บทที่ 3

813 Words
ก่อนเราจะรู้ซึ้งถึงวีรกรรมอันโลดโผนของนายโว ณ บ้านน้อยขี้หมาจอก เราควรได้รู้จักพื้นฐานด้านครอบครัวเขาเป็นอันดับแรก เพื่อประกอบสำนวนในโอกาสหากมีการฟ้องร้องหรือตัดสินชะตากรรมของเขาในวันข้างหน้า เนื่องจากบันทึกฉบับนี้ตอนต้นเรื่องได้รับความเสียหายจากกาลเวลาที่ผ่านมาไม่น้อยแล้ว ทั้งฉีกขาด ทั้งเก่าผุกรอบกร่อน แต่ยังโชดดีที่ผมยังพอจำได้ว่าเขามีลูกสองคน ผู้ชายคนโต ผู้หญิงคนเล็ก เกิดไล่เลี่ยกัน ครั้นพอเจ้าคนลูกชายคนโตสอบตกในชั้นประถมปีที่หก ซึ่งเป็นปีสุดท้ายในการเรียนภาคบังคับ ในสมัยนั้นยังมีดาบอาญาสิทธิ์ตัดสินให้สอบได้ ให้สอบตก สร้างความหวาดผวาให้นักเรียนและผู้ปกครองได้ให้จดจำเป็นตำนานชีวิตได้ ลูกสาวคนเล็กของนายโวซึ่งอยู่ป.5จึงได้เลื่อนขึ้นมาเรียนชั้นเดียวกับพี่ขายซึ่งได้สร้างความขุ่นเคืองให้นายโวไม่น้อย เพราะในวันเปิดเทอมแกมีรายจ่ายเพิ่มขึ้นอย่างน้อยก็มากกว่าเพื่อนบ้านที่มีลูกเรียนในชั้นเดียวกัน รายได้ก็ลดลงเนื่องจากขาดแรงงานจากลูกชายคนโตแทนที่จะได้ช่วยทำงานแบ่งเบาภาระทางครอบครัวก็ต้องเดินต๊อกๆคอตกข้ามถนนมาโรงเรียนร่วมกับรุ่นน้องให้เป็นที่อับอายขายขี้หน้าไปตลอดชีวิต เพราะคำว่า “สอบตก”นั้นมันเจ็บลึกและปวดร้าวมากกว่าตกต้นไม้หลายสิบเท่า บังเอิญว่าปีนั้นผมได้รับมอบหมายให้เป็นครูประจำชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 เท่ากับว่าได้เข้ามาเกี่ยวข้องพัวพันกับวิถีทางโคจรของคนไม่มีคอกโดยตรง ในด้านอาชีพของนายโวไม่ได้แตกต่างจากชาวบ้านทั่วไปคือทำนากับทำไร่ปลูกปอ ปลูกมันสำปะหลัง แต่เท่าที่สังเกตเขาทำได้หลายอย่างจนน่าทึ่ง ซ่อมจักรยาน ซ่อมวิทยุ รับจ้างซ่อมรั้ว รับจ้างขุดบ่อ รื้อบ่อ ถมบ่อ ฆ่าหมู ฆ่าวัว/ควายในงานพิธีต่างๆ เป็นเซียนพนันทุกรูปแบบเคยตระเวนเล่นการพนันไปตามหมู่บ้านต่างๆเป็นเวลาหลายสิบคืนโดยที่เมียไม่รู้ระแคะระคายเลยว่าไปติดบ่อนอยู่ที่ใดและยังมีชีวิตอยู่หรือไม่ นางยังอยู่ในวัยสาวมีน้ำมีนวลในวัยเพิ่งสามสิบปีปลาย ๆ ยังเคยพูดแบบปลงตกว่า “กลับมาเห็นหน้าตอนกลางวันเมื่อไรก็แสดงว่ายังมีลมหายใจ แต่ถ้ากลับตอนกลางคืนต้องสังเกตให้ดีว่าเป็นผีหรือเป็นคน ถ้าเป็นผีต้องมาเงียบๆพร้อมกับลมเย็นๆ แต่ถ้าเป็นคนต้องมีกลิ่นเหล้า กลิ่นชีวิตและเสียงถอนหายใจ” นางว่าอย่างเจนจัดกับประสบการณ์ในการเป็นคู่ชีวิตของคนที่ไม่เหมือนคน มีครั้งหนึ่งเขาไปเล่นการพนันที่ตำบลอื่นแล้วมีโชคลาภกลับมาพร้อมกับลูกแพะตัวหนึ่งซึ่งลูกชายของแกนำมาเลี้ยงที่โรงเรียนด้วยสร้างบรรยากาศครึกครื้นในโรงเรียนไม่น้อย เพราะมันมีนิสัยขี้เช่นชอบแอบไปเลียหัวเด็กในห้องเรียนบ้าง วิ่งเล่นฟุตบอลกับเด็กในสนามหญ้าบ้าง เดินตามหลังครูสาวไปห้องสุขาและเดินวนเวียนเฝ้าประตูราวกับรปภ.ด้วยความเฉลียวฉลาดของลูกแพะดังกล่าว ผู้บริหารโรงเรียนในสมัยนั้นเรียกว่าครูใหญ่ จึงบัญชาให้ครูน้อยอย่างผมไปเจรจาขอรับบริจาคแพะมาเลี้ยงในโรงเรียนตามโครงการในกลุ่มการงานพื้นฐานอาขีพ(กพง.)ผมได้ปฏิบัติตามคำสั่งของผู้บังคับบัญชาโดยละม่อม และในคราวครั้งนั้น ผมก็ได้ซาบซึ้งดีว่า นายโวคนนี้มีดีในตัวเองและไม่ได้โง่เขลา เกลี้ยกล่อมง่ายๆ อย่างที่ใครคิด แม้ว่าจะมีลูกสอบตกชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 ก็ตาม “ถ้าโรงเรียนต้องการอย่างนั้นผมก็ยินดี แต่ผมมีข้อแม้อยู่ 2 ข้อครับ” “ว่ามาเลยครับ ผมจะได้นำไปเสนอครูใหญ่ต่อไป” “ก่อนจะถึงข้อ 2 ต้องผ่านข้อ 1 ก่อน” นายโวหายเข้าไปในตัวบ้านซึ่งมุงสังกะสีและฝาบ้านทุกด้านทำด้วยสังกะสีเช่นเดียวกัน พูดกับเมียเบาๆเรื่องอะไรสักอย่างที่จับใจความไม่ได้ แต่ชวนให้ใจระทึก อยู่ ๆ ลูกแพะวิ่งอ้อมเข้ามาเลียมือผมด้วยความคุ้นเคย มันเงยจ้องหน้าผมด้วยนัยน์ตากลมโตและใสซื่อแม้ว่ามันจะทำปากทำจมูกขมุบขมิบไปตามประสาของสัตว์เลี้ยงที่อยู่ใกล้ชิดคนมาตลอด แต่แววตาของมันมีความเศร้าและการอ้อนวอนร้องขออะไรสักอย่างในเสียงร่ำร้องของมันนั้นแบะๆๆๆๆ ไม่หยุดปาก ไม่คิดเลยแฮะ ! จะเป็นเรื่องใหญ่โตขนาดนี้
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD