หลังจากนั้นไม่นาน เด็กน้อยโคลินก็เริ่มปรับตัวเข้ากับโลกใบใหม่ได้ เครื่องรางกันวิญญาณสามารถป้องกันเขาให้พ้นจากพวกวิญญาณทั่วไปได้บางส่วน บางครั้งเขาจึงจำเป็นต้องเอาชนะพวกที่หลุดเล็ดรอดมาได้ด้วยตัวเอง
ช่วงกลางวัน วิญญาณจะถูกกดพลัง แต่ทันทีที่ดวงอาทิตย์ตกดิน พลังของมันจะค่อย ๆ เพิ่มขึ้นจนถึงขีดสุด
บาทหลวงเซนจึงแนะนำว่าโคลินไม่ควรออกจากบ้านยามค่ำคืนคงจะเป็นทางเลือกที่ดีที่สุด อย่างน้อยที่บ้านก็มีเทียนกำยานกับขวดโหลแก้วบรรจุของศักดิ์สิทธิ์ไว้อยู่
จนกระทั่งกลางดึกคืนหนึ่ง โคลินได้ยินเสียงร้องของหญิงสาวผู้หนึ่งที่อยู่ไม่ใกล้ไม่ไกลนัก เขาเงี่ยหูฟังอยู่สักพักเพื่อดูว่าเป็นเสียงของมนุษย์หรือวิญญาณที่คิดล่อลวงเขาออกไปนอกเขตบ้าน
ครั้นแน่ใจแล้วว่าเป็นเสียงของมนุษย์ จะปล่อยให้เธอเผชิญกับวิญญาณเพียงลำพังคงจะไม่ได้ เขารู้ว่ามนุษย์ที่มองเห็นวิญญาณคือผู้ที่ได้รับเลือก บางทีเธออาจต้องการความช่วยเหลือจากเขาก็เป็นได้
โคลินวัยสิบขวบกำดาบเงินในมือไว้แน่น สองจิตสองใจที่จะออกไปจากเขตบ้าน เสียงของบาทหลวงเซนดังก้องในความคิดเตือนไม่ให้เขาออกไป แต่ก็มีเสียงของบาทหลวงเซนคนเดิมที่บอกว่าหน้าที่ของเขาคือช่วยเหลือมนุษย์จากวิญญาณร้าย
แน่นอนว่านิสัยของโคลินนั้น ไม่อาจเมินเฉยต่อผู้ที่ได้รับความทุกข์ยากได้ เขาจึงเปลี่ยนเป็นร่างวิญญาณแล้ววิ่งเร็วรี่ไปยังต้นเสียง
ทันทีที่ไปถึง โคลินเห็นวิญญาณที่แตกต่างจากเดิม วิญญาณที่หน้าตาและรูปร่างของมันเริ่มเปลี่ยนจากสภาพความเป็นมนุษย์ สีหน้าบิดเบี้ยว ตาปูดโปนถลนออกมานอกเบ้าข้างหนึ่ง ส่งกลิ่นเหม็นสาบไปทั่วบริเวณ
วิญญาณร้ายสามตนรวมกลุ่มกันเพื่อทำลายหญิงสาวผู้นี้ เสียงร้องเจ็บปวดที่เขาได้ยินคงจะเป็นเพราะเธอกำลังถูกพวกมันทิ่มกระดูกอันแหลมคมทะลุโคนต้นขาของเธอ
ด้านข้างมีหญิงสาวอีกคนนอนสลบไสลจมกองเลือด เห็นทีวิญญาณร้ายพวกนี้จะมีพลังสูงพอสมควร
“หนีไป!” หญิงสาวตะโกนบอก คงเพราะไม่อยากให้โคลินต้องมาประสบพบชะตาเดียวกัน
แต่ทว่า โคลินไม่อาจปล่อยให้มันทำร้ายผู้อื่นไปได้มากกว่านั้น มีคนเจ็บรอความช่วยเหลืออยู่ตรงหน้าและวิญญาณพวกนี้ก็มีวี่แววว่าจะไม่หยุดออกล่าในค่ำคืนนี้
ดาบเงินในมือส่องแสงสีขาว เขากำด้ามจับดาบไว้แน่นแล้วพุ่งตัวเข้ามาหาวิญญาณตัวริมสุดก่อน มันจ้องหน้าโคลินราวกับจะกินเลือดกินเนื้อ เสียงประหลาดหวีดดังขึ้นยามที่พวกมันสื่อสารหากัน
โคลินไม่สนใจสิ่งนั้นฟันดาบเล็งไปที่ร่างของวิญญาณร้ายด้วยความเร็วแสง
ฉับ ฉับ ฉับ
กระบวนท่าสังหารที่เขาประยุกต์จากการเรียนศิลปะป้องกันตัวถูกยกมาใช้เพื่อการนี้ไม่เสียเปล่า เพียงพริบตาเดียวร่างวิญญาณร้ายตัวซ้ายก็นอนแอ้งแม้งอยู่บนพื้น
พวกมันสองตัวที่เหลือเริ่มลุกลี้ลุกลน ยิ่งทำให้เสียงประหลาดนั่นดังขึ้น
ทันใดนั้น ตัวที่อยู่ตรงกลางก็วิ่งเข้าไปในร่างของหญิงสาวที่นอนสลบอยู่ เธอยันตัวลุกขึ้นจากพื้น เอียงคอไปทางซ้ายทีขวาทีพลันกลิ้งลูกตากลับไปอีกทาง
“อย่าฟันที่ร่าง เล็งที่วิญญาณข้างใน” เสียงของหญิงสาวอีกคนบอกโคลิน
โคลินที่เพิ่งเคยเจอวิญญาณร้ายไม่เข้าใจความหมายนั้นดีนัก ชะงักมือไว้ครู่หนึ่ง ก่อนจะนับลมหายใจแล้วลองใช้ดาบเงินตวัดกลางอากาศ
แสงสว่างรูปดาบนั้นลอยพุ่งเข้าไปที่ร่างหญิงสาวจนทำให้วิญญาณร้ายกระเด็นออกมา
คราวนี้มันเริ่มโมโหที่โคลินขัดขวางการล่าอาหารมื้อนี้จึงกระโจนเข้ามาหาเข้าพร้อมกันทั้งสองตัว
โคลินยิ้มมุมปากแวบหนึ่งแล้วตั้งท่ารอรับการโจมตี “หวานหมูเลยสิ”
ฉับ ฉับ
เสียงดาบตัดคอวิญญาณร้ายสองตัวในทันใด หากแต่วิญญาณร้ายมีความพิเศษตรงที่มันไม่อาจตายได้หากพลังของผู้สังหารมีไม่มากพอ คอที่ถูกตัดไปแล้วจึงกลิ้งหลุน ๆ กลับมาที่ร่างของตัวเอง
เขาจึงได้รู้ว่าเหตุใดหญิงสาวทั้งสองคนไม่อาจรับมือกับพวกมันได้ ถ้าพวกเธอไม่สามารถทำได้ แล้วเขาล่ะ เดิมทีทำแค่เพียงปัดเป่าวิญญาณรังควาญที่ชอบหลอกหลอนคนให้กลัว แต่นี่วิญญาณร้ายเชียวนะ
หญิงสาวที่มีสติอยู่ ค่อย ๆ ยันตัวลุกขึ้น ต้นขามีเลือดไหลซึมเป็นทางยาวมาจนถึงข้อเท้า เธอฉีกแขนเสื้อมาพันรอบต้นขาเพื่อห้ามเลือดเอาไว้
“ดูแล้วทำตาม!” เธอตะโกนบอกโคลินพลางเรียกดาบเงินของตัวเองออกมาอีกครั้ง
แสงสว่างจากดาบเงินมีอักขระโบราณปรากฏขึ้น แล้วพุ่งตรงไปยังวิญญาณร้ายตัวที่แทงต้นขาของเธอ
วิญญาณตัวนั้นถูกสลักยันต์ให้หยุดนิ่งไม่อาจขยับเขยื้อนได้ก่อนร่างภายในของมันจะบวมขึ้นเรื่อย ๆ จนแตกระเบิด โคลินจึงไม่รอช้าทำตามที่เธอบอกจัดการวิญญาณร้ายอีกสองตัวที่เหลือทันที
เฮ้อ เขาถอนหายใจเฮือกใหญ่ ไม่คิดว่าจะได้เจองานช้าง
“พี่ครับ ไหวไหม” โคลินเอ่ยปากถามพลางเข้าไปช่วยพยุง “เพื่อนของพี่ ทำยังไงดี”
“หยิบขวดแก้วที่อยู่ในกระเป๋าให้ที” เธอชี้ไปที่กระเป๋าเป้สีดำใบเล็กที่ตกอยู่ข้างหลัง
ทันทีที่ยื่นขวดใบนั้นให้หญิงสาว เธอก็เทน้ำสีใสระยิบระยับใส่ปากของเพื่อนที่สลบอยู่ จากนั้นยกดื่มเองจนหมดขวด
บาดแผลบนร่างของทั้งสองเริ่มสมานกันทีละนิดเพราะการต่อสู้เมื่อครู่คือการต่อสู้ในร่างวิญญาณ ฉะนั้นแล้วบาดแผลที่โคลินได้เห็นคือบาดแผลที่มีผลต่อวิญญาณของเธอ
“บาดเจ็บตรงไหนหรือเปล่า” หญิงสาวมองดูร่างกายของโคลินแล้วไม่พบร่องรอยใดแต่ก็ถามไถ่ออกไปเพื่อความแน่ใจ
“ไม่ครับ”
หญิงสาวคนนี้เพิ่งจะเคยเห็นว่ามีการ์เดี้ยนอายุน้อยขนาดนี้ด้วย “พลังตื่นขึ้นนานหรือยัง” เธอถามด้วยความสงสัยรู้ว่าเด็กน้อยตรงหน้าคงจะมีความพิเศษหลายอย่างซ่อนอยู่
“ตั้งแต่ห้าขวบครับ” โคลินตอบตามตรง
ขณะที่ทั้งสองกำลังพูดคุยกัน เพื่อนของหญิงสาวก็ได้สติ ลืมตาสะลึมสะลือมองคนทั้งคู่ พลางพูดว่า “นึกว่าจะไม่รอดแล้ว”
และแล้ววันนั้นโคลินก็ได้รู้ว่าเขาไม่ได้ต่อสู้เพียงลำพัง ยังมีการ์เดี้ยนอีกหลายคนที่กำลังรับผิดชอบต่อหน้าที่ของตัวเองไม่ให้ขาดตกบกพร่อง
ภายภาคหน้าอาจจะต้องเผชิญหน้ากับวิญญาณร้ายพวกนี้อีก และมีมนุษย์มากมายรอความช่วยเหลืออยู่ เขาไม่อาจหลบซ่อนตัวอยู่ในเขตบ้านได้อีกแล้ว
นับตั้งแต่นั้นมาโคลินจึงเรียนรู้วิธีจัดการกับพลังของตัวเองและฝึกฝนการใช้ดาบเงินให้คล่องมือ
ด้วยความเป็นเด็ก โคลินจึงได้รับหน้าที่ปกป้องเขตสิบสามซึ่งก็คือละแวกบ้านและโรงเรียนของเขา
ทว่า เขตสิบสามกลับไม่มีวิญญาณร้ายตัวไหนกล้าเข้าใกล้ โคลินจึงนอนหลับสบายยามค่ำคืนโดยไม่ต้องปะทะกับใคร
คืนนี้ก็เช่นกัน เขาไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่าช่วงคาบเกี่ยวเริ่มขึ้นแล้ว
เงามืดปรากฏตัวขึ้นในห้องนอนของเขาอย่างเงียบ ๆ จ้องมองโคลินที่กำลังนอนกอดหมอนข้างสบายอารมณ์ตลอดทั้งคืนจนรุ่งสาง