บทที่แปด

2196 Words
กลุ่มจิตติพัฒน์พากันมานั่งกินอาหารฟาสต์ฟู้ดในร้านอาหาร ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากพิพิธภัณฑ์ศิลปะกับงานประมูลอัญมณีเผื่อว่า หากมีกรณีฉุกเฉินเกิดขึ้นพวกเขาจะสามารถเข้าไปช่วยทันท่วงที พงศ์ดนัยเริ่มอารมณ์ดีขึ้นมาเล็กน้อยเพราะพวกสุพิศาจเบี่ยงเบนไปคุยเรื่องอื่น ระหว่างที่คนอื่น ๆ พูดคุยกันอยู่มีเพียงจิตติพัฒน์ที่ยังคงนั่งเงียบอยู่ เหตุการณ์ในร้านหนังสือมันค่อนข้างรบกวนจิตใจเด็กหนุ่มพอสมควร เขามั่นใจว่าไม่ได้ตาฝาดไปที่นิ้วนางมือขวาของมงคลพัสมีเส้นผูกวิญญาณปรากฏแล้ว แต่มันยังเบาบางจนยังมองเห็นไม่ชัดเจนและคนที่เพื่อนเขาเผลอไปผูกวิญญาณด้วย คงไม่พ้นเด็กสาวที่เข้ามาในร้านหนังสือแน่นอน จู่ ๆ ความวิตกกังวลก่อเกิดขึ้นในใจของจิตติพัฒน์ ภาพความทรงจำในอดีตที่เคยเกิดขึ้นกับตัวเอง เด็กหนุ่มยอมรับว่าเขากลัวแทนมงคลพัสทั้งที่ความจริง มันไม่ใช่เรื่องของเขาเลยด้วยซ้ำแต่อย่างไรก็ตาม จิตติพัฒน์เลือกที่จะไม่พูดเรื่องที่ตนเห็นเส้นผูกให้ใครฟังแม้แต่กับตัวเพื่อนสนิทของเขาเองด้วย "อารมณ์ดีขึ้นแล้วใช่ไหม" เสียงของสุพิศาลดึงสติของจิตติพัฒน์กลับมาอีกครั้ง เขาหันไปเห็นพงศ์ดนัยที่กำลังนั่งกินแฮมเบอร์เกอร์แฮมไข่ดาวอย่างเอร็ดอร่อย "อืม" พงศ์ดนัยขานรับเป็นสัญญาณบอกว่าเขาใจเย็นขึ้นแล้ว สุพิศาลพยักหน้าและหันมาเห็นว่าจิตติพัฒน์ทำหน้านิ่งแปลก ๆ "นายไม่หิวหรือไงเจต ฉันไม่เห็นนายแตะอาหารบนโต๊ะเลยนะ" จิตติพัฒน์ก้มมองอาหารบนจาน เด็กหนุ่มรู้สึกไม่ค่อยอยากอาหารมากเท่าไหร่ เรื่องที่อุตส่าห์ถ่อสังขารมาที่นี่เพื่อจะได้ทำภารกิจเป็นครั้งสุดท้าย ในฐานะยุวชนทหารเสียหน่อยแต่กลายเป็นว่าต้องยกให้คนอื่น จิตติพัฒน์ไม่ได้ต้องการมาเสียเวลาตั้งเจ็ดวันแบบนี้เลย เมื่อลองนึกย้อนกลับไปในเหตุการณ์ที่พงศ์ดนัยกับศรศิลป์จะมีเรื่องกับทีมร้อยเอกจันฮุน เขาไม่น่าเข้าไปห้ามปรามเพื่อนทั้งสองคนเลยน่าจะปล่อยให้จัดการซะให้เข็ดหลาบ ด้านคชสีห์ก็ได้อาศัยจังหวะที่จิตติพัฒน์มองไปทางอื่น คชสีห์ได้ยื่นมือเข้ามาหวังจะแย่งแฮมเบอเกอร์ของจิตติพัฒน์ ทว่ายังไม่ทันจะเอื้อมถึงจานอาหารฝั่งของจิตติพัฒน์ที่รู้ทัน ก็เอาฝ่ามือตีไปที่มือของคชสีห์ดัง "เพียะ" ทำให้คชสีห์จำต้องชักมือกลับทันที สุพิศาลส่ายหน้าเล็กน้อย "ถ้ายังไม่อิ่มก็แค่สั่งเพิ่มสิ ไอ้ค้ำ จะแย่งของไอ้เจตมันทำไม" สุพิศาลตำหนิอีกฝ่าย "อ้าว ก็เห็นมันไม่กินสักทีนี่หว่า เลยนึกว่าไม่อยากกินแล้ว" คชสีห์พูดและเอามืออีกข้างถูกมือที่โดนจิตติพัฒน์ตีไปเมื่อครู่ "ฉันแค่ไม่อยากอาหารไม่ได้แปลว่าไม่หิว และนายไม่ควรทำแบบนี้ด้วยค้ำจุน" จิตติพัฒน์พูด คชสีห์ยักไหล่ให้ก่อนจะลุกจากเก้าอี้เพื่อไปสั่งอาหารเพิ่ม ผ่านไปสักพักจิตติพัฒน์ตัดสินใจหันมาจัดการกับอาหารตรงหน้าต่อ ฝั่งภานุวัชร์ที่นั่งเงียบอยู่นานจู่ ๆ ก็ถามใส่จิตติพัฒน์ขึ้นมาว่า "เจต ฉันถามอะไรนายหน่อยสิ" เด็กหนุ่มเงยหน้ามองเพื่อนตัวเองด้วยความฉงนใจ "นายจะถามอะไรฉันเหรอ" ภานุวัชร์หยิบทิชชูออกมาเช็ดคราบซอสที่เปื้อนมือตัวเอง "นายจะไม่ขานรับโชลเมทที่จะกลายเป็นคู่ผูกของนายในอนาคตจริง ๆ เหรอเพื่อน" คำถามนี้เล่นเอาทั้งกลุ่มพากันเงียบโดยไม่ได้นัดหมาย จิตติพัฒน์นึกแปลกใจที่ทำไมภานุวัชร์ถึงถามเรื่องนี้ แต่เขาก็ไม่ได้มีท่าทางที่จะโกรธหรือไม่พอใจ เพราะเด็กหนุ่มมองว่าทุกคนในกลุ่มมีสิทธิ์ที่จะสงสัยเรื่องนี้ได้ ขณะเดียวกันฝั่งคนที่เพิ่งตั้งคำถามไปก็เริ่มไม่อยากได้คำตอบ เมื่อสังเกตบรรยากาศในกลุ่มที่เปลี่ยนไป "ทำไมนายถึงอยากรู้เรื่องนี้ล่ะ ภาพฟ้า" จิตติพัฒน์ถามเสียงปกติ "ถ้านายไม่สะดวกใจจะตอบก็ไม่เป็นไรนะเพื่อน" ภานุวัชร์พูด "ไม่เป็นไร ฉันไม่โกรธนายแต่แค่รู้เหตุผลก่อนตอบคำถาม" ภานุวัชร์พยักหน้าเข้าใจและเริ่มอธิบายให้เพื่อนเขาฟัง "ตอนที่นายเล่าให้พวกเราฟังว่าช่วงที่นายหูดับ โชลเมทของนายเหมือนเธออยากรู้จักกับนายมากเลยนะ ไม่ลองเปิดใจหน่อยเหรอเพื่อน" "สมัยพ่อกับแม่ฉันก็เคยเป็นแบบนี้มาก่อนไม่ใช่เหรอ" อย่างที่ทุกคนในแก๊งภูเขาไฟรู้กันดีว่าเรื่องของร้อยเอกจตุพักต์ มันกัดกินจิตใจของจิตติพัฒน์อย่างมากแม้กาลเวลาจะผ่านไปนานแค่ไหน มันแสดงให้พวกเขารู้เลยว่าตัวของจิตติพัฒน์ยังคงอยู่ในอดีต และมงคลพัสยังรู้ด้วยว่าพันโทมนต์ธนัทพยายามสืบตามหาปรรณรักอยู่ เรื่องนี้เขาไม่เคยคิดจะบอกจิตติพัฒน์ "ฉันเข้าใจนายนะเพื่อนว่าเรื่องนี้มันทรมานนายมากแค่ไหน แต่มันไม่ได้หมายความว่าเรื่องราวของนายกับเธอคนนั่นจะต้องลงเอยเหมือนพ่อนี่ จริงไหม" รพีธรรมเสริม จิตติพัฒน์นั่งนิ่งยังไม่พูดอะไรก่อนที่สามนาทีต่อมา พวกเขาก็ได้ยินเสียงโวยวายมาจากฝั่งเคาร์นเตอร์สั่งอาหาร มันเป็นเสียงของคนกำลังทะเลาะกัน และมันเป็นเสียงของคชสีห์ ❤️❤️❤️❤️ หลังจากที่จบงานทัศนศึกษาที่พิพิธภัณฑ์ศิลปะ อาจารย์ได้ปล่อยให้นักเรียนแยกย้ายไปตามอัธยาศัย และให้กลับมารวมตัวกันที่หน้าพิพิธภัณฑ์เพื่อรอขึ้นรถบัสกลับ แต่แพรววากับพิมพ์พรรณและพวกมณีอรทำการแจ้งอาจารย์แล้วว่า โทบี้จะขับรถมารับพวกเธอเองทำให้มีเวลามากกว่าคนอื่น อีกสาเหตุหนึ่งคือแพรววาไม่ต้องการเจอกลุ่มเบลล่า หรือแม้แต่กับเสมอแมนเพราะดูเหมือนว่าหลังจากที่เธอโพร่งประโยคนั้นไป เสมอแมนพยายามที่จะเข้ามาหาตลอดเวลา รวมทั้งหลังจากที่รู้ว่ามีอุบัติเหตุเกิดขึ้นที่ชั้นสอง แถมคติยากับยุวดีเผลอไปได้ยินกลุ่มเบลล่านินทากันว่า แพรววาสร้างสถานการณ์เพื่อให้เสมอแมนหันมาสนใจ มันช่างเป็นคำพูดและความคิดที่ระคายสมองของเด็กสาวไม่น้อย แพรววาเล่าเรื่องนี้ให้พิมพ์พรรณฟังจึงพากันแก้ปัญหาด้วยการโทรตามโทบี้ให้มารับ ซึ่งแพรววาส่งข้อความบอกกับพศพัชร์ไว้แล้ว ทันทีที่แจ้งกับอาจารย์ที่ปรึกษาแล้วทั้งหมดพากันเดินแยกตัวมายังศูนย์ร้านอาหารในทันที นาถชญาก็เดินบ่นตลอดทางว่าหิวมากแค่ไหน "เลิกบ่นได้แล้วยัยน้ำชา ถึงร้านอาหารแล้วอยากกินอะไรไปสั่งเลย" คติยาหันมาพูดใส่นาถชญาที่อยู่ข้าง ๆ ต้องยอมรับว่าสำหรับนาถชญาแล้วเรื่องกินคือเรื่องใหญ่ นาถชญาตัดสินใจฝากกระเป๋าเรียนไว้กับหยาดรุ้ง แล้วก็รีบเดินไปที่เคาร์นเตอร์ในขณะเดียวกันกลุ่มแพรววาก็พากันมาจองที่นั่งเพื่อรอนาถชญากลับมา "เอาน่า ก็ข้าวกล่องของทางโรงเรียนมันไม่อยู่ท้องน้ำชานี่นะ" มณีอรว่า "ใช่ แถมรสชาติยังเหมือนพวกตัวทากอีกต่างหาก" อนัญลักษณ์เสริม "แต่พี่น้ำชากินเก่งจังเลยนะคะ คงใช้พลังงานเยอะมากแน่ ๆ" ลวิตตานั่งอยู่ข้างขวาของมณีอรพูดขึ้น "ลูกปัด ฟังพี่ไว้นะ" คติยาพูดและมองไปที่นาถชญา "ยัยนั่นน่ะบ้าพลัง ลูกปัดอย่าไปเลียนแบบเชียวล่ะ" มณีอรตีมือคติยาเบา ๆ เชิงตำหนิ "อะไรของเธอเล่า ยัยมั่นฉาย" "ไม่ดีเลยนะยัยครีม ไปว่ายัยน้ำชาลับหลังแบบนี้ได้ไง" คติยากำลังจะโต้เถียงแต่เสียงคนทะเลาะกันกลับดังขึ้นเสียก่อน แถมยังเป็นเสียงของนาถชญาที่เหมือนกำลังเถียงกับใครอยู่ มณีอรหันมาบอกให้ลวิตตานั่งอยู่ตรงนี้แล้วก็ตามกลุ่มแพรววามา จึงได้เห็นว่านาถชญากำลังเถียงกับเด็กหนุ่มอายุไล่เลี่ยกัน กลุ่มแพรววาที่วิ่งมาถึงก็แทบจะเป็นลมอยู่ตรงนั้นเพราะคนที่นาถชญากำลังมีเรื่องด้วย คือยุวชนทหารฟรอนเทียร์และเมื่ออนัญลักษณ์ก้มมองพื้น มีถาดอาหารตกกระจายพื้นเต็มไปหมดทำให้เข้าใจเลยว่ามันเกิดอะไรขึ้นก่อนที่พวกเธอจะมาถึง หยาดรุ้งกับมณีอรช่วยกันจับนาถชญาแยกออกมา ไม่นานกลุ่มเพื่อนยุวชนทหารก็ตามมาสมทบและหนึ่งในนั้นคือยุวชนทหารที่ช่วยแพรววาเอาไว้ เพื่อนฝั่งยุวชนทหารที่มีเรื่องกับนาถชญาต่างเข้ามาห้ามปรามไม่ให้ใช้อารมณ์ "เฮ้ย ไอ้ค้ำจุน นายทำบ้าอะไรทำไมไปมีเรื่องกับผู้หญิงได้ละ" หนึ่งในกลุ่มถามเสียงเครียด "ก็ยัยนั่นนะสิ ! มาจากไหนไม่รู้มาเดินชนฉันจนอาหารฉันตกพื้นหมดเลย" ด้านนาถชญาก็ไม่ยอมจึงพูดสวนกลับใส่ว่า "ฉันผิดที่ชนนายและฉันตั้งใจจะขอโทษอยู่แล้ว แต่นิสัยชอบโวยวายหาเรื่องกันแบบนี้ไม่อยากขอโทษแล้ว" ยุวชนทหารคนนั้นชะงักไปเล็กน้อยแล้วสักพักยุวชนทหารคนหนึ่ง เหมือนจะเป็นหัวหน้ากลุ่มได้ปรากฏตัวออกมา "พอได้แล้ว แค่อาหารตกพื้นนายถึงกับต้องหาเรื่องผู้หญิงเลยเหรอ" เมื่อเห็นอีกฝ่ายนิ่งไปยุวชนทหารคนนั้นก็หันมาทางกลุ่มแพรววา มณีอรเห็นป้ายชื่อเขียนว่า "สุพิศาล" ซึ่งยุวชนทหารคนดังกล่าวพูดแค่เพียงว่า "ผมต้องขอโทษแทนเพื่อนด้วยนะครับ อย่าถือสามันเลยนะครับ" พูดจบเขาก็โค้งก้มหัวขอโทษทำเอาเหล่าเด็กสาวทำตัวไม่ถูก ในจังหวะนั้นอนัญลักษณ์ก็หันไปเห็นยุวชนทหารอีกคนกำลังลากเพื่อนไปที่เคาร์นเตอร์ "แค่ไอ้ศิลป์กับไอ้พลับพอแล้วมั่ง ตำแหน่งหางานนะนายไม่ต้องแตะมันเลยนะ" เธอชะงักไปเมื่อได้ยินเสียงของอีกฝ่ายแต่ก็กลับมาโฟกัสปัจจุบัน หลังจากที่ฝ่ายยุวชนทหารขอโทษแล้วพวกแพรววาต่างก็พากันกลับมาที่โต๊ะตามเดิม นาถชญายังอารมณ์เสียไม่หายแต่ก็ไม่ได้บ่นอะไรมาก เพราะภายหลังมณีอรกับอนัญลักษณ์ช่วยกันขนอาหารมาให้เอง อนัญลักษณ์หันมาเห็นยุวชนทหารที่เคยช่วยแพรววาในพิพิธภัณฑ์อยู่กลุ่มนี้ด้วย "คนนั่นนะเหรอที่ช่วยยัยแพรวไว้ หล่อน่ารักดีนะ" หยาดรุ้งพูด "เดี๋ยวเถอะ ยัยรุ้ง" ยุวดีหันมาตำหนิ "ยัยน้ำชาพึ่งไปมีเรื่องกับเขามานะ ยังจะไปแหล่มองอีก" "เห็นเพื่อนเรียกเขาว่า เจต คงจะเป็นชื่อเล่นเขาละมั่ง" มณีอรว่า "แต่เมื่อกี้นี้ฉันเห็นนะว่าเขาแอบมองยัยแพรวอยู่ สงสัยจะสนใจเธอแล้วมั่ง" จู่ ๆ แพรววาก็เงียบไปทำให้ทั้งกลุ่มพากันหันมามอง แพรววากำลังจัดการกับอาหารบนจานของตัวเองอยู่ คติยาจึงสะกิดตัวเธอและเมื่อเห็นสีหน้าฉงนบนหน้าเด็กสาวแล้ว ทำให้ทุกคนลงความเห็นว่าแพรววากำลังหูดับอีกแล้ว สุดท้ายทุกคนจึงใช้วิธีด้วยการใช้ข้อความแชทในการพูดคุยกัน ทุกอย่างเหมือนจะปกติจนกระทั่ง... บึ้ม ! เสียงระเบิดดังขึ้นไม่ไกลจากร้านอาหารมากนัก แม้แพรววาจะไม่ได้ยินเสียงแต่เธอดูสีหน้าของเพื่อน ๆ จึงดูออกว่าเกิดเรื่องไม่ดีขึ้นและไม่นานก็มีเจ้าหน้าที่เข้ามาในร้านพร้อมสั่งให้มีการอพยพ สาว ๆ ต่างพากันเก็บกระเป๋าเรียนและเดินออกจากร้านไปยังที่ที่ปลอดภัย เมื่อพวกเธอเดินออกมาก็ต้องเบิกตาโตด้วยความตกใจ ภาพเบื้องหน้าคือกลุ่มควันสีดำที่พวยพุ่งขึ้นฟ้าในระดับที่สูงมาก นี่เป็นครั้งแรกของแพรววาที่ได้เห็นอะไรแบบนี้ในระยะเผาขน แต่แล้วความสนใจของแพรววาก็เปลี่ยนไปเมื่อมีเสียงหนึ่ง ดังเข้ามาในโสตประสาทรับเสียงทั้งที่ตอนนี้เธอแทบไม่ได้ยินเสียงรอบข้างเลย นอกจากเสียงของใครสักคนที่ไม่ต้องคาดเดาให้เสียเวลา คนเดียวที่เธอจะได้ยินเสียงคือโชลเมทเท่านั้น และบางอย่างบอกกับเด็กสาวว่าโชลเมทคนนั้นอยู่ที่นี่ใกล้ ๆ กับเธอ [รีบไปช่วยผู้กองฟรีโกชินกับหมวดปฏิญญา เร็วเข้า ! ] ❤️❤️❤️❤️
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD