ก่อนหน้านั้นเมริกาได้ชมการแสดงการรำมโนราห์ ท่ารำมันช่างงดงามเสียเหลือเกิน บางท่ารำเมริกาไม่เคยเห็นมาก่อน ตอนเด็กๆ คุณยายของเมริกาได้พาเมริกาไปชมการแสดงมโนราห์บ่อยๆ แต่ท่ารำมโนราห์ที่เคยเห็นนั้นน่าจะดัดแปลงขึ้นเมื่อภายหลัง ซึ่งหลักๆ มีท่ารำเพียง 12 ท่ารำเป็นการรำมโนราห์แม่บท แต่ท่ารำที่เมริกาได้ชมมันช่างอ่อนช้อยสวยงามและแฝงไว้ซึ่งความแข็งแรงทรงพลัง
เมริกาชมการแสดงจนเพลินและเผลอหลับไปจวบจนตอนนี้ในถ้ำมืดสนิทมีเพียงแสงจากคบไฟที่จุดไว้เท่านั้น เมริกาค่อยๆ ลืมตาตื่นขึ้นมาช้าๆ พบว่านางไม้ สไบและชบาไม่อยู่แล้วรวมถึงเหล่านางรำมโนราห์ก็ได้ออกจากถ้ำไปแล้วด้วยเช่นกัน เมริกาสอดส่ายสายตาไปรอบๆโถงถ้ำ และต้องหยุดชะงักนิ่งดังต้องมนต์สะกดเมื่อสายตาคู่สวยของตนประสานเข้ากับดวงตาสีทองคู่คมคู่นั้นเข้า
"คุณ! ช่วยด้วย คุณชบา คุณสไบ ช่วยเมย์ด้วย" เมริกาอุทานตกใจและส่งเสียงเรียกนางไม้ชบาและสไบเพื่อให้เข้ามาช่วยเหลือตนเอง
"หยุดร้องเรียกนางไม้สองคนนั้นได้แล้ว ผัวเจ้ากลับมาแล้วจะแหกปากเรียกหานางไม้พวกนั้นทำไมกันเล่า" เสียงนั้นพูดขึ้นแต่เมริกาก็มองหน้าเขาผู้นั้นไม่ชัดเห็นแค่ลางๆว่ารูปร่างใหญ่โตสมส่วน แต่เขาผู้นี้อ้างตัวว่าเป็นสามีของเมริกาอีกทำให้เมริกามึนงงสับสนไปหมดว่าผู้ชายคนนี้เป็นใคร ทำไมในช่วงเวลาไม่นานมานี้ถึงได้มีผู้ชายมาอ้างสิทธิ์ความเป็นสามีกับเมริกาถึงสองครั้งแล้ว
"คุณใช่ไหมที่พาฉันมาที่นี่ คุณเป็นเจ้าของถ้ำนี้ใช่ไหม" เมริกาถามออกไปเสียงสั่นด้วยความกลัว
"ใช่ พี่เป็นคนพาเจ้ามาที่นี่และพี่ก็เป็นเจ้าของถ้ำแห่งนี้" จักราตอบแต่ยังไม่แสดงตัวให้เมริกาเห็นตนเองชัดๆ เมริกามองเห็นเขาแค่เสี้ยวหน้าและเห็นแค่ดวงตาคู่คมสีทองคู่นั้น
"ฉันอยากจะบอกคุณว่าฉันยังไม่มีสามี คุณคงเข้าใจผิดแล้วฉันไม่ใช่ภรรยาคุณ คุณพาฉันกลับไปส่งคืนพ่อแม่ฉันเถอะนะคะแล้วฉันจะไม่เอาเรื่องจะไม่แจ้งความจับคุณด้วย" เมริกาพูดบอกออกไป พยายามบอกให้เขาพาตัวเองกลับไปส่งยืนยันว่าเขาอาจจะจับผู้หญิงมาผิดตัวเพราะเข้าใจอะไรผิดหรือไม่
"เจ้านั่นแหละที่เป็นเมียพี่ ไม่ผิดตัวหรอกแล้วพี่ก็ไม่มีวันพาเจ้ากลับไปส่งคืนพ่อแม่เจ้าหรอกเพราะเจ้าเป็นของของพี่"
"ฉันไม่ใช่เมียคุณได้ยินไหม คุณเป็นใครกันฉันไม่เคยรู้จักคุณเลยนะแล้วพาฉันมาที่นี้ทำไม"
"ตอบไปแล้วไม่ใช่หรือว่าเป็นผัวของเจ้า" จักราตอบเสียงเรียบนิ่ง
"ไอ้บ้า!......ฉันบอกว่าฉันยังไม่มีสามีฉันยังไม่แต่งงานและที่สำคัญฉันไม่รู้จักคุณ พาฉันไปส่งบ้านเถอะนะฉันอยากกลับบ้าน คุณอยากได้อะไรฉันจะให้คุณพ่อของฉันหามาให้นะคะ พ่อของฉันรวยมากคุณอยากได้เงินเท่าไหร่บอกฉันมาได้เลยฉันจะให้คุณ พาฉันกลับบ้านเถอะนะคะ" เมริกาโมโหถึงขีดสุดแต่พยายามใจเย็นและยกเอาเงินทองมาหลอกล่อหวังให้จักราปล่อยตนเองกลับบ้าน
"เจ้านี่เป็นคนตลกดีนะ เจ้ารู้หรือไม่ทรัพย์ของพ่อเจ้าเทียบไม่ได้แม้เศษธุลีเมื่อเทียบกับสิ่งที่พี่มี" จักราหัวเราะขบขันข้อเสนอของเมริกา
"แล้วคุณต้องการอะไรจะเอายังไง คุณพาฉันมาที่นี่ทำไม รู้หรือเปล่าพ่อแม่ฉัน เพื่อนฉันคนที่รักฉันเขาจะเป็นห่วงฉันมากเพียงใด" เมริกาถามออกไปอย่างสุดจะทน
"แล้วผัวเขาต้องการสิ่งใดจากเมียกันเล่า ทิพย์มณฑา อ๋อไม่ใช่สิต้องเรียกเจ้าว่าคุณหนูเมริกาสินะถึงจะถูก แต่ไม่ว่าเจ้าจะเป็นทิพย์มณฑาหรือว่าจะเป็นเมริกาเจ้าก็คือเมียของพี่" จักราถามและย้ำความเป็นผัวเมียอีกครั้ง
"ไม่ใช่ คุณไม่ใช่สามีฉันได้ยินไหม ฉันจะกลับบ้าน" เมริกาเถียงออกไปเสียงดังและขยับตัวลงจากแท่นที่นอนจะวิ่งหนีแต่จักรากลับยึดแขนเรียวสวยนั้นไว้ พร้อมกับพูดเสียงดุกังวานว่า
"เจ้าจะยังไปที่ใดไม่ได้ถ้าพี่ยังไม่อนุญาต เรื่องที่พี่เป็นผัวเจ้าพี่จะย้ำให้ก็ได้เจ้าจะได้จำได้ แม้ว่าจะจดจำเรื่องหลายร้อยปีมาแล้วไม่ได้แต่เจ้าคงต้องจดจำเรื่องที่เกิดขึ้นที่วิมานของพี่เมื่อหลายคืนก่อนได้จริงหรือไม่ เมริกา" จักราพูดเสียงกดต่ำ
"คุณ คุณเป็นยักษ์ตนนั้นหรือ" เมริกาถามพร้อมกับรีบหันหน้ากลับไปถาม แต่ก็เหลือบเห็นขนหนาสีทองสลับลายที่แขนของบุรุษที่กำลังจับยึดแขนเรียวสวยของตัวเองอยู่เสียก่อน
"พี่ดีใจจริง อย่างน้อยเจ้าก็ยังจดจำคืนนั้นของเราได้อยู่" จักราพูดและหัวเราะออกมาอย่างอารมณ์ดีขึ้นมาก
"ยักษ์เหรอ"
"ฉันมีสามีเป็นยักษ์หรือ"
"คุณเป็นสามีของฉันหรือ"
"แล้วตอนนี้ฉันอยู่ที่ไหนคุณช่วยบอกฉันที ฉันตายแล้วยังคะ" เมริกาพูดถามออกมาแบบเพ้อๆ งงๆ เหมือนมีค้อนปอนด์ขนาดใหญ่มาทุบหัวตัวเองอย่างไรอย่างนั้น
"เจ้ายังไม่ตายและพี่ก็จะขอยืนยันอีกครั้งว่าเจ้าเป็นเมียพี่" จักราพูดย้ำยืนยันสถานะของตนเองน้ำเสียงหนักแน่น
"ไม่จริง ถ้ายักษ์ตนนั้นคือสามีฉันแล้วคุณจะเป็นสามีฉันอีกคนได้อย่างไร คุณไม่ใช่ยักษ์ตนนั้นนะ ฉันจะไม่มีวันยอมเป็นผู้หญิงมีสองผัวคุณปล่อยฉันนะ คุณมันบ้าคุณมันเป็นตัวอะไรกันแน่ปล่อยฉันนะ" เมริกาดิ้นทุบตีจักราให้ปล่อยตนเอง
"ได้ยินว่าเจ้ามีจิตภักดีต่อยักษ์ผัวของเจ้าพี่ฟังแล้วชื่นใจจัง แต่ไม่ต้องกลัวไปหรอกเมริกาเจ้าเป็นทิพย์มณฑาของพี่ ไม่ว่าจะอีกกี่ภพกี่ชาติกายของเจ้าก็จะเป็นของพี่ได้เพียงผู้เดียวเท่านั้น ผู้อื่นไม่มีสิทธิ์ได้ครอบครองเจ้า" จักราพูดในน้ำเสียงแฝงไว้ด้วยความภาคภูมิใจ
"คุณกำลังจะบอกว่าคุณคือยักษ์ตนนั้นหรือคะ ถ้าคุณเป็นยักษ์ตนนั้นทำไมคุณถึงยังไม่ยอมให้ฉันเห็นหน้าคุณ ให้ฉันเห็นแค่ไอ้ลูกตาสีทองน่ากลัวกับไอ้ขนแขนบ้าๆนี่ คุณเป็นสัตว์ประหลาดหรือเปล่า" เมริกาพูดต่อรองอยากเห็นหน้าชายที่ผู้อ้างสิทธิ์ว่าเป็นสามีของตนให้แน่ชัดก่อน
"แล้วถ้าผัวของเจ้าเป็นสัตว์ประหลาดอย่างที่เจ้าว่าจริงๆ เจ้าจะกลัวพี่หรือเปล่าเมริกา" จักราถาม
"กลัว ตอนนี้ฉันทั้งกลัวทั้งสับสนไปหมดแล้ว นี่มันเกิดอะไรขึ้นกับชีวิตของฉันกันแน่" เมริกาพูดน้ำเสียงสั่นเครือ
"โธ่คนดี ไม่ต้องกลัวพี่หรอกนะ มานี่มานั่งใกล้ๆพี่ พี่ขอโทษที่ทำให้เจ้ากลัวพี่ถึงเพียงนี้ แต่พี่คิดถึงเจ้าเหลือเกินถึงได้ใจร้อนทำให้เจ้าเจ็บและตกเป็นของพี่ในคืนก่อนนั้นแล้วยังพาตัวเจ้ามาที่นี่อีก ทั้งๆที่รู้ว่ามันผิดกฎแต่พี่อยากอยู่กับเจ้า" จักราพูดบอกและยกร่างบางของเมริกามานั่งซ้อนตักของตัวเอง
"แต่ฉันไม่อยากอยู่ที่นี่กับคุณ ฉันกลัว! ปล่อยฉันไปเถอะนะคะ แขนของคุณมันมีขนเหมือน......." เมริกาพูดเสียงสะอื้นด้วยความกลัว
"เหมือนขนเสือใช่ไหม ไม่ต้องกลัวหรอกถึงพี่จะเป็นเสือแต่ก็เป็นเสือที่รักเจ้าที่สุดในชีวิต" จักราพูดบอกเมริกา
"เสือเหรอ คุณเป็นเสือแล้วคุณจะกินฉันไหม" เมริกาถามเสียงสั่นด้วยความกลัวเจ้าของอ้อมแขนที่กำลังโอบกอดเมริกาอยู่
"กินสิ พี่จะกลืนกินเจ้าให้สมรักของพี่" จักราพูดบอกและหัวเราะชอบใจ พร้อมกับผ่อนร่างบางลงบนแท่นที่นอนที่ปูรองด้วยขนสัตว์อะไรสักอย่างที่ขนนุ่มฟู่มากๆ แสงจันทร์ยามค่ำคืนเคลื่อนคล้อยมาอยู่ตรงโพรงปล่องถ้ำ ทำให้เห็นร่างใหญ่โตของจักราที่ทาบทับอยู่เหนือร่างสวยของเมริกา เมื่อแสงจันทร์กระทบกับร่างของจักราทำให้ร่างของจักราค่อยๆ คืนความเป็นมนุษย์ ขนแขนค่อยๆหายไปทีละนิดๆ จักราก้มลงจูบลากไล้ลิ้นร้อนชื้นไปตามลาดไหล่ ซอกคอขาวเนียนสวยของเมริกาอย่างหลงใหล สูดดมเอากลิ่นกายหอมเข้าไปอย่างแสนรักแสนหลงในกายสวยของเมีย
"เมริกากลิ่นกายของเจ้าหอมมาก หอมเหมือนเกสรดอกไม้ อ๋อใช่สิ แม่นางไม้สองตนนั้นคงจะรู้งานและหน้าที่ของตัวเองดีคงทำหน้าที่ขัดสีฉวีวรรณให้เจ้าไว้คอยท่าพี่ใช่หรือไม่" จักราพูดถามแต่ไม่ได้ต้องการคำตอบ กลับจูบไล้วนไปทั่วเนื้อกายของเมริกา
"ปล่อยฉันก่อนได้ไหมคะ อย่าเพิ่งทำอะไรฉันเลยฉันกลัว คือว่า คือฉันขอเห็นหน้าคุณให้ชัดๆก่อน ฉันอยากมั่นใจว่าคุณคือคนเดียวกับยักษ์ตนนั้นจริงๆ คือฉัน คือฉันไม่อยากจะ ฉันไม่อยากมีสามีหลายคน" เมริกาพูดต่อรองและออกแรงผลักจักราเบาๆพยายามขอร้องจักราเสียงสั่นๆอยากเห็นหน้าเขาให้มั่นใจถ้าจะต้องเสียตัวอีกครั้งก็ขอเสียตัวมีผัวแค่คนเดียวเถอะ
"เจ้าจำเสียง จำรสสัมผัสของพี่ไม่ได้เชียวหรือ" จักราพูดถามแต่ก็ยิ้มที่มุมปากด้วยความพอใจในความไว้เนื้อไว้ตัวของเมียตัวเอง เมื่อเมริกาได้ยินที่จักราพูดว่าจำเสียง จำสัมผัสไม่ได้หรือก็ทำให้เมริกาได้คิด ใช่ เสียงนี้เป็นเสียงเดียวกันกับยักษ์ตนนั้นและไอ้สัมผัสที่ว่าวิธีการแตะต้องโอ้โลมแบบนี้มันก็ใช่ แต่ก็เถียงออกไปด้วยความเขินอายว่า
"ก็ตอนนั้นฉันฝันไปนะคุณ ฉันจำอะไรไม่ได้แล้ว" เมริกาพูดด้วยท่าทางเขินอายจักราอยู่ในที ทำให้จักรายิ้มกว้างพึ่งพอใจกับท่าทางและความฉลาดตอบของเมริกา
"งั้นพี่จะเริ่มทำใหม่ จะทำให้เจ้าระลึกได้และจำรสสัมผัสของพี่ได้จนติดตรึงใจเจ้าดีหรือหรือไม่" จักราพูดและลงมือทำให้เมริกาจดจำตนเองได้ โดยการจูบไซ้แก้มเนียน แอ่งชีพจร ไล้มาจนถึงเนินเนื้อนางอวบอิ่ม ค่อยๆปลดผ้านุ่งและเสื้อผ้าฝ้ายสีขาวนวลออกจากร่างเมริกา
"คุณ อย่า...." เมริกาปัดป้องยึดมือของจักราไว้ ไม่ให้ดึงเสื้อผ้าอาภรณ์ที่ตนสวมใส่อยู่ออก
"เจ้าอย่าขัดใจพี่เลยนะ พี่อยากรักเจ้า ถ้าเจ้าไม่ดื้อดึงพี่จะทำเจ้าเบาๆ จะถนอมเจ้าไม่ให้เจ้าต้องช้ำเพราะมือพี่" จักราพูดสัญญาและนำพาตัวตนชำแรกเข้าไปในกายสวยของเมริกา
"โอ๊ย! ฉันเจ็บปล่อยฉันนะ" เมริการ้องออกมาเมื่อจักรานำพาตัวตนอันใหญ่โตเข้าไปในกายสวยของตัวเอง
"เจ้ายังเจ็บอยู่อีกหรือเมื่อคืนก่อนพี่ก็ทำรักกับเจ้าไปแล้วนิ ทำไมเจ้ายังเจ็บอยู่อีก" จักราถามด้วยความสงสัย ไม่ใช่ครั้งแรกแล้วทำไมเมียเขายังเจ็บอยู่ โดยไม่ทันได้คิดไปว่าตนเองนั้นร่างกายใหญ่โตเพียงใดแล้วเมียของเขาเล่าตัวเล็กบอบบางออกอย่างนั้น
"ไอ้คนบ้า เอ๊ยไม่ใช่สิไอ้ยักษ์บ้าหรือต้องเรียกว่าไอ้เสือบ้า โอ๊ย ก็ตอนนั้นฉันฝันแต่ตอนนี้มันไม่ใช่ฝัน....." เมริการ้องด่าออกไปและทุบตีต่อสู้ไม่ยอมจักราโดยง่ายทั้งหยิกทั้งข่วนจักรา
"ดุจริงๆเลยนะเจ้า สมแล้วที่เป็นเมียเสือ พี่ให้เจ้าตีพี่แรงๆก็ได้ แต่พี่ก็จะขอทำรักเจ้าแรงๆให้สมรักหน่อยจะได้หรือไม่" จักราถามน้ำเสียงล้อเลียนในที
"ไอ้บ้า โอ๊ย ฉันเจ็บนะ ปล่อยฉันนะ" เมริการ้องโวยวายใส่จักรา
"เจ็บก็อยู่นิ่งๆบ้าง แล้วก็หยุดร้องแหกปากด้วยเดี๋ยวพวกนางไม้รุกขเทวาทั้งหลายได้เอาไปพูดกันสนุกปากว่าเมียท่านจ้าวดุเหมือนเสือกว่าจะปราบพยศได้เล่นเอาผัวเจ้าแทบหมดแรง" จักราพูดบอกเมริกาทำให้เมริกาเงียบเสียงลงด้วยกลัวว่าใครจะมาได้ยินและมาแอบดูแอบฟังตนเองให้ต้องอับอาย เมริกาจึงยอมนอนนิ่งๆอย่างยอมจำนนและรับมือกับบทรักดุดันของท่านจ้าวแต่โดยดี
เมื่อเสร็จสิ้นภารกิจรัก จักราก็เผยใบหน้าที่งามราวเทพบุตรในเมียเห็น เป็นใบหน้าของคนปกติ เขี้ยวยักษ์นั้นก็หายไปแล้ว ขนแขนที่เหมือนเสือก็หายไปด้วย บัดนี้เมริกานอนสิ้นเรี่ยวแรงอยู่กับอกแกร่งของจักรา จักรายังคงจูบโอ้โลมลูบไล้ผิวกายเนียนสวยของเมริกาอยู่ตลอดด้วยความหลงใหล
"เมริกาเจ้าเจ็บอยู่อีกหรือไม่ หายเจ็บแล้วยัง" จักราถามเมริกาพร้อมกับลูบไล้แก้มเนียนของเมียเบาๆ
"เจ็บสิถามมาได้ แล้วใบหน้าของคุณ เขี้ยวของคุณ ขนที่แขนมันหายไปไหนแล้วคะ" เมริกาตอบเสียงสบัดและถามจักราด้วยความสงสัยเมื่อเห็นรูปกายของสามี เมริกาเอามือของตัวเองไปสัมผัสกับหน้าของจักราเบาๆ
"ทำไม หน้าพี่ทำไมหรือเจ้าจะบอกว่าพี่รูปงามใช่หรือไม่ หน้าพี่ไม่มีเขี้ยวแบบนี้เจ้าชอบหรือเปล่าเมริกา" จักราถามเมียและใช้นิ้วไล้ไปที่ริมฝีปากบางของเมียเบาๆ
"โอ๊ย ฉันไม่รู้ นี่มันเรื่องอะไรกันเนี่ยมันเกิดอะไรขึ้นกับชีวิตฉัน แล้วตกลงฉันมีสามีเป็นยักษ์ หรือเป็นเสือ หรือเป็นอะไรกันแน่ ฉันสับสนไปหมดแล้วนะ" เมริกาพูดออกมาด้วยความมึนงงสับสนไปหมด
"ผัวเจ้าก็เป็นทั้งยักษ์ทั้งเสือนั่นแหละ เจ้าไม่ต้องสนใจหรอกว่าพี่จะเป็นอะไร รู้แค่ว่าพี่รักเจ้าหลงเจ้าคนเดียวก็พอแล้ว นอนเสียเถอะนะคนดีของพี่พรุ่งนี้พี่จะพาเจ้าไปเที่ยวยังสถานที่ ที่ครั้งหนึ่งเจ้าเคยชอบมากๆ" จักราหัวเราะกับคำถามของเมริกาและพูดตัดบทให้เมริกานอนเสีย เมริกาเองก็เพลียมากจึงค่อยๆหลับตาลงยอมจำนนต่อโชคชะตาและชีวิตแล้ว อะไรจะเกิดก็ขอให้มันเกิดเถอะ เมริกาเหนื่อยล้าและเพลียร่างเต็มทีแล้วจึงหลับตาลงและนอนหลับไปในอ้อมแขนของจักราทันที