บริเวณด้านหน้าโรงเรียนยังมีต้นไม้ขนาดใหญ่หลายต้น โดยเฉพาะต้นกุง ต้นชาดตามชื่อท้องถิ่นนั้นมีใบดกหนาขนาดใหญ่เท่ากับฝาบาตรเวลาโดนลมพัดโชยมาเป็นระลอกพวกมันต่างเคลื่อนไหวกวักไกวขึ้นพร้อมกันคล้ายวงดนตรีธรรมชาติวงใหญ่บรรเลงสนั่นเนืองไปทั่วหมู่บ้านน้อยขี้หมาจอกแห่งนี้ซึ่งไม่ได้กระจอกอย่างใครเยาะเย้ย ถากถาง และเสียงดนตรีดังกล่าวนั้นให้จังหวะท่วงทำนองหลากหลายเพียงพอที่เราจะเลือกร้องเพลงอะไรก็ได้เข้าไปผสมผสานได้อย่างกลมกลืน
หัวหน้าครัวเรือนที่เราเรียกว่า “คนไม่มีคอก”นั้นเป็นคนมาจากที่อื่นซึ่งไม่แน่ชัดว่ามาจากที่ใด ไม่มีใครอยากจดจำ แม้เขาจะเคยบอกใครต่อใครโดยไม่ปิดบังก็ตาม แต่ว่าวิถีชีวิตของเขาในแต่ละวันนั้นไม่เหมือนมนุษย์มนาทั่วไป ช่วยตอกย้ำความจำของใครต่อใครให้ยากจะลืมเลือน
เขามีชื่อว่า “โว” พวกเราตั้งให้ตามกิริยาอาการของเขาที่แสดงออกมาซึ่งเขาก็ยอมรับโดยดุษฎี มีความหมายตามนั้นว่าเป็นคนพูดเสียงดัง คุยโว ขี้โม้และโอ้อวดนั่นเอง แต่ก็ไม่ใช่คำพิพากษาที่ยุติธรรมนักสำหรับคนๆหนึ่งที่เขาเพียงแต่ไม่เหมือนใครและไม่เชื่อ ไม่กระทำตามคนส่วนใหญ่
ไม่เช่นนั้น ก็คงไม่เหลือบันทึกฉบับนี้ไว้จนถึงป่านนี้แน่นอน ตัวหนังสือลายมือ/ตัวพิมพ์ดีดเจือจางคล้ายกับวันเวลาในอดีตที่มันห่างออกไป ห่างออกไปพร้อมหาบสาปสูญไปกับกาลเวลา นั่นมันก็เป็นเพียงวัตถุหรือรูปธรรมภายนอกเท่านั้น แต่สิ่งที่อยู่ในความทรงจำของผมที่มีต่อเพื่อนบ้านคนนี้ผู้มีชื่อว่า “โว”นั้นยังชัดเจน และยิ่งชัดเจนขึ้นเรื่อยๆกับกับสถานการณ์ปัจจุบัน นี่คือนามธรรมที่จับต้องไม่ได้ แต่มันเข้มแข็งที่สุดและใครมาบ่ายเบี่ยงให้เป็นอื่นไม่ได้เลยจริงๆพับผ่า !