ตอนที่ 3 เหวินฉางเทียนจวิน /2

3792 Words
เทือกเขาจันทรา  เหนือเทือกเขาบริเวณแผ่นฟ้าบนสวรรค์เก้าชั้นฟ้า ท่ามกลางจันทราดวงใหญ่กลมโต ปรากฏมังกรขาวตัวใหญ่ขนาดมหึมากำลังบินวนรอบดวงจันทรา ก่อนจะพุ่งหลาวลงมาบินวนรอบเทือกเขาไปมาอยู่เพียงครู่ ฉับพลันก็ถลาลงดิ่งสู่เบื้องล่างของยอดเขาจันทราทันที “พรึ่บ!!!”มังกรขาวขนาดมหึมาแปรเปลี่ยนเป็นเทพเซียนผู้ยิ่งใหญ่ ฉลองพระองค์นักรบจากแดนสวรรค์สีเทารมดำทะมึนขับกับพระเกศาสีดำดั่งนิลและพระเนตรสีทองอร่ามหวานซึ้ง พระพักตร์งามทอดพระเนตรตรงไปที่ปากทางเข้าถ้ำอันเป็นเขตหวงห้าม ซึ่งภายในนั้นมีศิลาสวรรค์ตั้งอยู่ วรองค์สูงใหญ่ งามสง่าผึ่งผายพระดำเนินเข้าไปในถ้ำดังกล่าวอย่างรวดเร็ว ครั้นมาถึงใจกลางของถ้ำลึกเข้าถึงแก่นของเทือกเขาปรากฏเสียงของเทพจันทราดังแทรกขึ้นมาโดยพลัน “เหตุใดเจ้าจึงเลินเล่อเช่นนี้ต้าหลง พลังปราณเทพปฐพีมิอาจเดินร่วมกับพลังปราณเทพสวรรค์ได้ เจ้ายังมิได้ฝึกฝนถึงขั้นนั้น เหตุใดจึงหลงลืมในสิ่งที่ข้าเคยสั่งสอนเจ้าเอาไว้ หากคู่บุพเพของเทพเซียนจะต้องใช้พลังลมปราณเทพขั้นที่ 9 กับพลังลมปราณเทพปฐพีขั้นที่ 8 ก็เพียงพอแล้ว ไม่มีความจำเป็นที่จะต้องเดินลมปราณเทพสวรรค์แม้แต่น้อย”เทพจันทราตำหนิศิษย์เอกจนเจ้าตัวหน้าเสีย ได้แต่ก้มหน้ามองพื้นนิ่ง “กระหม่อมผิดไปแล้วพ่ะย่ะค่ะ ได้โปรดลงโทษด้วยเถิดที่กระทำการประมาทเลินเล่อ ทำให้องค์เทียนจวินทรงไร้สิ้นคู่บุพเพและสูญสิ้นวาสนาต่อกัน เมื่อกระหม่อมทำผิดพลาดเช่นนี้จะมีวิธีใดแก้ไขให้คู่วาสนากลับคืนมาดั่งเดิมได้บ้างพ่ะย่ะค่ะ”เทพหนุ่มกล่าวอย่างสำนึกผิด “เฮ้อ!”เทพจันทราถอนพระทัยออกมาเฮือกใหญ่เมื่อทรงได้ยินเช่นนั้น “ลิขิตสวรรค์กำหนดให้เหวินฉางพานพบคู่บุพเพวาสนา แต่กาลกลับกลายเป็นไร้สิ้นวาสนาต่อกัน ปรากฏให้มีเหตุพลัดพรากขึ้นอย่างไม่คาดฝันเมื่อเป็นเช่นนี้ก็ต้องยอมรับในโชคชะตา ทว่าก็มิได้หมายความว่าจะแก้ไขลิขิตนี้ไม่ได้เสียทีเดียว”เทพจันทรารับสั่งกับศิษย์รัก “แต่ข้าไม่ต้องการ!!!”สุระเสียงทุ้มน่าฟังหากแต่เต็มไปด้วยอำนาจอันยิ่งใหญ่เหลือประมาณ ดังแทรกขึ้นมาทันที เทพจันทราหันกลับไปทอดพระเนตรต้นเสียงดังกล่าวทันใด “เหวินฉาง!นั่นเจ้าเองหรอกรึ!”เทพจันทรารับสั่งถามกลับไปทันที เมื่อจอมเทพผู้ยิ่งใหญ่ปรากฏพระวรกายภายในถ้ำของเทือกเขาจันทรา เทียนจวินรูปงามก้มพระพักตร์ลงเพียงนิดเมื่อเทพจันทราถามกลับไป “เป็นข้าเองที่เข้ามาหาท่านถึงในที่นี้”รับสั่งพร้อมปรายสายพระเนตรไปทางเทพหนุ่มหน้ามนที่รีบก้มหน้ามองพื้นทันทีที่พระองค์ทอดสายพระเนตรมาทางตน “โอ้ยยยย!แม้ตาจะหวานซึ้ง หน้าจะหล่อเหลาดั่งรูปสลักแต่เหตุไฉนจึงทำให้ข้าหวาดกลัวจนขนลุกไปทั่วตัวเช่นนี้ได้เล่า เทียนจวิน ช่างน่ากลัวเสียนี่กระไรในท่าทีที่แสนจะเย็นชาเช่นนี้”เทพหนุ่มรำพึงอยู่ภายในใจก่อนจะได้ยินเสียงของเทพจันทราเอ่ยแทรกขึ้น “เจ้าคิดดีแล้วหรอกรึเหวินฉางที่จะมิยอมผูกวาสนากับคู่บุพเพ ทั้งที่บังเกิดขึ้นเป็นครั้งแรกและครั้งเดียวในรอบหลายแสนปีที่ผ่านมา”เทพจันทรารับสั่งถามกลับไปเพื่อความแน่ใจ องค์เทียนจวินรูปงามพยักพระพักตร์ขึ้นลงติดๆ กัน วงองค์พระดำเนินตรงไปที่ศิลาสวรรค์ก่อนจะทอดพระเนตรรายนามคู่บุพเพเหล่าเทพเซียนซึ่งปรากฏอยู่บนศิลาสวรรค์ ทว่าพระองค์กลับมิมีโอกาสได้ทอดพระเนตรพระนามของพระองค์กับคู่บุพเพวาสนาว่ามีชื่อเสียงเรียงนามว่ากระไร พระนามของพระองค์และคู่วาสนาเลือนหายไปโดยพลันทันที่ที่หยกจันทราและด้ายแดงผูกวาสนาแตกหักและขาดออกจากกัน “ข้ามิต้องการผูกวาสนากับผู้ใดทั้งนั้นเยว่เทียน เพราะนับแต่นี้ต่อไปเบื้องหน้า ข้าจะต้องดับขันธ์เพื่อเปิดผนึกศิลาสวรรค์นำไปปราบคางค่ายให้จบสิ้นเสียที อย่ารั้งให้คู่วาสนาที่สวรรค์ลิขิตมารอข้าอยู่เลยไม่มีประโยชน์แต่อย่างใด อีกทั้งข้าก็มิได้ยินดียินร้ายกับความรักแม้แต่น้อย ผูกวาสนาให้ก่อเกิดจะพัวพันข้าไปทุกชาติภพเป็นสิ่งที่น่ารำคาญสำหรับข้าเสียมากกว่าจะเป็นสิ่งดี”รับสั่งอย่างไม่ยินดียินร้ายอะไรทั้งสิ้น เทพจันทราทรงยืนนิ่งเมื่อได้ยินเทียนจวินรูปงามรับสั่งเช่นนั้นออกมา “วาสนาก่อเกิดบนศิลาสวรรค์แม้มิได้ร้อยรัดด้วยแผ่นหยกจันทราและด้ายแดงบุพเพให้ได้พานพบและครองรักกันแล้วไซร้ก็ตามที แต่เมื่อสวรรค์ลิขิตกำหนดมาให้แล้วนั้น ก็คงแล้วแต่โชคชะตา” พระโอษฐ์หยักได้รูปสวยค่อยๆ คลี่ยิ้มออกมาบางๆ ภายใต้กรอบพระพักตร์ที่เย็นชาเมื่อทรงได้ยินเช่นนั้น “แต่โชคชะตาของข้านับจากนี้ต่อไปเบื้องหน้าจำต้องหยุดอยู่เพียงแค่นี้เสียแล้ว เพราะที่ข้ามาวันนี้ก็เพราะจะร่ายเวทย์เปิดผนึกศิลาสวรรค์เพื่อทำลายคางค่ายและกองทัพมารให้จบสิ้นเสียที” เทพจันทราทรงยืนนิ่งงันไปชั่วขณะอีกครั้งเมื่อได้ยินเช่นนั้น “คิดดีแล้วรึเหวินฉาง”ท่านผู้เฒ่าถามกลับไปโดยพลัน “ข้าคิดดีแล้ว และที่มาวันนี้ก็เพื่อฝากให้ท่านผู้เฒ่าช่วยกันดูแลซือไฮ่ปาฮวงรวมไปถึงสามโลกและ 6 พิภพทั้งหมดร่วมกับเฟิ่งเหมียน เมื่อข้าดับขันธ์ไปแล้ว ข้าได้มอบตำแหน่งเทียนจวินให้เฟิ่งเหมียนปกครองเมื่อข้าจากไป เพราะฉะนั้นต้องลำบากท่านแล้วที่จะต้องเข้ามาช่วยดูแลเฟิ่งเหมี่ยนอีกแรง ทั่วทั้งสวรรค์ก็มีแต่ท่านกับเฟิ่งเหมียนเท่านั้นที่มีลำดับอาวุโสสูงสุด อีกทั้งท่านเองก็เคยปกครองซือไฮ่ปาฮวงมาก่อนข้า ย่อมสามารถดูแลดินแดนสวรรค์นี้ได้ทั้งหมด”เทียนจวินรูปงามสั่งเสียยืดยาว เทพจันทราคลี่แย้มพระโอษฐ์ออกมาบางๆ เต็มไปด้วยความเมตตาราวกับล่วงรู้ว่า เบื้องหน้าเทียนจวินรูปงามจะทรงมีชะตาออกมาเป็นเช่นไร “หากคิดทบทวนดีแล้วข้าก็จะไม่คัดค้านเจ้าแต่ประการใด ลิขิตสวรรค์มิได้ขีดเส้นให้เจ้าจบสิ้นเพียงแค่นี้หรอกเชื่อข้าสิ”รับสั่งของเทพจันทราแฝงเร้นความนัย พร้อมผายพระหัตถ์ไปยังศิลาสวรรค์ที่อยู่ตรงเบื้องหน้า “ญาณตบะขั้นที่ 9 ของเจ้าอุตสาห์บำเพ็ญเพียรมานานนับแสนปี จะต้องมลายหายไปภายในจันทราเดียวช่างน่าเสียดายยิ่งนัก แต่เอาเถอะผู้บรรลุญาณตบะขั้นสูงจำต้องมีเหตุที่ต้องเสียสละเช่นนี้ทุกครา”เทพจันทราเอ่ยเป็นปริศนา เทียนจวินรูปงามก้มพระพักตร์ให้เทพจันทราเพียงนิดเป็นการให้ความเคารพผู้อาวุโสกว่า พระพักตร์หล่อเหลาหันกลับไปเผชิญหน้ากับศิลาสวรรค์ที่ตั้งตระหง่านอยู่ตรงหน้าพระพักตร์ในขณะนี้ เทียนจวินรูปงามเริ่มร่ายเวทย์พร้อมใช้ตบะญาณที่ 9 ทำการเปิดผนึกศิลาสวรรค์ให้แยกออกจากกันทันที “ครืนนนนน!!!!”เทือกเขาจันทราสั่นสะเทือนเลื่อนลั่นประหนึ่งถูกคนจับโยกคลอนไปมา พลังปราณเทพเจ้าจากตบะญาณที่ 9 สาดแสงทะลวงศิลาขนาดใหญ่เบื้องหน้าจนแยกออกจากกันเป็นผลสำเร็จ แท่งหยกจันทราที่ปักอยู่บนแท่นหินลอยเคว้งคว้างออกมาจากศิลาสวรรค์ก่อนจะลอยละลิ่วตรงดิ่งไปที่เทียนจวินรูปงามอย่างรวดเร็ว เหวินฉางเทียนจวินในร่างของเทพบรรพกาลผู้งดงามกลายร่างเป็นมังกรขาวขนาดมหึมา อ้าปากกลืนแท่งหยกจันทราเอาไว้ในปาก ก่อนจะโจนทะยานไต่ขึ้นไปบนปล่องถ้ำด้านบนพุ่งตัวออกไปจากเทือกเขาจันทราตรงดิ่งไปยังเทือกเขาจวินจี้อย่างรวดเร็ว ท่ามกลางสายพระเนตรของเทพจันทราซึ่งแหงนพระพักตร์ทอดพระเนตรตามหลังมังกรขาวผู้เป็นใหญ่บนสรวงสวรรค์และสามโลก และทันทีที่ศิลาสวรรค์ถูกเปิดผนึกออก เวทย์แห่งบรรพกาลเริ่มทำหน้าที่ทันที ดวงดาวบนแผ่นฟ้านับหมื่นพันล้านดวงปรากฏขึ้นล้อมรอบดวงจันทรากลมโตที่ลอยเด่นอยู่ติดกับเทือกเขา ต่างพร้อมใจตกลงสู่เบื้องล่างมุ่งไปสู่ทิศประจิมและทิศทักษิณอันเป็นที่ตั้งของเผ่าพันธุ์ปีศาจจอมมารคางค่าย ดินแดนทั้งสองกำลังจะถูกทำลายด้วยเวทย์บรรพกาลจากแท่งหยกจันทราที่กำลังมุ่งหน้าไปยังเทือกเขาจวินจี้อยู่ในขณะนี้ ในขณะเดียวกัน บริเวณเทือกเขาจวินจี้ กองทัพสวรรค์และกองทัพปีศาจกำลังปะทะเข้าหากันอย่างดุเดือด กิเลนไฟยักษ์มากมายหลายตัวต่างพ่นไฟสังหารกองทัพสวรรค์จนต้องเป็นฝ่ายตั้งรับ ก่อนจะบุกตีกระนาบเข้าอีกครั้งเมื่อทัพสวรรค์จากทิศประจิมและทัพสวรรค์จากทิศทักษิณถอนทัพกลับมารวมตัวช่วยกันดันทัพหน้าอย่างพร้อมเพรียงกัน ทันใดนั้นเองมังกรขาวขนาดมหึมาก็ปรากฏอยู่เหนือสมรภูมิรบระหว่างเทพกับมาร พร้อมกับดาวตกนับพันหมื่นล้านดวงกำลังร่วงหล่นจากแผ่นฟ้าเบื้องบน จนผู้อยู่เบื้องล่างต่างแหงนหน้ามองกันถ้วนทั่วทุกตัวตน “เทพศาสตราแหงนพระพักตร์ทอดพระเนตรบนแผ่นฟ้าเบื้องบนทันที ครั้นเห็นมังกรขาวขนาดมหึมาคายแท่งหยกจันทราออกจากปาก พระสุระเสียงตะโกนก้องบัญชาการออกไปโดยพลัน “36 ขุนพล!ตั้งค่ายหยกพิฆาตมาร!!!” ครั้นเหล่าแม่ทัพสวรรค์ได้ยินสุระเสียงรับสั่งเช่นนั้น พลันตะโกนก้องสั่งการกองทหารออกไปทันใด “ตั้งค่ายยกพิฆาตมาร!!!”เหล่า 36 ขุนพลตะโกนบัญชาทัพสวรรค์ดังกึกก้อง ทัพสวรรค์ต่างแยกย้ายลอยละลิ่วขึ้นเหนือพื้นจนอยู่บนแผ่นฟ้าเบื้องบน ก่อนจะเดินลมปราณระดับเทพเซียน ขั้น 9 ร่ายเวทย์เกราะป้องกันภัยปกคลุมเทือกเขาจวินจี้และแผ่เกราะป้องกันสวรรค์เก้าชั้นฟ้าปกคลุมไปทั่วอาณาบริเวณทั้งสามโลกและ 6พิภพ พร้อมๆ กับแท่งหยกจันทราพลันร่วงหล่นจากฟ้าปักลงสู่พื้นดิน ติดตามด้วยแรงสั่นสะเทือนเลื่อนลั่นพลันบังเกิดขึ้นตามติดมา “ครืนนนนนน!!!!”แผ่นดินเบื้องล่างสั่นไหวก่อนจะเริ่มเคลื่อนตัวอย่างรุนแรง แผ่นดินเริ่มแยกออกจากกันพร้อมแรงสั่นสะเทือน มังกรขาวซึ่งก็คือองค์เทียนจวินหมุนตัวคว้างลงสู่เบื้องล่างกลายเป็นมหาเทพผู้ยิ่งใหญ่ ก่อนจะทรงร่ายเวทย์จากตบะขั้นที่ 9 เรียกหมู่ดาวนับพันหมื่นล้านดวงถล่มทิศประจิมและทิศทักษิณทันที “ฟิ้ววววว!!!!”ดวงดาวมากมายร่วงหล่นจากฟากฟ้า มุ่งหน้าสู่ทิศประจิมและทิศทักษิณอันเป็นดินแดนของหมู่มารและลูกสมุนของจอมมารคางค่าย “ตูมมมม!!!”ดวงดาวนับพันหมื่นล้านดวงถล่มทิศประจิมและทิศทักษิณจนย่อยยับพังพินาศเป็นหน้ากอง ทั่วทั้งดินแดนเต็มไปด้วยเปลวเพลิงแห่งโลกันตร์ ลุกโชนจนท่วมสูงปะทะเกราะเวทย์ป้องกันที่ทัพสวรรค์ร่ายเวทย์ป้องกันมิให้เพลิงโลกันตร์แผ่ขยายออกเป็นวงกว้างจนสะเทือนไปถึงสามโลกและ 6พิภพ หากแต่ชีวิตของเหล่ามารและปีศาจนับหลายแสนชีวิตได้สูญสลายไปโดยพลันดวงจิตแตกดับไปทันที ท่ามกลางอาการตกตะลึงของจอมมารคางค่าย เมื่อได้ทอดพระเนตรเผ่าพันธุ์มารสูญสลายไปชั่วพริบตา ในขณะที่องค์ชายชิงซานพระโอรสองค์โตของจอมมารถึงกับเข่าอ่อนทรุดฮวบลงไปกับพื้นทันทีเมื่อดินแดนทางทิศประจิมและทักษิณถูกทำลายมิเหลือสิ้น “เสด็จพ่อ!เผ่าพันธุ์มารมิเหลือสิ้นแล้ว!พังพินาศย่อยยับ แตกดับทุกตัวตน ทรงทอดพระเนตรสิพ่ะย่ะค่ะ เสด็จแม่กับพระอนุชาและพระขนิษฐาของข้าล้วนแตกดับไปจนหมดสิ้น เผ่าพันธุ์มารของเรานับหลายแสนต้องจบชีวิตลงไปชั่วพริบตา”ชินซางร่ำร้องคร่ำครวญด้วยความโศกเศร้าเสียใจอย่างยิ่งยวด ฉับพลันด้วยความแค้นอย่างล้นเหลือ มารหนุ่มแหงนหน้ามองจอมเทพผู้ยิ่งใหญ่ ที่กำลังร่ายเวทย์ถล่มทิศประจิมและทักษิณอย่างไม่สะทกสะท้านกับชีวิตที่ต้องล้มตายลงนับหลายแสนชีวิตอยู่ในขณะนี้ “เหวินฉาง!เจ้าช่างเหี้ยมโหดยิ่งนัก ผลาญคร่าชีวิตนับหลายแสนไปเยี่ยงนี้ นี่หรือเทพเจ้าจากสวรรค์เก้าชั้นฟ้ามันก็ไม่แตกต่างจากมารดีๆ นี่เอง!”ชินซางก่นด่ากราดมหาเทพอย่างไม่เกรงกลัว หากแต่ยังมิทันกล่าวสิ่งใดผู้เป็นพ่อกระชากร่างให้หันกลับมาทันที “เจ้าจงรีบหนีไปเสียชินซาง!ตอนนี้แม้แต่ข้าเองก็อาจจะไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเหวินฉางอีกต่อไปแล้ว หากขืนเจ้ายังอยู่จะต้องสิ้นชีพร่างตกตายหมื่นเรื่องสิ้น ดวงจิตแตกดับไปเช่นกัน” “เหตุใดจึงมีรับสั่งเช่นนั้น ด้วยญาณตบะขั้นที่ 8 ของเสด็จพ่อจะมิสามารถต้านเวทย์บรรพกาลของเหวินฉางได้อย่างนั้นหรอกหรือพ่ะย่ะค่ะ”มารหนุ่มรับสั่งถามกลับไปทันที จอมมารคางค่ายส่ายพระพักตร์ไปมาติดๆ กันพร้อมมีรับสั่งตอบกลับไป “ผู้ที่สามารถร่ายเวทย์บรรพกาลของเทพบิดรนี้ได้ จะต้องได้ญาณตบะขั้นที่ 9 จึงจะสามารถเปิดค่ายกลหยกพิฆาตมารจากบรรพกาลที่แสนจะเหี้ยมโหดเพื่อทำลายล้างเผ่าพันธุ์มารและปีศาจ ในเวลานี้แม้แต่ข้าเองก็มิแน่ใจว่าจะต้านเหวินฉางได้หรือไม่ แต่เพื่อป้องกันเอาไว้ก่อน เจ้าเป็นโอรสองค์โตของข้าจงรีบหนีไปยังทะเลประจิม น้าหญิงของเจ้ายังอยู่”จอมมารคางค่ายกล่าวสั่งเสีย “เสด็จพ่อ!เหตุใดจึงให้ข้าหนีไปใยจึงไม่หนีไปด้วยกัน!”ชินซางยังคงยืนกรานมิทำตามคำสั่งอยู่เช่นนั้น “หยุดเดี๋ยวนี้!ข้าบอกให้เจ้ารีบหนีไปก็จงไปเสีย! เจ้าเพียงผู้เดียวเท่านั้นที่จะทำให้ข้าหวนกลับคืนมาได้อีกครั้ง วิธีทำให้ผู้ที่ถูกค่ายกลหยกพิฆาตมารหวนกลับมามีชีวิตได้อีกครั้ง อยู่ที่สะดือทะเลประจิมน้าหญิงของเจ้าจะนำทางไป!!!” “แต่ว่าเสด็จพ่อ!!!”องค์ชายชิงซานยังมิวายที่จะรบเร้า ก่อนจะได้ยินเสียงจอมมารกล่าวสำทับ “หยุด!! หากข้าหนีไปพร้อมกับเจ้า ทะเลประจิมก็จะมีจุดจบเช่นเดียวกับเผ่ามารในวันนี้ รอดวันนี้ยังสามารถกลับมาแก้แค้นคืนได้อีก ไม่ว่ากาลเวลาจะผ่านไปกี่พันหรือจะกี่หมื่นปีหรือกี่แสนปีก็ตาม ข้าก็จะต้องได้กลับมา!” สิ้นเสียงรับสั่งจอมมารคางค่ายร่ายเวทย์ผลักโอรสองค์โตเข้าสู่กงล้อแห่งกาลเวลาดำดินพาองค์ชายชิงซานเสด็จเล็ดรอดหนีออกไปทางทิศเหนือ ซึ่งแผ่นดินมิได้แยกออกตรงจุดนั้นเพียงเสี้ยวก่อนจะเลือนหายไปออกจากค่ายกลหยกพิฆาตมารเป็นผลสำเร็จ ทันใดนั้นเอง แผ่นดินที่เริ่มแยกออกค่อยๆ สูบเหล่ามารที่มีมากมายเป็นเรือนแสนตกลงไปเบื้องล่างทันที ในขณะที่เหวินฉางเทียนจวินเริ่มร่ายเวทย์ปรากฏไฟโลกันตร์เผาผลาญหมู่มารจนส่งเสียงร้องครวญครางดังก้องระงม ท่ามกลางสายตาของบรรดาทัพสวรรค์ที่ได้เห็นค่ายกลจากบรรพกาลที่แสนจะเหี้ยมโหดเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่จุติบนสรวงสวรรค์ จอมมารคางค่ายหน้าสั่นระริกขึ้นมาทันที ก่อนจะร่ายเวทจนปรากฏดาบง้าวขนาดยาว พร้อมกระโดดตวัดดาบดังกล่าวลอยขึ้นสูงเหนือพื้นพร้อมชี้ดาบไปที่พระพักตร์ของจอมเทพผู้ยิ่งใหญ่ “คิดหรือว่าเจ้าจะสามารถทำลายข้าได้เหวินฉาง! เจ้าฆ่าล้างเผ่าพันธุ์มารของข้าช่างเหี้ยมโหดอำมหิตยิ่งนัก!ไร้สิ้นจิตสำนึกสิ้นดี!”จอมมารก่นด่ากลับไป “จิตสำนึกเป็นอย่างไรข้าไม่รู้จัก รู้แต่เพียงว่าขี้เกียจที่จะมาเล่นกับเจ้าแล้ว เวลานับแสนปีที่ผ่านมาเล่นพอแล้วสมควรจบสิ้นลงในวันนี้เสียที!”รับสั่งตอบกลับไปอย่างไม่สะทกสะท้าน “ข้าก็อยากรู้เช่นกันว่าเจ้าจะใช้วิธีอะไรทำลายข้าเหวินฉาง!”จอมมารคางค่ายตะโกนก้องพร้อมร่ายเวทย์โยนดาบง้าวที่อยู่ในมือจนแยกออกนับล้านเล่ม พุ่งตรงเข้าหาทัพสวรรค์ที่กำลังร่ายเวทย์ป้องกันดินแดนสวรรค์เก้าชั้นฟ้าและป้องกันไฟโลกันตร์เล็ดรอดออกไปจนกระทบถึงสามโลกและ6พิภพ เหวินฉางเทียนจวินร่ายเวทย์ดึงหยกจันทราออกจากพื้นดิน ก่อนจะแปรรูปเปลี่ยนเป็นกระบี่หยก ลอยคว้างขึ้นเหนือพื้นก่อนจะแผ่เกราะป้องกันไปทั่วแดนดินจนทำลายดาบมารสลายไปชั่วพริบตา “พรึ่บ!”ดาบมารนับล้านเล่มสูญสลายหายไปต่อหน้าต่อตาของคางค่าย ใบหน้าของจอมมารสั่นไหวระริก เมื่อไม่สามารถแหกค่ายกลหยกพิฆาตมารนี้ได้แม้แต่น้อย ครั้นมองไปยังเบื้องล่างเห็นบรรดาทัพสมุนตกอยู่ในเพลิงโลกันตร์ประหนึ่งกำลังตกอยู่ในหุบเหวของปรภพก็มิปาน จอมมารร่ายเวทย์ใช้วิชาลับสุดยอดของตนออกมาทันที “วันนี้ไม่เจ้าหรือข้าจะต้องแตกดับกันไปข้างหนึ่ง!”คางค่ายตะเบ็งเสียงตวาดกึกก้องอย่างคั่งแค้น คางค่ายใช้พลังเวทย์แยกร่างของตนออกมาตั้งค่ายมาร 8 ทิศ ซึ่งร่างที่แยกออกมามีพลังมารเทียบเท่าร่างจริงทุกประการ จุดประสงค์เพื่อทำลายดินแดนทั้ง 8 ทิศโดยใช้ดวงจิตของตัวเองเข้าแลก ร่างทั้ง 8 ทิศร่ายเวทย์เบิกฟ้าถล่มปฐพีในขณะที่ร่างจริงร่ายเวทย์เพื่อเบิกฟ้าถล่มแดนสวรรค์เพลิงโลกันตร์พุ่งกระจายไปทั่วทั้ง 8 ทิศทันใด ครั้นเหวินฉางเทียนจวินทอดพระเนตรเพลิงโลกันตร์ทั้ง 8 ทิศเพื่อเบิกฟ้าถล่มปฐพีก็ล่วงรู้โดยพลันว่า คางค่ายใช้ดวงจิตของตนทั้งหมดหวังทำลายค่ายกลหยกพิฆาตมารนั่นเอง ร่างจริงของจอมมารร่ายเวทย์เจาะทะลุค่ายสวรรค์เก้าชั้นฟ้าหวังจะเหยียบดินแดนสวรรค์ให้พังพินาศราบเป็นหน้ากอง “ค่ายประตูสวรรค์เก้าชั้นฟ้าใกล้แตกแล้ว!”ทัพสวรรค์ที่กำลังร่ายเวทย์ป้องกันดินแดนสวรรค์เก้าชั้นฟ้าตะโกนก้องออกมาทันที เมื่อพลังเวทย์เบิกฟ้าถล่มปฐพีของจอมมารกำลังเจาะเกราะป้องกันเพื่อทำลายสวรรค์เก้าชั้นฟ้า “เปรี้ยะ!”ค่ายสวรรค์เก้าชั้นฟ้าเริ่มปริแตก ทันใดนั้นเอง “พรึ่บ!”เพลิงโลกันตร์ทะลุเกราะค่ายสวรรค์เก้าชั้นฟ้าได้เป็นผลสำเร็จ เปลวเพลิงพุ่งทำลายดินแดนสวรรค์ลุกไหม้โหมกระพือทางด้านทิศตะวันออกจนวอดวาย จอมเทพแย้มพระโอษฐ์ออกมาบางๆ เมื่อจอมมารคางค่ายปรากฏตัวจริงให้พระองค์ได้ทอดพระเนตร นั่นก็เท่ากับว่าคางค่ายหลงกลศึกของพระองค์เข้าให้อย่างจังนั้นเอง จอมเทพเริ่มร่ายเวทย์จากตบะขั้นที่ 9 ใช้หยกจันทราดูดเพลิงโลกันต์ทั้ง 8 ทิศเข้าไปในหยกทันที “พรึ่บ!”พลังเวทย์ของจอมมารคางค่ายถูกหยกจันทราดูดกลืนเข้าไปอย่างรวดเร็ว ร่างที่แยกออกจากร่างจริงค่อยๆ ถูกดูดกลืนเข้าไปภายในหยกจนกระทั่งเหลือร่างจริงของจอมมาร “หมดเวลาเล่นสนุกแล้วคางค่าย!”เทียนจวินรูปงามรับสั่งอย่างเหี้ยมเกรียม “เจ้าไม่มีทางทำลายข้าได้หรอกเหวินฉาง! ไม่มีวัน!”จอมมารใช้พลังเวทย์ต้านอำนาจหยกจันทราจนสุดฤทธิ์ พลังเวทย์แสงสีแดงเพลิงแห่งโลกันตร์ของจอมมารปะทะเข้ากับพลังเวทย์สีทองของเหวินฉางเทียนจวิน จนบริเวณรอบข้างสั่นสะเทือนไปหมด ผืนฟ้าเบื้องบน แผ่นดินเบื้องล่าง ประหนึ่งกำลังถูกมือคนจับโยกคลอนจนสะเทือนเลื่อนลั่นไปทั่วผืนปฐพี เทือกเขาจวินจี้เริ่มเคลื่อนตัวไหวรุนแรงมากขึ้น ในขณะที่โลกมนุษย์เบื้องล่างต่างกำลังแหงนหน้ามองดูท้องฟ้าเบื้องบน ที่บัดนี้พลังเวทย์โลกันตร์ของจอมมารและพลังเวทย์บรรพกาลของเหวินฉางเทียนจวินกำลังปะทะกันอย่างรุนแรง จนเห็นเป็นอัศนีบาตสายฟ้าฟาดรุนแรง ผ่าลงกลางเทือกเขาสูงอยู่ตลอดเวลา มนุษย์เบื้องล่างต่างพากันเบิกตากว้าง เมื่อเพียงชั่วพริบตาปรากฏมังกรขาวขนาดมหึมากำลังพ่นไฟออกจากปากเพื่อเผาผลาญทำลายล้างศัตรูตรงหน้าอยู่ในขณะนี้ สร้างความตื่นตระหนกให้แก่โลกมนุษย์เป็นยิ่งนัก จอมมารคางค่ายใช้พลังเวทย์เกือบจะแทบทั้งหมด จนกระทั่งต้องก้าวถอยหลังเพื่อตั้งหลักยึดให้แก่ตนอีกครา ทว่าไม่มีครั้งต่อไปเสียแล้ว พระเนตรสีทองอร่ามหวานซึ้งใช้จังหวะที่จอมมารก้าวถอยหลังดันพลังเวทย์ของพระองค์จนปะทะเข้าร่างคางค่ายเข้าอย่างจัง “พรึ่บ!”ร่างของจอมมารแตกสลายมิเหลือเถ้าธุลีไปในบัดดล ดวงจิตแตกดับไปโดยพลันเพียงชั่วพริบตา ทุกสิ่งทุกอย่างสูญสลายหายไปทันที จอมมารคางค่ายบัดนี้ดวงจิตแตกดับมิเหลือสิ้น ไม่เว้นแม้กระทั่งเทพผู้เป็นใหญ่จากสวรรค์เก้าชั้นฟ้า พระวรกายของมหาเทพผู้เป็นใหญ่ ค่อยๆ เลือนหายไปจากสมรภูมิรบ ณ เทือกเขาจวินจี้เช่นเดียวกัน พระองค์ดับขันธ์ไปพร้อมกับหยกจันทราของวิเศษที่ใช้สำหรับทำลายล้างและสรรสร้างสรรพสิ่งให้กับทั้งสามโลก “เหวินฉาง!!!”เทพศาสตรารับสั่งตะโกนก้องเพรียกหามหาเทพผู้เป็นสหายรัก “ฝ่าบาท!!!”เหล่าทัพสวรรค์ร้องเรียกหาองค์เทียนจวินดังก้องไปทั่วเทือกเขาจวินจี้ ทั่วทั้งบริเวณเต็มไปด้วยความโศกเศร้าอย่างยิ่งยวดเมื่อได้เห็นการดับขันธ์ของเทพบรรพกาลองค์สำคัญต้องแตกดับไปต่อหน้าต่อตา เพื่อแลกกับความสงบสุขของดินแดนซือไฮ่ปาฮวงทั้งหมด ตลอดจนถึง 6 พิภพและ 3โลก
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD