ตอนที่ 2 เหวินฉางเทียนจวิน/1

2468 Words
ซือไฮ่ปาฮวง ซือไฮ่ปาฮวงคือดินแดนของเหล่าเทพเจ้า อันประกอบไปด้วย สายเลือดมังกร ปกครองอยู่บนสรวงสวรรค์ 9 ชั้นฟ้าทิศอุดรและทะเลทั้ง 4 สายเลือดจิ้งจอกเก้าหาง ปกครอง 5 ดินแดน อันได้แก่ อาคาเนย์ หรดี อีสาน พายัพและบูรพา นอกจากนี้ยังมีสายเลือดหงส์ที่เป็นเทพบรรพกาลเช่นเดียวกับสายเลือดมังกรและสายเลือดจิ้งจอกเก้าหาง นอกจากนี้ยังมีสายเลือดเทพเจ้าที่แยกออกไปอีก คือสายเลือดปีศาจซึ่งปกครองตัวเองอยู่ในดินแดนทิศประจิมและดินแดนทิศทักษิณ ทั้งสองดินแดนนี้เป็นที่อาศัยของสายเลือดเทพเจ้าฝ่ายมารที่มิอาจไปถึงพระนิพพานได้ ด้วยเพราะยังหลงเหลือกิเลสในทางชั่วร้าย แม้แต่จอมมารคางค่ายประมุขของเผ่าปีศาจที่บรรลุญาณถึงขั้นที่ 8 ก็ยังมิอาจหลุดพ้นจากกิเลสของความอยากเป็นใหญ่ใน 3 โลกหล้า จึงมิยอมที่จะผสมผสานสายเลือดไปกับเผ่าบรรพกาล ตั้งตนกลายเป็นจอมมารปีศาจไม่ขึ้นตรงกับสายเลือดสวรรค์ ดินแดนซือไฮ่ปาฮวงดังกล่าวล้วนอยู่ใต้อาณัติของเหวินฉางเทียนจวิน ทรงเป็นเง็กเซียนฮ่องเต้และเป็นมหาเทพแห่งสงครามองค์ปัจจุบัน มีพระชนม์มายุ 220,000 ปี บำเพ็ญตบะจนบรรลุญาณถึงขั้นที่ 8 ทรงได้รับการเลี้ยงดูจากเทพบิดรและเทพมารดาเฉกเช่นเดียวกับเทพจันทรา ตั้งแต่แรกอวตารมาจากดวงจันทร์ ตลอดระยะเวลาหลายแสนปีที่ผ่านมาพระองค์ต้องออกทำศึกสงครามกับเหล่าปีศาจ ณ ทิศประจิมและทิศทักษิณมาโดยตลอด ด้วยเพราะจอมมารคางค่าย ซึ่งเป็นประมุขของเหล่าปีศาจ และมีอายุถึง 350,000 ปี บำเพ็ญตบะจนบรรลุขั้นที่ 8 จึงทำให้มีอิทธิฤทธิ์ของจอมมาร เต็มไปด้วยพลังมากมายล้นเหลือและทระนงตนคิดว่ามีญาณแก่กล้าอยู่เหนือกว่าจอมเทพเหวินฉาง หากแต่ญาณตบะฝ่ายมารแตกต่างจากญาณตบะฝ่ายสวรรค์ดั่งฟ้ากับเหว และดั่งนรกกับสวรรค์ฉันใดก็เช่นนั้น จนแล้วจนรอดจอมมารคางค่ายก็มิอาจฝ่าด่านบุกทำลายแดนสวรรค์เก้าชั้นฟ้าได้สมความตั้งใจของตน ตราบเวลาหนึ่งแสนปีที่ผ่านมา จอมมารคางค่ายไม่ยอมก้มหัวสวามิภักดิ์ต่อเหวินฉางเทียนจวิน เพราะต้องการเป็นใหญ่เหนือฟ้าและดินรวมไปถึงครอบครองตลอดทั้ง 3 โลก เป็นเหตุให้กองทัพสวรรค์และกองทัพของเหล่าปีศาจ เปิดฉากต่อสู้และจะต้องให้อีกฝ่ายสยบศิโรราบลงให้แก่ตน และในยามนี้การต่อสู้ที่ยืดเยื้อมาอย่างยาวนาน ใกล้จะปิดฉากลง เมื่อเหวินฉางเทียนจวิน ทรงมีพระบัญชาเรียก 36 ขุนพลของทัพสวรรค์ ตั้งค่ายกลศิลาพิฆาตมารเพื่อหยุดสงครามระหว่างเทพเจ้าและปีศาจ เมื่อกาลเวลาล่วงเลยเข้าสู่หนึ่งแสนปี เพราะทันทีที่เหวินฉางเทียนจวิน สามารถบรรลุญาณตบะขั้นที่ 9 ได้เป็นผลสำเร็จ ทำให้พระองค์สำเร็จเป็นมหาเทพนับตั้งแต่สร้างสามโลกนี้ขึ้นมารองเทพบิดรและเทพจันทรา ทันทีที่พระองค์บรรลุญาณตบะขั้นที่ 9 จึงตั้งพระทัยที่จะเปิดค่ายกลศึกศิลาพิฆาตมาร โดยจะทำการเปิดผนึกศิลาสวรรค์ ซึ่งเทพบิดรได้ทรงร่ายเวทย์ปิดผนึกเอาไว้เมื่อหลายแสนปีก่อน เมื่อครั้งทรงสร้าง 3 โลกเป็นผลสำเร็จ ทั้งนี้หยกจันทราคือของวิเศษที่เทพบิดรทรงประทานให้แก่เหล่าเทพเจ้าในเผ่ามังกร เพื่อนำไปใช้ทำลายหมู่มารและปีศาจ รวมไปถึงสรรสร้างสรรพสิ่งให้แก่ 3 โลก ทว่าการจะร่ายเวทย์เปิดผนึกศิลาสวรรค์ดังกล่าวเพื่อนำหยกจันทรา ซึ่งเป็นของวิเศษจากเทพบิดรมาใช้ปราบจอมมารคางค่ายนั้น จำต้องบำเพ็ญตบะบรรลุถึงขั้นที่ 9 ให้เป็นผลสำเร็จ เพราะการเปิดผนึกศิลาสวรรค์แต่ละครั้ง หากมิได้บรรลุญาณขั้นที่ 9 แล้วไซร้ นอกจากจะไม่สามารถนำมาใช้ปราบมารได้แล้ว ยังทำให้ดวงจิตต้องแตกดับไปชั่วพริบตาต้องดับขันธ์ก่อนกำหนดเวลาอันสมควรทันที แต่ถึงกระนั้นแม้จะบรรลุญาณขั้นที่ 9 แล้วก็ตามที หากมิได้ทรงญาณในขั้นที่ 9 ติดต่อกันเป็นเวลาสามพันปีการเปิดศิลาสวรรค์เพื่อนำมาใช้ทำลายหรือสรรสร้างสรรพสิ่งให้แก่สามโลก จะทำให้ผู้ที่ร่ายเวทย์เปิดผนึกนั้นต้องดับขันธ์เช่นกัน แต่ถ้าทรงญาณได้ตามครบกำหนดสามพันปี จะสูญเสียพลังบำเพ็ญทั้งหมดและเข้าสู่ห้วงภวังค์แห่งการหลับใหลยาวนานถึงหนึ่งแสนปีหรือมากกว่านั้น ทั้งนี้เพื่อฟื้นฟูพลังบำเพ็ญให้หวนกลับคืนมา และเหวินฉางเทียนจวินก็ทรงเลือกที่จะใช้วิธีเปิดผนึกศิลาสวรรค์ ทั้งๆ ที่ทรงญาณตบะขั้นที่ 9 ได้เพียงแค่หนึ่งร้อยปีเท่านั้น เพื่อทำลายล้างจอมมารคางค่ายให้สูญสิ้นไปจากทิศประจิมและทิศทักษิณรวมไปถึงฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ปีศาจและมวลหมู่มารไม่เว้นแม้กระทั่งเด็กและหรือคนชรา ณ.เทือกเขาจวินจี้ ดินแดนตะวันออก สถานที่ตั้งกองทัพเทพเจ้า  “ว่าอะไรนะ! นี่ท่านจะเปิดผนึกศิลาสวรรค์ของเทพบิดรอย่างนั้นหรอกรึ! ข้าไม่เห็นด้วยเด็ดขาดที่ท่านจะใช้วิธีนี้จัดการคางค่ายเลยนะเหวินฉาง!”สุระเสียงของเทพเจ้าศาสตราพระนามว่าเฟิ่งเหมียน รับสั่งคัดค้านเมื่อทรงได้ยินถ้อยรับสั่งเทียนจวิน ทรงวางแผลกลศึกปราบมาร พระวรกายสูงใหญ่ เกศาสีดำเป็นนิล พระพักตร์โฉมสลักหล่อเหลาละมุน งดงามคมคาย สมแล้วที่ทรงจุติมาจากดวงจันทรา มหาเทพพระดำเนินตรงเข้าไปหาพระสหายสนิทที่ถือกำเนิดหลังจากพระองค์ไม่มากนัก ก่อนจะหยุดอยู่ตรงหน้าพระสหาย วงองค์สูงทะมึนเผชิญหน้ากับเทพเจ้าศาสตรา พระเนตรสีทองอร่ามหากแต่หวานซึ้งดั่งหยาดน้ำผึ้งทอดพระเนตรพระสหายสนิทเขม็ง “ข้าตัดสินใจแล้ว! และจะไม่วันเปลี่ยนใจเพื่อยุติสงครามระหว่างเทพกับปีศาจที่ยืดเยื้อมานานนับแสนปีให้จบสิ้นไปเสียที แม้ว่าจะต้องล้างผลาญเผ่าพันธุ์ปีศาจดินแดนแห่งทิศประจิมและทักษิณทั้งหมดไม่มีเหลือแม้แต่ชีวิตเดียวก็ตาม”สุระเสียงกร้าวรับสั่งโต้ตอบกลับไป รับสั่งขององค์เทียนจวินเป็นเหตุให้เทพศาสตรา เกิดอาการปวดขมับขึ้นมาทันทีเมื่อได้ยินรับสั่งขององค์เทียนจวินเช่นนั้น “ท่านก็ล่วงรู้ดีว่าหากเปิดผนึกศิลาสวรรค์ของเทพบิดร ทำให้พลังบำเพ็ญที่อุตสาห์สะสมมาจนถึงขั้นที่ 9 หมดสิ้นไปทันที ถ้าหากไม่ดับขันธ์ก่อนกำหนดก็ต้องหลับลึกถึงหนึ่งแสนปี จึงจะตื่นขึ้นมาอีกครั้ง แล้วคิดบ้างไหมว่าหากท่านต้องมีอันเป็นไปอย่างใดย่างหนึ่งเหล่าสวรรค์และทวยเทพทั้งหมด รวมไปถึงดินแดนซือไฮ่ปาฮวงตลอดจนถึง 3 โลก จะต้องสั่นคลอน คิดบ้างสิคิด!เหวินฉาง!!!”เทพเจ้าศาสตรารับสั่งเตือนพระสติ “เจ้าไม่ต้องกล่อมข้าเฟิ่งเหมียน เพราะก่อนที่จะทำอะไรลงไปนั้นล้วนแล้วแต่ไตร่ตรองอย่างรอบคอบดีแล้วทั้งสิ้น”รับสั่งพร้อมทอดพระเนตรพระสหายสนิท “ตลอดหนึ่งแสนปีที่ผ่านมาข้าสูญเสียกองทหารและขุนพลฝีมือดีของทัพสวรรค์ไปในการทำศึกครั้งนี้เป็นอันมาก และตั้งใจเอาไว้แล้วว่าคราใดที่ข้าบำเพ็ญตบะบรรลุญาณขั้นที่ 9 เป็นผลสำเร็จ ก็จะร่ายเวทย์เปิดผนึกศิลาสวรรค์กำจัดคางค่ายและลูกสมุนปีศาจล้างโคตรเหล่ามารทั้งเผ่าพันธุ์ให้สูญสิ้นไปทั้งหมด!”สุระเสียงรับสั่งอย่างเหี้ยมเกรียม “แต่ว่า...”เทพศาสตรารับสั่งได้เพียงเท่านั้น จำต้องเงียบงันลงไปโดยพลัน เมื่อองค์เทียนจวินยกพระหัตถ์เป็นสัญญาณห้ามมิให้พระองค์มีถ้อยรับสั่งคัดค้าน “ข้าได้เตรียมการไว้ทั้งหมดแล้ว หากการเปิดผนึกศิลาสวรรค์ในครั้งนี้ทำให้ข้าต้องดับขันธ์ก่อนกำหนด”รับสั่งเพียงเท่านั้นพลางหันกลับไปทอดพระเนตรพระสหายเพียงครู่ก่อนจะรับสั่งขึ้นอีกครั้ง “เจ้าต้องขึ้นปกครองเป็นเทียนจวินองค์ต่อไปแทนข้าสืบต่อไปเบื้องหน้า” เทพศาสตราหันกลับไปทอดพระเนตรพระพักตร์องค์เทียนจวิน ทันทีเมื่อได้ยินเช่นนั้น “อะไรนะ! นี่ท่านจะให้ข้าขึ้นเป็นเทียนจวินปกครองเหล่าสวรรค์และสามโลกนี้แทนอย่างนั้นหรอกรึ! บ้าไปแล้ว!”เทพศาสตรารับสั่งพลางหันกลับมาทอดพระเนตรพระสหายทันที “ไม่บ้าหรอก! เพราะข้าคิดเช่นนั้นจริงๆ”องค์เทียนจวินรับสั่งสวนกลับไปทันที “แต่ข้าถนัดในการทำสงครามและคิดค้นศาสตราวุธเพียงอย่างเดียวเท่านั้น การปกครองดินแดนซือไฮ่ปาฮวงและทั้งสามโลกล้วนมิเคยอยู่ในความคิดคำนึงของข้าแม้แต่น้อยเลยนะเหวินฉาง!” “แต่ตอนนี้เจ้าต้องคิดแล้วเฟิ่งเหมียน เพราะเมื่อข้าต้องดับขันธ์ก่อนเวลามีเจ้าเพียงผู้เดียวเท่านั้น ที่จะสามารถขึ้นปกครองแทนข้าได้ เพราะเจ้าบรรลุญาณขั้นที่ 8 อีกทั้งเทพบิดรก็เลี้ยงเจ้าและข้าเติบโตมาด้วยกัน หากแม้นมิใช้เจ้าแล้วไซร้จะเป็นผู้ใดอื่นอีกกระนั้นรึ! หรือเจ้าอยากให้คางค่ายขึ้นปกครอง”องค์เทียนจวินรับสั่งถามกลับไป “จะบ้ารึ! เรื่องอะไรจะให้คางค่ายขึ้นปกครอง หากมีเหตุการณ์เช่นนั้น นั่นก็หมายความว่าเผ่าเทพทั้งหมดถูกเหล่าปีศาจทำลายล้างจนสูญสิ้นไปหมดแล้วนะสิ ข้าด้วยอีกผู้หนึ่งที่มิยอมให้เกิดเหตุการณ์เช่นนั้นเด็ดขาด” องค์เทียนจวินทรงคลี่พระโอษฐ์ออกมาบางๆ เมื่อทรงได้ยินพระสหายสนิทมีถ้อยรับสั่งเช่นนั้น พระหัตถ์หนาตบลงบนพระอังสะของเทพเจ้าศาสตราเบาๆ “เจ้าทำได้แน่นอนเฟิ่งเหมียน ข้ามั่นใจเป็นแม่นมั่น”รับสั่งพลางแย้มพระโอษฐ์เย็นยะเยือกออกมาบางๆ เทพศาสตราได้แต่ยืนนิ่งเมื่อทรงได้ยินถ้อยรับสั่งเช่นนั้น “ข้าควรจะดีใจหรือเสียใจดีกันแน่ ไม่ว่าทางไหนก็มิอาจหลีกเลี่ยงได้สินะ...เฮ้อ!”รับสั่งพลางถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่พร้อมมีรับสั่งสำทับขึ้น “เอาเถอะ! ถ้าเช่นนั้นข้ารับปากไม่ว่าเหตุการณ์ใดจะเกิดขึ้นนับต่อจากนี้ ข้าจะพยายามดูแลในสิ่งที่ท่านมอบหมายให้อย่างแน่นอน แต่ด้วยตบะญาณขั้นที่ 9 ของท่านที่บรรลุแล้วนั้นจะร่ายเวทย์เปิดและปิดผนึกศิลาสวรรค์เอาไม่อยู่เชียวหรอกรึ”เทพเฟิ่งเหมียนรับสั่งถามด้วยความสงสัย “ข้าเพิ่งบรรลุญาณที่ 9 ได้ไม่ถึง 100 ปี ปกติเมื่อบรรลุญาณขั้นสูงสุดต้องทรงญาณให้อยู่ในระดับนั้นให้ได้นานถึง 3 พันปีจึงจะทำให้การดับขันธ์ก่อนกำหนด ย่อมไม่เกิดขึ้นกับข้าอย่างแน่นอน แต่ด้วยระยะเวลาเพียงเท่านี้มันยากที่จะตอบได้ว่า เหตุการณ์หลังจากนี้ต่อไปเบื้องหน้าข้าจะตกอยู่ในสภาพใดนะสิ” “เป็นเช่นนั้นรึ!”เทพศาตรารำพึงออกมาเบาๆ เมื่อทรงได้ยินเช่นนั้น หากแต่ยังมิทันรับสั่งสิ่งใด แม่ทัพสวรรค์รีบรุดเข้ามาในค่ายกระโจมอย่างรวดเร็วเพื่อถวายรายงาน “กราบทูลเทียนจวินและเทพศาสตรา จอมมารคางค่ายบุกเข้าแดนจวินจี้แล้วพ่ะย่ะค่ะ ตอนนี้กองทัพของ 36 ขุนพลสวรรค์กำลังต้านทัพของคางค่ายอยู่ แต่เห็นทีคงจะต้านเอาไว้ได้ไม่นานเป็นแน่แท้เพราะจอมมารใช้พลังเวทย์ทำลายค่ายของ 36 ขุนพลทางทิศประจิมใกล้จะแตกแล้วพ่ะย่ะค่ะ” “อะไรนะ!ค่ายสวรรค์ทางทิศประจิมใกล้จะแตกแล้วอย่างนั้นรึ!”เทพเฟิ่งเหมี่ยนแสดงความวิตกออกมาอย่างเห็นได้ชัดไม่คาดคิดว่า ค่าย 36 ขุนพลสวรรค์กำลังจะถูกทำลายในเวลาอันรวดเร็วเช่นนี้ สายพระเนตรเหลือบไปทางองค์เทียนจวิน พระพักตร์งามของจอมเทพผู้เป็นใหญ่ใน 3 โลกยังคงเรียบเฉย หากแต่พระเนตรสีทองอร่ามหวานซึ้งดั่งหยาดน้ำผึ้ง กลับเต็มไปด้วยรังสีอำมหิตฉาบขึ้นมาทันที พระองค์หามีรับสั่งแต่อย่างใดไม่ แต่กลับพระดำเนินออกจากกระโจมที่ประทับก่อนจะร่ายเวทย์เร้นร่างหายไปจากบริเวณนั้นทันที “คงถึงเวลาที่จะต้องเปิดผนึกศิลาสวรรค์แล้วสินะ”เทพศาตรารับสั่งรำพึงอยู่ภายในพระทัย พร้อมหันกลับมามีรับสั่งแม่ทัพสวรรค์ทันที “จงเรียก 36 ขุนพลสวรรค์ให้ถอยทัพออกจากทิศประจิมกับทักษิณเดี๋ยวนี้!” ถ้อยรับสั่งของเทพศาสตราทำให้แม่ทัพสวรรค์ตกใจอย่างยิ่งยวด เมื่อได้ยินคำสั่งให้ถอนทัพออกจากทิศประจิมและทิศทักษิณอันเป็นดินแดนของจอมมารคางค่ายปกครองอยู่ “เหตุใดจึงถอนทัพออกพ่ะย่ะค่ะ ในเมื่อทัพสวรรค์โอบล้อมเอาไว้จนหมดแล้ว ทำเช่นนี้ทัพสวรรค์จะต้องพ่ายแพ้ให้กับกองทัพมารเอาได้นะพ่ะย่ะค่ะ แต่ถ้าหากนำทัพสวรรค์จากจวินจี้ไปต้านกำลังช่วยอาจจะ...”แม่ทัพสวรรค์ยังมิทันกล่าวจบสุระเสียงของเทพเจ้าศาสตรารับสั่งสวนกลับไปโดยพลัน “ทำตามที่ข้าสั่งเดี๋ยวนี้! อีกไม่นานเทียนจวินจะร่ายเวทย์เปิดผนึกศิลาสวรรค์เพื่อล้างเผ่าพันธุ์ปีศาจคางค่ายแล้ว ขืนไม่ถอนทัพสวรรค์ออกมาเสียตั้งแต่ตอนนี้ ทุกชีวิตในดินแดนประจิมและทักษิณจะต้องถูกทำลายจนหมดสิ้นเผ่าพันธุ์มิเหลือแม้กระทั่งรากไม้และใบหญ้า!!! แม่ทัพสวรรค์ถึงกับอ้าปากค้างขึ้นมาทันทีเมื่อได้ยินถ้อยรับสั่งเช่นนั้น “ละ...แล้วถ้าหากองค์เทียนจวินทรงร่ายเวทย์บรรพกาลเพื่อกำจัดจอมมารและเผ่าพันธุ์ปีศาจทั้งหมดให้สิ้นซากเช่นนั้น ฝ่าบาทจะทรงเป็นเช่นไรต่อไปพ่ะย่ะค่ะ”แม่ทัพสวรรค์เอ่ยถามกลับไปด้วยความเป็นห่วงจอมเทพของตน “ตอนนี้อย่าเพิ่งถามอะไรมาก..ชักช้าจะไม่ทันการ รีบไปแจ้งข่าวให้ 36 ขุนพลถอนทัพออกมาเร็วเข้า!!!”เทพศาสตรารับสั่งตัดบททันใด “น้อมรับพระบัญชาพ่ะย่ะค่ะ”แม่ทัพสวรรค์รับคำอย่างแข็งขัน ท่ามกลางความวิตกของเทพศาสตรา “เจ้าเพื่อนบ้าระห่ำ! จะร่ายเวทย์บรรพกาลกำจัดคางค่ายโดยไม่นึกถึงตัวเองเลยให้ตายสิ!”เทพศาสตราบ่นรำพึงรำพันพลางร่ายเวทย์เร้นพระวรกายเลือนหายไปจากกระโจมที่ประทับเพื่อไปบัญชาการทัพสวรรค์ ณ.บริเวณตีนเขาจวินจี้
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD