกค้าคนไหนดูถูกเก่งแบบนี้ เขาจะโฟกัสผลงาน ถ้าทำชุ่ย ทำออกมาไม่ได้เรื่องถึงโดนด่าโดนตีงานกลับ “เลือกผลงานเด่นๆ มาให้ผมดูแลดีกว่า แฟ้มเยอะขนาดนี้ผมดูไม่ไหว” เพราะมัวแต่วางมาดขรึมชาครีย์จึงไม่ทันได้ยินรายละเอียดยิบย่อยจากปากของสาวใหญ่ เขายกหลังมือขึ้นดูนาฬิกาหลายครั้ง เจ้าชวินทร์มันใช้เขาให้ไปรับน้องเกว เพราะติดทำธุระเรื่องมีโจรเข้ามางัดบ้าน ในระหว่างรอสาวใหญ่เลือกผลงาน เขายกแก้วกาแฟขึ้นมาจิบพลางเหลือบสายตามองบรรยากาศร้าน เขาไม่ค่อยชอบกรุงเทพสักเท่าไหร่ มาแป๊บๆ ก็คิดถึงทะเล อยากกลับภูเก็ต “นี่ค่ะ เป็นการออกแบบภายในให้โรงแรมแห่งหนึ่งในมิวนิก ผลงานนี้สร้างชื่อเสียงให้เอลลี่มากค่ะแม้ว่าความจริงจะเป็นฝีมือน้องนิวก็เถอะ สมัยน้องเขาช่วยงานเอลลี่ทางออนไลน์ทุกจ็อบเลยค่ะ” สมัยนั้นเอมิกาทำงานที่ต่างประเทศ ทว่ายังติดต่อกับวณิชยาที่อยู่เมืองไทยตลอดเวลา กระทั่งน้องย้ายไปอยู่ด้วย วณิชยาเป็นเด็กเก่ง ช่วงนั้นสมองหล่อนตันมากเพราะทำงานใช้ไอเดียมาหลายปี “น้องนิว...” แก้วกาแฟที่จ่อปากค้างไว้อยู่อย่างนั้น อุทานชื่อออกมาราวกับละเมอ ชายหนุ่มจี้ถามต่อด้วยความใจเย็น ทั้งที่ความจริงใจเต้นแรงมาก ชื่อนั้น จะมีความเป็นไปได้ไหมว่าจะเป็น ‘นิว’ คนเดียวกับที่เขาตามหา “แล้วทำไม ‘คนนั้น’ ถึงยอมถูกสมอ้างผลงานของตัวเองล่ะครับ” “น้องเขาเดือดร้อนเงินค่ะ แล้วตอนนั้นน้องก็ยังเรียนไม่จบ เอลลี่ให้โอกาส ส่วนน้องเขาก็ได้เงิน ในความคิดของเอลลี่มันก็แฟร์ดีนะคะ แต่หลังนั้นน้องเขาก็ย้ายมาอยู่เยอรมนีและเข้ามาทำงานบริษัทเดียวกันกับเอลลี่ค่ะ น้องเป็นคนรุ่นใหม่ ไอเดียดี ฝรั่งหลายคนชอบผลงานของน้องมากกว่าผลงานของเอลลี่ซะอีกค่ะ บริษัทที่เมืองไทยเองก็คอยติดต่อมาขอซื้อตัว แต่น้องก็ไม่รับ” “ขอทราบประวัติได้ไหมครับ” เขาวางแก้วกาแฟลงบนจานรองแก้วช้าๆ “ได้ค่ะ” สูดลมหายใจลึกก่อนจะตอบ ใจหนึ่งคิดเลยว่าไม่อยากง้อลูกค้าคนนี้แต่อีกใจก็บอกให้อดทน เพราะถ้าไม่มีลูกค้า ก็จะไม่มีบริษัทของตัวเองในอนาคต ดังนั้นต้องยิ้มสู้เข้าไว้ เอมิกาดึงเอาแฟ้มงานออกจากกระเป๋ามาค้นหาแฟ้มที่ตัวเองต้องการ “มีแฟ้มประวัติพนักงานติดกระเป๋ามาพอดี เชิญดูได้เลยค่ะ รบกวนพลิกไปที่หน้ารองสุดท้ายนะคะ” “ขอบคุณครับ” รับแฟ้มมาเปิดดูในทันที พลิกไปพลิกมาเพื่อหารูปว่าใช่วณิชยาหรือเปล่า เปิดไปใจเขาก็กระสับกระส่ายไป วางมาดซะดิบดี แต่พอพลิกกระดาษไปถึงหน้ารองสุดท้ายใบหน้าคมเข้มก็แปรเปลี่ยนเป็นซีดเดียว เมื่อพนักงานคนดังกล่าวคือคนเดียวกับที่วิ่งหนีเขาไปต่อหน้าต่อตา! การเดินทางด้วยรถยนต์ช่วงเวลาที่มนุษย์เงินเดือนส่วนใหญ่เลิกงาน เป็นอะไรที่สวรรค์แตกมาก รถติดยาวเป็นกิโลเมตร ขยับนิดเดียวก็ติดไฟแดง แดงสิบนาทีเขียวยี่สิบวิ ลุงคนขับแท็กซี่ท่าทางจะชินแล้วถึงเปิดวิทยุฟัง เช็ดกระจกของแกเรื่อยเปื่อย มีแต่หล่อนที่กระวนกระวายใจกลัวไปไม่ทันคุยงาน ถ้าหากแถวนั้นใกล้รถไฟฟ้าก็คงดีจะได้ไม่ต้องเผชิญกับรถติดแบบนี้ เลทไปสิบนาทีแล้วยังไปไม่ถึงไหน ป่านนี้พี่เอลลี่ต้องโกรธแล้วแน่ๆ ชีวิตหล่อนจะซวยไปถึงไหนเนี่ยยัยนิว นึกถึงปุ๊บสายจากเอมิกาก็เข้ามาทันทีทำเอาเจ้าของมือถือลนลานไปหมด “พี่เอลลี่ นิวขอโทษ นิวยังไปไม่ถึงเลยค่ะ” ‘ไม่เป็นไรจ้ะ พอดีพี่จะโทรมาบอกว่าไม่ต้องเข้ามาแล้ว’ “ทำไมล่ะคะ ลูกค้าไม่โอเคกับบริษัทของเรา หรือเขาไม่อยากฝากรีสอร์ทไว้กับคนที่มาคุยงานยังมาสายแบบนิว นิวขอโทษนะคะพี่เอลลี่ ขอโทษจริงๆ ทั้งหมดเป็นความผิดของนิวเอง” วณิชยาจิตตกมากเกือบจะร้องไห้ เสียดายงานแล้วก็กลัวโดนเจ้านายด่า คอยโทษว่าเป็นความผิดตัวเอง เนื่องจากตลอดช่วงเวลาที่ทำงานที่ต่างประเทศ คนทางนั้นจะเคร่งครัดเรื่องเวลา ถ้าหากมาสายมากๆ จะถือเป็นการไม่ให้เกียรติ ซึ่งวณิชยาสามารถปฏิบัติตามได้อย่างเคร่งครัด มีครั้งนี้นี่แหละที่หล่อนมาสายจริงๆ สายเพราะหลายๆ สาเหตุ รถติด ทั้งยังต้องหาคนเลี้ยงลูก ‘ใจเย็นๆ ก่อน ไม่ใช่เป็นเพราะน้องนิวหรอก’ คนปลายสายหัวเราะเบาๆ เอ็นดูน้องสาวที่ตั้งใจทำงานตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา ถึงคราวนี้จะทำผิดไปเพราะมาสายก็เถอะ แต่ก็นะ ในเมื่อคุยกับคุณคีย์แล้วเขาโอเค ก็จะทำเป็นลืมเรื่องในคราวนี้ไปแล้วกัน ‘ลูกค้าโอเคกับบริษัทเรา แต่ยังไม่ได้คุยรายละเอียดเยอะเพราะลูกค้าติดธุระด่วน เขาอยากให้เริ่มงานเร็วที่สุดบอกจะให้เลขาติดต่อมาอีกที ส่วนรายละเอียดอื่นๆ ระยะเวลาส่งงาน งบ ค่าจ้าง เราก็ไปประเมินแล้วส่งให้เลขาเขาได้เลย’ “ค่อยโล่งใจหน่อย นิวเผลอคิดในแง่ลบว่าเราจะชวดงานนี้ซะแล้ว” ‘ตอนแรกพี่ก็คิดแบบนั้นแหละ ดูท่าทางเขาหยิ่งๆ หัวสูง เหมือนจะดูถูกว่าบริษัทเราเล็ก แต่พอเห็นผลงานของเราเขาก็โอเคนะ คุยกันง่ายขึ้น น้องนิวกลับบ้านได้เลยนะวันนี้ไม่มีอะไรแล้ว’ “ค่ะพี่เอลลี่ ขอบคุณมากนะคะ ไว้พรุ่งนี้เจอกันค่ะ” วางสายไปด้วยความสบายใจก่อนจะบอกคนขับให้วนรถกลับไปส่งที่เดิม กว่าจะมาถึงค่าแท็กซี่ก็เสียไปราวๆ ร้อยห้าสิบบาท วณิชยาแวะซุเปอร์มาร์เก็ตซื้อของใช้ในครัว ของสด รวมถึงนมของเจ้าตัวเล็กติดมือขึ้นห้องไปด้วย ลิฟต์พาหล่อนขึ้นสูงขึ้นเรื่อยๆ จนกระทั่งมาถึงชั้นที่ยี่สิบเอ็ด คุณแม่ยังสาวแทรกกายจากผู้อาศัยร่วมคอนโดออกมายังชั้นที่ตัวเองพักอาศัย เท้าเรียวก้าวมั่นคงเดินไปเรื่อยๆ กระทั่งถึงห้อง อยากทดสอบว่าพี่เลี้ยงที่ตนเองจ้างมาจะปิดล็อกห้องดีหรือเปล่า จึงลองดึงกลอนประตูลงล่าง ทว่าจากที่อารมณ์ดีๆ กลับต้องขุ่นหมองเมื่อพบว่าพี่เลี้ยงของน้องไนท์ไม่ได้ล็อกประตูห้อง มือเล็กผลักประตูออกพอแทรกตัวผ่านเข้าไปข้างในได้ เจ้าหล่อนก้าวเท้าเดินฉับๆ เข้าไปยืนตรงกลางบ้านมองหาลูกรัก สีหน้าวณิชยามีความวิตกกังวลรีบร้องเรียกหาน้องไออุ่น “ไออุ่น อยู่หรือเปล่าจ๊ะ พี่กลับมาแล้วจ้ะ!” ย้ำคำเดิมประมาณสองรอบทว่ากลับไม่มีเสียงใดๆ ตอบรับกลับมา วณิชยาตกใจมาก ปล่อยของในมือให้หล่นลงพื้นพรมสีน้ำตาล วิ่งเหมือนคนบ้าตามหาลูกรอบคอนโด “น้องไนท์! น้องไนท์อยู่ตรงไหนครับ ออกมาหาคุณแม่หน่อย” เครื่องปรับอากาศภายในยังคงทำงานครบทุกตัว ทีวีก็ถูกเปิดทิ้งไว้ คุณแม่ยังสาวกลัวจะเกิดอะไรไม่ดีขึ้นกับแก้วตาดวงใจ วิ่งไปหาในโซนห้องนั่งเล่น หลังทีวี หลังโซฟา ผ่านห้องครัวก็ชะเง้อใบหน้าเข้าไปมอง จนกระทั่งมาถึงห้องนอน ความตกใจทั้งหมดที่มีก็ค่อยๆ เลือนหายไป เพราะเห็นเด็กชายตัวน้อยนอนหลับบนเตียง มือกอดหมอนข้างแน่น โธ่... ลูกรัก ตกใจหมดเลย สงสัยน้องไออุ่นคงจะกลับห้องตัวเองก็เลยไม่กล้าล็อกประตู เพราะกลัวจะกลับเข้ามาดูแลน้องไนท์ไม่ได้ วณิชยาระบายรอยยิ้มอ่อนหวานออกมา ทิ้งสะโพกนั่งลงบนขอบเตียงส่งมือไปลูบศีรษะลูกรักแผ่วเบา ใบหน้าแกน่ารักน่าชัง ปากแดง จมูกรั้น ผิวพรรณขาวสวยไม่แพ้เด็กผู้หญิง ยิ่งมองก็ยิ่งหลงรักลูกตัวเอง “นอนเถอะนะคนดี เดี๋ยวคุณแม่จะทำของอร่อยๆ ให้กิน” มื้อเย็นสองคนตามประสาแม่ลูก ชินแล้ว ก็อยู่กันแค่นี้มาตั้งแต่แกลืมตาดูโลก คุณแม่ยังสาวดึงผ้าห่มขึ้นห่มให้ลูกรักอีกนิด กลัวแกจะหนาว โน้มใบหน้าลงไปจูบแก้มแกก่อนจะลุกจากเตียงออกไปข้างนอก ปิดทีวี และนั่งลงเก็บของต่างๆ ใส่ถุง นำของสดมาวางบนเคาร์เตอร์ในห้องครัว แยกออกจากถุง คัดเลือกมาเตรียมทำเมนูอาหารเย็นสำหรับตนเองกับลูก ปราณโทรมาหาหลายครั้งแล้วแต่ไม่ได้รับสาย เพิ่งจะว่างก็ตอนนี้นี่เอง วณิชยาละมือจากการหั่นผัก เดินไปล้างมือ ก่อนมากดรับสาย “สวัสดีค่ะคุณปราณ” หญิงสาววางโทรศัพท์ไว้บนหัวไหล่ ยกขึ้นนิดๆ ให้แนบชิดใบหูพอที่จะคุยไปด้วย และทำอาหารเย็นไปด้วย
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD