“มาร์คคะ...วันนี้คุณจะไปงานเลี้ยงรุ่นหรือเปล่าคะ?” นีรนารถเอ่ยถามปกรณ์ในระหว่างที่รับประทานอาหารเช้า เขาไม่ตอบศรีภรรยาหรือพูดได้ว่าคำถามของเธอนั้นไม่ได้เข้าไปอยู่ในสมองของเขาก็ว่าได้ เป็นเพราะเขากำลังคิดถึงหญิงสาวคนหนึ่งที่ทั้งหอมและหวาน ยิ่งคิดหัวใจของเขายิ่งร่ำร้อง
“มาร์คคะ...มาร์ค” นีรนารถเรียกชื่อสามีซ้ำ
“มีอะไรนารถ?” เขาเอ่ยถามภรรยาเมื่อตั้งสติได้
“นารถถามว่าวันนี้คุณจะไปงานเลี้ยงรุ่นหรือเปล่าคะ?”
“อ๋อ!!...ไปสิไป...แล้วนารถล่ะไปหรือเปล่า?”
“ไปค่ะ” นีรนารถรับคำสามี มีหรืองานใหญ่แบบนี้เธอจะไม่ไป
“ตอนเย็นจะให้ผมมารับหรือว่าจะไปเจอกันที่โน่นเลย?”
“เราไปเจอกันที่โรงแรมเลยดีกว่าค่ะ...จะได้ไม่ต้องเทียวไปเทียวมา” ระยะทางจากบ้านไปที่ทำงานนั้นไม่ไกลมากนัก แต่กว่าจะไปถึงสถานที่จัดงานนั้นต้องใช้ระยะเวลาพอสมควร ทางที่ดีคือไปเจอกันที่งานเลยดีกว่า
“ได้ ถ้าอย่างนั้นเราไปเจอกันที่โรงแรมเลยนะ ผมไปก่อนนะพอดีมีประชุมตอนสาย” ปกรณ์ลุกเดินออกไปจากห้องรับประทานอาหาร เท้าหนาที่กำลังเดินไปขึ้นรถยนต์หยุดชะงักเมื่อเห็นร่างของศิริกาญจน์เดินถือตุ๊กตากระต่ายเดินเล่นอยู่กลางสนาม ไม่รู้เขาคิดอย่างไรจึงเดินไปหาหนูน้อยแสนน่ารักคนนั้น
“ทำไมมาเดินอยู่แถวนี้คนเดียวล่ะ?...คุณแม่ของจินนี่ไปไหน?” เขาทรุดตัวลงนั่งโดยใช้ส้นเท้ารับน้ำหนักตัว เอ่ยถามศิริกาญจน์เสียงนุ่ม ใบหน้าคมมีรอยยิ้มบางๆ
“คุณแม่คุยอยู่กับคุณลุงนที...จินนี่เลยมาเดินเล่นค่ะ” คิ้วของเขาขมวดกันยุ่ง นึกสงสัยว่าคนที่ชื่อนทีคนนี้คือใคร หัวใจของเขารู้สึกคันขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก ร้อนรุ่มอยากจะเดินไปที่เรือนหลังเล็กเสียเดี๋ยวนี้ อยากเห็นหน้าลุงนทีของหนูน้อยศิริกาญจน์จริงๆ
“แล้วทำไมจินนี่ไม่อยู่เป็นเพื่อนคุณแม่ล่ะคะ เดี๋ยวคุณลุงนทีรังแกคุณแม่นะ”
“คุณลุงนทีไม่รังแกคุณแม่หรอกค่ะ คุณลุงนทีรักคุณแม่มาก จินนี่ได้ยินคุณลุงพูดกับคุณแม่เสมอ” จินนี่พูดอย่างใสซื่อ ได้ยินอย่างไรก็พูดอย่างนั้น ปกรณ์อึ้งไปพักหนึ่งเมื่อได้ยินคำพูดของเด็กน้อยตรงหน้านี้ ความใสซื่อและไร้เดียงสาบอกให้เขารู้ว่าจินนี่ไม่มีวันโกหกเขาเด็ดขาด ในใจคันยุบยิบเหมือนกับมีมดนับร้อยมากัดหัวใจของเขา อยากจะเห็นหน้าคนที่ชื่อนทีเต็มแก่ และอยากจะกระทืบหน้าของชายคนนี้ให้จมดิน ปกรณ์เองไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมต้องคิดอย่างนี้ ทั้งๆ ที่เธอไม่มีความสำคัญกับเขาเลยแม้แต่นิดเดียว
มือใหญ่ลูบที่ศีรษะน้อยๆ ของจินนี่เบาๆ ถ้าเด็กคนนี้เป็นลูกของเขาตามที่เธออ้างก็ดีน่ะสิ เด็กคนนี้หน้าตาน่ารัก พูดจาไพเราะ ดวงตาของจินนี่อ่อนโยนแต่ทว่าเข้มแข็ง คงได้เชื้อแม่มาเต็มเปี่ยม เพราะฤทธิ์เดชของผู้เป็นแม่เหลือรับประทาน นึกขุ่นเคืองที่เห็นผู้ชายดีกว่าลูกของตัวเอง พอมีผู้ชายมาหาก็ทิ้งลูกเอาดื้อๆ อย่างนี้มันต้องแกล้งเสียให้เข็ด
“หนูจินนี่อยากไปเที่ยวกับฉันหรือเปล่า? ถ้าอยากไปฉันจะพาไปเอามั้ย?” เขาเริ่มแผนการแก้เผ็ดทันที
“อยากไปค่ะ แต่จินนี่ต้องไปบอกคุณแม่ก่อน เดี๋ยวคุณแม่ว่า” คำสั่งสอนของมารดายังคงอัดแน่นอยู่ในสมองอันน้อยนิดจนขึ้นใจ พิมลวัลย์สอนศิริกาญจน์ว่าไปไหนให้บอกผู้เป็นแม่เสียก่อน ไม่เช่นนั้นมารดาจะเป็นห่วง ซึ่งศิริกาญจน์ทำตามคำสั่งอย่างเคร่งครัด ครั้งนี้ก็เช่นกัน
“คุณแม่เขามีแขกไม่ใช่เหรอ? เราอย่าไปกวนคุณแม่เลย ป่านนี้ขึ้นสวรรค์ไปถึงไหนๆ แล้ว ไปกับฉันเถอะนะ ฉันจะพาไปเที่ยว” ปกรณ์อดค่อนขอดมารดาของศิริกาญจน์ไม่ได้ ในใจของเขาคิดไปไกลถึงไหนต่อไหน ถึงขนาดไล่ลูกของตัวเองออกมาข้างนอก ไม่ต้องคิดให้เมื่อยสมองหรอกว่าสองคนนั้นกำลังทำอะไรกันอยู่ แต่ยิ่งคิดหัวใจของเขาก็เดือดพล่าน ศิริกาญจน์ทำท่าครุ่นคิดก่อนจะพูดประโยคหนึ่งออกไป เป็นประโยคที่ทำให้ร่างกายของเขาชาวาบไปทั้งตัว
“ไปค่ะ...คุณพ่อ” ศิริกาญจน์พูดด้วยรอยยิ้ม แต่เขากลับยิ้มไม่ออก คำว่าพ่อเป็นคำที่ห่างไกลความรู้สึกของเขามาก น่าแปลก คำว่าพ่อที่ออกมาจากปากของหนูน้อยคนนี้ มันทำให้เขามีความสุข หัวใจพองโต ตื้นตันใจเป็นอย่างมาก มือน้อยๆ สอดเข้าไปในอุ้งมือใหญ่ของคนที่ศิริกาญจน์เรียกว่าพ่อ เขามองมือที่อยู่ในอุ้งมือของเขานิ่ง ก่อนจะมองใบหน้าของหนูน้อยที่อ้างตัวเป็นลูก มือน้อยๆ ที่เขากุมอยู่นี้ทำให้กระแสบางอย่างวิ่งไปมา เป็นความผูกพันที่อยู่ก้นบึ้ง ผุดพรายแทรกซึมออกมาทีละนิดๆ
“คุณพ่อเหรอ?...” เขาพูดเหมือนคนละเมอ ศิริกาญจน์ยิ้มให้กับเขา รอยยิ้มที่สดใสจริงใจทำให้คนที่ได้รับรอยยิ้มรู้สึกรักและหวงแหนเด็กน้อยคนนี้อย่างบอกไม่ถูก
“ค่ะ...คุณแม่บอกว่าคนนี้คือคุณพ่อของจินนี่” นิ้วมืออีกข้างที่ว่างอยู่ชี้ไปที่ร่างของเขา
“แม่ของหนูบอกอย่างนั้นเหรอ?” เขาถามย้ำอย่างสงสัย ดูพิมลวัลย์จะมั่นใจเหลือเกินว่าเด็กคนนี้เป็นลูกของเขา ทั้งๆ ที่เขามั่นใจว่าไม่เคยรู้จักหรือหลับนอนกับเธอมาก่อนเลย หรือว่าตอนนั้นเขาเมาไม่ได้สติ แต่ไม่ว่ายังไงเขาต้องพิสูจน์ให้ได้ว่าเธอโกหกทุกคน และที่สำคัญเขาอยากรู้เหลือเกินว่าใครกันหนอที่เป็นพ่อที่แท้จริงของหนูน้อยคนนี้
“ใช่ค่ะ...คุณแม่บอกจินนี่เอง” เขาไม่พูดอะไรต่อ เดินจูงมือหนูน้อยไปที่รถยนต์ของเขา ภาพของลูกชายและเด็กน้อยผู้เป็นปริศนาอยู่ในสายตาของจักราตลอดเวลา เขาเองไม่มั่นใจนักว่าเด็กคนนี้จะเป็นลูกของปกรณ์จริงหรือไม่ ไม่มีใครตอบได้นอกจากพิมลวัลย์เพียงคนเดียวเท่านั้น ต่างจากสายตาอีกคู่ที่จับจ้องมาที่ร่างของเขาและจินนี่ แววตาคู่นั้นเต็มไปด้วยความเกลียดชัง ริษยาและแค้นเคือง
“ตราบใดที่ฉันยังอยู่ที่นี่เป็นเมียของมาร์คอยู่ ฉันจะทำทุกอย่างที่จะกำจัดแกสองคนแม่ลูกออกไปจากที่นี่ให้ได้” นีรนารถพูดกับตัวเอง กว่าที่เธอจะได้แต่งงานกับปกรณ์ไม่ใช่เรื่องง่าย เธอต้องรักษาตำแหน่งนี้ไว้ให้นานที่สุดเพื่อตัวเธอเองและครอบครัว