บทที่เก้า

1737 Words
หลังจากเกิดแรงระเบิดตรงภายในงานจัดแสดงอัญมณี แก๊งภูเขาไฟต่างก็รีบตรงมายังที่เกิดเหตุในทันทีและเจอกับร้อยโทปฏิญญา ซึ่งรอพวกเขาอยู่ตรงทางเข้าพอดี โดยมีทหารแสนปุระกำลังช่วยกันแบกพลเรือนที่ได้รับบาดเจ็บออกมา ด้านร้อยโทปฏิญญาบอกให้ห้าคนคอยดูแลด้านนอก ส่วนอีกสี่คนให้ตามไปสมทบกับทีมร้อยเอกฟรีโกชิน จิตติพัฒน์คือหนึ่งในสี่ที่ต้องตามร้อยโทปฏิญญาตามเข้าไปด้านใน สภาพภายในอาคารส่งกลิ่นเหม็นไหม้คละคลุ้งจนพวกเขาต้องพากันปิดจมูก กลุ่มควันสีขาวถูกเทออกจากช่องระบายอากาศออกไปด้านนอก ตอนนี้เริ่มมีเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าตรวจสอบพื้นที่ มีการวางแนวกั้นตรงบริเวณที่เกิดเหตุเอาไว้เพื่อทีมกองพิสูจน์หลักฐานเข้ามา ระหว่างนี้พวกเขาก็เจอทีมร้อยเอกฟรีโกชินกำลังขนย้ายพลเรือนและทหารในทีมอีกสามที่ได้รับบาดเจ็บ รวมทั้งทีมของร้อยเอกจันฮุนที่กำลังปฐมพยาบาลเบื้องต้นให้กับทหารของเขา พงศ์ดนัยส่งสายตาบางอย่างใส่ร้อยเอกจันฮุนที่บังเอิญหันมาทางพงศ์ดนัยพอดี ทำให้รพีธรรมต้องหันมาปรามพงศ์ดนัย จิตติพัฒน์เดินมายังจุดเกิดเหตุที่ทำให้เกิดแรงระเบิด เจ้าหน้าที่ตำรวจสามคนยืนเฝ้ารอกองพิสูจน์หลักฐานมาเก็บ สุพิศาลเดินเข้ามาเล่าให้เด็กหนุ่มฟังว่าในช่วงที่มีการโชว์งานอัญมณีชิ้นหนึ่ง ซึ่งมีราคาที่สูงมากในแสนปุระมันเป็นก้อนอัญมณีสีฟ้าอ่อนเหมือนกับท้องฟ้า ตอนที่มันถูกนำมาโชว์ในงานมันก็เกิดระเบิดดังขึ้น เรื่องความเสียหายของอาคารไม่ใช่สิ่งน่ากังวลเท่ากับก้อนอัญมณีสีฟ้า หายไปหลังจากเกิดการระเบิดขึ้นทำให้หลายฝ่ายเชื่อว่าผู้ก่อเหตุคงตั้งใจมาชิงมันไป แถมกษัตริย์ฮุนบันที่ทรงรู้ข่าวการหายไปของอัญมณีก็ทรงกริ้วอย่างหนัก เรียกได้ว่าทีมของร้อยเอกจันฮุนตกอยู่ในสถานการณ์ที่ลำบากแบบสุด ๆ จิตติพัฒน์ยืนมองสภาพโดยรอบที่เกิดระเบิดครู่หนึ่ง ก่อนที่จะมีเสียงแหลมสูงดังจี้ดเข้ามาแก้วหูของจิตติพัฒน์อีกครั้ง เขารู้สึกหงุดหงิดอย่างบอกไม่ถูกที่อาการหูดับดันมาเกิดอะไรในสถานการณ์ตอนนี้ จิตติพัฒน์กังวลว่าเขาจะสื่อสารกับคนอื่นอย่างไรดีในขณะที่เขาหูดับอยู่ "เจต นายเป็นอะไรหรือเปล่า" สุพิศาลถามด้วยความเป็นห่วงเนื่องจากเห็นว่าจิตติพัฒน์เงียบผิดปกติ ฝั่งจิตติพัฒน์ตัดสินใจใช้ภาษามือในการสื่อสารแทน ทำให้สุพิศาลรู้ในทันทีว่าเพื่อนของเขากำลังหูดับ สุพิศาลพ่นลมหายใจออกมาอย่างเบื่อหน่ายว่าทำไมต้องมาเกิดตอนนี้ด้วย "กลับไปหาคนอื่น ๆ กันเถอะ" จิตติพัฒน์ใช้ภาษามือในการโต้ตอบ ระหว่างที่ทั้งสองกำลังเดินมาสมทบกับฝั่งรพีธรรมกับพงศ์ดนัย ตอนนั้นจิตติพัฒน์ได้ยินเสียงโชลเมทของตัวเองดังเข้ามา [เกิดอะไรขึ้นนะ ไฟไหม้เหรอ] เด็กหนุ่มชะงักไปเล็กน้อยและเดินไปที่หน้าต่าง สายตาของเขามองไปยังฝูงชนที่มุงดูอยู่เบื้องล่าง ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไมตัวเองถึงคิดว่าเธอคนนั้นอยู่ในฝูงชนที่มุงดูอยู่ จิตติพัฒน์ยืนมองหาไปเรื่อย ๆ จนมาหยุดที่กลุ่มนักเรียนหญิงกลุ่มหนึ่ง ซึ่งเป็นกลุ่มเดียวกับที่จิตติพัฒน์เจอในร้านอาหาร สุพิศาลเดินมาสะกิดจิตติพัฒน์ให้เดินตามมาเพราะร้อยโทปฏิญญาเรียกรวมพล เมื่อทั้งสองตามมาสมทบกับคนอื่น ๆ แล้วร้อยโทปฏิญญาก็สรุปภารกิจที่ต่อจากนี้พวกเขาต้องรับ โดยตอนนี้ทางเบื้องบนคงจะรู้ข่าวนี้จากการรายงานของร้อยเอกฟรีโกชิน คาดว่าอีกสามชั่วโมงคงมีการเปลี่ยนแปลงภารกิจเร็ว ๆ นี้ หลายคนมีสีหน้าที่เบื่อหน่ายกันมากเพราะสุดท้ายพวกเขาก็ยังไม่ได้ทำอะไรเป็นชิ้นเป็นอันได้ เสียงของโชลเมทดังเข้ามาในโสตประสาทหูอีกครั้ง ดูเหมือนว่าเธอจะไม่ได้สนใจเขาแบบครั้งก่อน ๆ [โทบี้กับพี่พิมนี่ ไปกันเถอะอยู่ตรงนี้ไม่ได้ช่วยอะไรหรอก อันตรายเปล่า ๆ มันอาจแค่ไฟไหม้ก็ได้] เด็กหนุ่มนิ่งไปครู่หนึ่งความรู้สึกของเขามันบอกชัดเจนว่า โชลเมทของเขาอยู่ใกล้ ๆ กับเขาแน่และเสียงมันยังคล้ายกับนักเรียนหญิงคนนั้นที่จิตติพัฒน์บังเอิญเจอในพิพิธภัณฑ์ศิลปะ จู่ ๆ เด็กหนุ่มก็วิ่งพรวดพราดออกมาจากกลุ่มสุพิศาลทันที เล่นเอาเพื่อน ๆ พากันงงเป็นไก่ตาแตกว่าเพื่อนของพวกเขาเป็นอะไรไป ด้านจิตติพัฒน์ที่วิ่งแหวกฝ่าฝูงชนออกมาจนถึงริมถนน และเห็นกลุ่มนักเรียนหญิงกลุ่มเดิมกำลังขึ้นรถคันหนึ่ง ซึ่งคนขับเป็นหุ่นแอนดรอยด์ เขายืนมองเด็กสาวคนนั้นที่อยู่รั้งท้ายของกลุ่มและจังหวะนั้นเองที่จิตติพัฒน์ได้ยินเสียงโชลเมท พอดีกับที่เธอคนนั้นเปิดปากพูดกับคนขับว่า [รีบไปกันเถอะโทบี้ ฉันไม่อยากให้พ่อรู้ว่าฉันยังอยู่แถวนี้] หัวใจของจิตติพัฒน์ถึงกับเต้นไม่เป็นจังหวะ พร้อมเสียงในจิตใต้สำนึกของเด็กหนุ่มร้องตะโกนดังก้องอยู่ในใจว่า [เจอแล้ว เธอนั่นเอง] ทว่าอีกด้านหนึ่งของจิตใต้สำนึกก็สวนกลับมาที่จิตติพัฒน์ว่า [แล้วไงต่อล่ะ นายเจอเธอแล้วยังไง ลืมไปแล้วเหรอว่านายสาบานกับหลุมศพพ่อว่าไง] จิตติพัฒน์ยืนแข็งทื่อในทันทีเมื่อนึกถึงพ่อของเขา และมันทำให้เขาตัดสินใจหมุนตัวหันหลังกลับแต่ในอึดใจเดียวจิตติพัฒน์ก็นึกถึงเหตุการณ์ก่อนหน้านี้ มันเป็นเหตุการณ์ที่จิตติพัฒน์ตัดสินใจเล่าเรื่องอาการหูดับให้เพื่อน ๆ ฟัง ส่วนใหญ่ไม่มีการแสดงความคิดเห็นอะไรนอกจากมงคลพัสที่อยากให้จิตติพัฒน์ลองเปิดใจคุยกับโชลเมทดู แน่นอนว่าคำแนะนำของเพื่อนสนิทมันดันไปขัดกับคำสาบานของจิตติพัฒน์ที่เคยลั่นไว้หน้าสุสานของร้อยเอกจตุพักต์ ซึ่งมงคลพัสก็รับรู้ได้ถึงความคิดของจิตติพัฒน์ดีจึงไม่อยากบังคับ "เจต ฟังนะเพื่อน" มงคลพัสพูดและจับไหล่เพื่อนเบา ๆ "ฉันเข้าใจดีเรื่องพ่อของนายนะ แต่อย่าทำให้นายหมดโอกาสที่จะมีความรักเลยนะเพื่อน" จิตติพัฒน์หันมามองมงคลพัสแต่ก็ถูกอีกฝ่ายพูดดักเสียก่อน "ฉันแค่แนะนำไม่ได้บังคับ อีกอย่างแค่นายคุยกับเธอมันก็ไม่ได้เสียหายนี่จริงไหม" กลับมาที่ปัจจุบันจิตติพัฒน์มองมาที่โชลเมทของเขา ซึ่งกำลังจะขึ้นรถเป็นคนสุดท้ายในตอนนั้นเองที่เขาส่งกระแสจิตไปหา ก่อนที่อาการหูดับของเขากับเธอจะหายไป [ฉันชื่อ เจต ] เขาพูดผ่านทางจิตขณะที่ยังไม่ละสายตาจากเด็กสาว [แล้วเธอล่ะ ชื่ออะไรเหรอ] เธอหยุดชะงักทั้ง ๆ ที่เท้าขวาก้าวขึ้นรถมาแล้ว หัวใจของจิตติพัฒน์เต้นไม่เป็นจังหวะและรัวเร็วจนเขาแทบหายใจไม่ทัน แม้จะเห็นหน้าไม่ชัดเจนแต่จิตติพัฒน์รู้สึกได้ว่าเธอก็ตื่นเต้นไม่แพ้เขา [แพรววา ฉันชื่อแพรววา] ❤️❤️❤️❤️ จิตติพัฒน์และคนอื่น ๆ พากันกลับมายังที่ห้องพักซึ่งทางรัฐบาลแสนปุระออกงบให้ คชสีห์เปิดโทรทัศน์เพื่อหาอะไรดูฆ่าเวลาแต่กลายเป็นว่า พวกเขาเจอแต่ข่าวการโจรกรรมอัญมณีสีฟ้าอันเป็นสมบัติแห่งชาติแสนปุระ และในข่าวยังทำให้แก๊งภูเขาไฟรู้ว่ามันไม่ใช่แค่อัญมณีที่มีมูลค่ามหาศาลเท่านั้น แต่มันกำลังจะถูกนำมาเจียระไนให้เป็นเครื่องประดับที่กษัตริย์ฮุนบัน ต้องการประทานให้กับพระราชนัดดาของพระองค์ แม้จะนึกหมั่นไส้ไปบ้างแต่กลุ่มจิตติพัฒน์ก็รู้สึกเห็นใจร้อยเอกจันฮุนและทีมของเขา ที่ต่างก็พยายามทำหน้าที่ของตัวเองให้ดีที่สุดแล้ว แถมร้อยเอกจันฮุนยังต้องสูญเสียลูกน้องคนหนึ่งในทีมไปจากเหตุระเบิด ตอนนี้กำลังอยู่ในขั้นตอนการสืบสวนอยู่และเมื่อได้ผลสรุปได้อย่างไร ร้อยโทปฏิญญาจะเรียกรวมพลอีกที พงศ์ดนัยถึงกับบ่นออกมาเลยว่าถ้าร้อยเอกจันฮุนไม่อีโก้มั่นใจเกินไป แล้วให้ความร่วมมือกับพวกเขาตั้งแต่แรกป่านนี้อัญมณีสีฟ้า ก็อาจจะไม่ถูกโจรกรรมและไม่ต้องเสียลูกทีมคนหนึ่งอีกด้วย "หยุดบ่นได้แล้วน่า เพราะยังไงเขาก็ยังไม่ให้พวกเราทำภารกิจตอนนี้หรอก" บุญทรัพย์หันมาพูด "แล้วพวกเราต้องนอนเน่าตายในห้องกันหรือเปล่า กว่าเขาจะเรียก" ศรศิลป์พูด ระหว่างที่คนอื่นพูดคุยกันมงคลพัสพึ่งสังเกตว่า จิตติพัฒน์นั่งที่เก้าอี้ในริมระเบียงชมวิวของห้องพัก เขาจึงเลื่อนประตูกระจกและมานั่งข้าง ๆ เพื่อน ในตอนที่จิตติพัฒน์วิ่งแยกตัวออกจากกลุ่มไปได้สิบนาที จิตติพัฒน์ก็เดินกลับมาแม้จะอ้างว่าทักผิดคน ทว่ามงคลพัสรับรู้ได้ว่ามีบางอย่างเปลี่ยนไปในตัวของจิตติพัฒน์และเขาเชื่อว่า มันต้องเกี่ยวข้องกับโชลเมทอย่างแน่นอน ซึ่งมงคลพัสคิดว่ายังไม่ควรพูดเรื่องนี้เพราะมันมีเรื่องสำคัญที่ต้องคิด "ไม่คิดเลยว่าแสนปุระจะยอมจ่ายหนักจองห้องพักในโรงแรมหรูแบบนี้ให้กับพวกเรา" จิตติพัฒน์เอ่ยขึ้น เขาขยับเปลี่ยนท่านั่งให้มันสบายมากขึ้น จากข้อมูลที่มงคงพัสได้มาโรงแรมนี้เป็นโรงแรมสี่ดาว อยู่ในอันดับที่เก้าในสิบอันดับโรงแรมที่หรูหราที่สุดของเขต A-03 ไม่ใช่ทุกคนที่จะเข้ามาพักโรงแรมแห่งนี้ได้ถ้าไม่รวย "เจต" มงคลพัสเรียกชื่อเพื่อนเขา "ว่าไงเพื่อน" จิตติพัฒน์หันมามองมงคลพัส "นายมาแล้วก็ดี ฉันมีเรื่องจะบอกนายพอดีเลย" "หือ เรื่องอะไรหรือ" มงคลพัสขมวดคิ้วด้วยความฉงนใจ จิตติพัฒน์ผ่อนลมหายใจเล็กน้อย "ฉันรู้แล้วว่า โชลเมทของฉันคือใคร" ❤️❤️❤️❤️
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD