5
จักราและนีรนารถรวมทั้งญาติของฝ่ายเจ้าสาวที่คอยส่งตัว รวมทั้งลูกน้องของปกรณ์ เดินเข้ามาหาทั้งสอง ที่จ้องมองกันอย่างไม่มีใครหลบ
“คุยกันรู้เรื่องหรือยัง?...จะได้ไปกันเสียที” จักราเอ่ยถาม
“คุยกันเรียบร้อยแล้วครับ...เธอกับลูกจะไปอยู่ที่เรือนหลังเล็ก จนกว่าจะหาข้อพิสูจน์ได้ว่าผมกับเด็กคนนี้ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกัน” ปกรณ์ประกาศก้อง เพราะเขามั่นใจว่าไม่มีความสัมพันธ์ทางสายเลือดกับศิริกาญจน์
“อย่าเพิ่งแน่ใจอะไรตอนนี้คุณปกรณ์...รอให้คุณตรวจดีเอ็นเอกับจินนี่เสียก่อน ถ้าไม่ใช่ลูกของคุณ ฉันยินดีรับโทษจากคุณทุกอย่างตามที่เราตกลงกันไว้ แต่ถ้าผลตรวจออกมาว่าคุณคือพ่อของจินนี่ คุณต้องประกาศให้ทุกคนรับรู้ว่า จินนี่คือทายาทแห่งตระกูลรัตนะบดินทร์” ทุกคนในที่นั้นต่างนิ่งงันกับคำพูดของหญิงสาว ที่ดูมั่นใจเหลือเกินว่า เด็กหญิงศิริกาญจน์คนนี้คือลูกสาวของปกรณ์ มีเพียงคนเดียวเท่านั้นที่ไม่สะดุ้งสะเทือนกับคำพูดของพิมลวัลย์ เพราะเขามั่นใจเช่นกันว่าเขาไม่ใช่บิดาของเด็กน้อยคนนี้ ทั้งหมดจึงเดินทางออกจากโรงแรม มุ่งตรงไปที่บ้านรัตนะบดินทร์ บ้านหลังใหม่ของพิมลวัลย์และศิริกาญจน์
พิมลวัลย์ยืนมองบ้านหลังเล็กสีขาวสะอาดตา บ้านหลังนี้เป็นบ้านชั้นเดียว ไม่ใหญ่มากไม่เล็กมาก มีห้องนอนสองห้อง เมื่อเปิดประตูบ้านเข้ามาจะพบห้องรับแขกขนาดกะทัดรัด มีโซฟาตัวยาวตั้งเด่นอยู่ตรงกลาง โดยมีตั่งเตี้ยๆ ซึ่งทำจากหวายเช่นกัน วางอยู่ด้านหน้าของโซฟา ส่วนห้องครัวและห้องรับประทานอาหารอยู่ทางด้านหลังของห้องรับแขก ที่แยกไว้เป็นสัดส่วน
หญิงสาวเดินเข้าไปในบ้านหลังใหม่ ที่เธอกับลูกต้องมาอาศัยพึ่งพิง โดยมีพนาถือกระเป๋าสองใบเข้าไปวางไว้ให้ในบ้าน จากนั้นพนาก็เดินออกมาจากบ้านหลังนั้นทันที พิมลวัลย์วางร่างของลูกสาวบุญธรรมที่เตียงนอน จัดเสื้อผ้าที่อยู่ในกระเป๋า จัดเรียงไว้ในตู้เสื้อผ้าขนาดกลางที่อยู่ในห้องนอนจนเรียบร้อย
หญิงสาวหยิบผ้าขนหนูและชุดนอนของเธอ ก่อนจะเดินเข้าไปในห้องน้ำเพื่อชำระล้างร่างกาย ไม่นานหญิงสาวเดินออกมาจากห้องน้ำด้วยชุดนอนบางเบา จากนั้นก็ทรุดตัวลงนอนเคียงข้างศิริกาญจน์ โอบกอดร่างหนูน้อยไว้ในอ้อมแขน หลับตาลงเพื่อพักผ่อนร่างกายให้เพียงพอ เพื่อวันพรุ่งนี้และวันต่อๆ ไป เพราะเธอคิดว่าเธอต้องต่อสู้กับปกรณ์ชายหนุ่มที่มากด้วยเล่ห์ มากด้วยอำนาจ และเป็นผู้ชายที่ไร้ความรับผิดชอบในความคิดของเธออีกหลายวัน และอาจจะต้องต่อสู้กับคนอื่นที่ไม่ต้องการให้เธอและลูกมาอยู่ที่นี่ หากแต่พิมลวัลย์จะอดทนให้ถึงที่สุด ไม่ใช่เพื่อตัวเธอเองแต่ที่ทำทั้งหมดเพื่อคนคนเดียว คนที่ชื่อเด็กหญิงศิริกาญจน์
รุ่งเช้าของวันใหม่ที่ใครๆ ต่างตื่นขึ้นมาเพื่อทำหน้าที่ของตัวเอง เช่นเดียวกันกับพิมลวัลย์ที่ทำหน้าที่แม่อย่างไม่ขาดตกบกพร่อง พอหนูน้อยจินนี่ตื่นขึ้นมา พิมลวัลย์จะอาบน้ำและแต่งตัวให้เด็กน้อยด้วยความรักที่มีให้อย่างมากล้น
“คุณแม่ขา จินนี่หิวจังค่ะ” หนูน้อยเอ่ยบอกมารดาหลังจากที่เลยเวลาอาหารเช้ามาเกือบชั่วโมงแล้ว สีหน้าของพิมลวัลย์หงุดหงิดเล็กน้อย เจ้าของบ้านไม่มีทีท่าสนใจไยดีเธอกับลูกเลยสักนิดเดียว ยิ่งคิดยิ่งเจ็บใจ ไม่สนใจตัวเธอ เธอไม่ว่า แต่เขาน่าจะสนใจศิริกาญจน์บ้าง ถึงอย่างไรหนูน้อยคนนี้ก็ยังเป็นเด็กอยู่
“เดี๋ยวแม่ไปหาอะไรให้ทานก่อนนะคะ รอคุณแม่อยู่ที่นี่นะ” พิมลวัลย์พูดกับลูกสาวเสียงนุ่ม บรรจงหอมที่แก้มป่องอย่างรักใคร่ ก่อนจะเดินออกไปจากเรือนหลังเล็กตรงไปที่เรือนใหญ่ เพื่อหาอะไรให้ลูกสาวของเธอรับประทาน
ครั้นพอมาถึงพิมลวัลย์ต้องเผชิญกับสายตาที่ดูถูกดูแคลนของคนรับใช้ที่มองมาที่เธอ หากแต่หญิงสาวหัวใจแกร่งหาได้สนใจไม่ เพราะที่เธอมาที่นี่ไม่ใช่เพราะตัวเธอแต่เป็นเพราะลูกของเธอต่างหาก
“มาทำอะไรที่นี่มิทราบ?” ทันทีที่ย่างกรายผ่านประตูมุขของบ้าน พิมลวัลย์ได้เจอกับสาวใช้คนหนึ่งที่ยืนดักหน้าของเธอไว้ไม่ให้เข้าไปภายในบ้าน
“เรื่องของเจ้านายคนใช้อย่าสอด” เพลินจิตถึงกับอึ้งกับวาจาของพิมลวัลย์ ที่ไม่เกรงกลัวรูปร่างที่สูงใหญ่ของเธอแม้แต่น้อย แถมยังจ้องมองเธออย่างท้าทายด้วย
“เผอิญว่าเธอไม่ใช่เจ้านายของฉัน เพราะฉะนั้นฉันจำเป็นต้องสอด” เพลินจิตตอกกลับพิมลวัลย์เช่นกัน
“ฉันจะมาหาข้าวให้ลูกฉันกิน” พิมลวัลย์บอกจุดประสงค์ที่มาที่นี่
“ไม่มีหรอก...ไม่ได้เตรียมไว้” สาวใช้ตัวแสบตอบอย่างไม่ทุกข์ร้อน
“ก็ไปเตรียมเสียสิ ถึงยังไงจินนี่ก็เป็นลูกของคุณปกรณ์ เป็นเจ้านายอีกคนของเธอนะ”
“ฮ่า ฮ่า ฮ่า ใช่หรือเปล่าก็ไม่รู้ อย่ามาตู่หน่อยเลย อ้าปากก็เห็นลิ้นไก่แล้ว ผู้หญิงอย่างเธอจ้องจะจับคุณมาร์ค ใครๆ เขาก็รู้กันทั้งนั้นแหละ” เธอพูดอย่างรู้เท่าทันพิมลวัลย์ แต่เพลินจิตจะรู้หรือไม่ว่าสิ่งที่เธอคิดมันผิดถนัด พิมลวัลย์ข่มความโกรธไว้ภายในใจ อยากจะเข้าไปตะบันหน้าสาวใช้ตรงหน้าที่ยืนหัวเราะชอบใจตรงหน้า ให้จมูกหักปากเบี้ยวให้สาสมกับคำพูดพล่อยๆ นี้
“ห้องครัวอยู่ไหน?...เดี๋ยวฉันจะไปเตรียมอาหารให้ลูกของฉันเอง” พิมลวัลย์บังคับให้เสียงเป็นปกติที่สุด พร้อมทั้งข่มใจที่เริ่มเดือดให้สงบเช่นกัน
“ตามมาสิ” เพลินจิตพูดพร้อมกับรอยยิ้ม และเปลี่ยนท่าทีเป็นหญิงใจดี เพราะเธอคิดแผนอะไรบางอย่างขึ้นมา สาวใช้เดินนำหญิงสาวมาที่ห้องครัวขนาดใหญ่ ที่มีอุปกรณ์การทำอาหารครบครันและทันสมัย เพลินจิตเดินไปเปิดตู้ที่อยู่ชั้นล่างสุด ก่อนจะหยิบกล่องกระดาษสี่เหลี่ยมขึ้นมาแล้วโยนลงตรงหน้าพิมลวัลย์