เธอมองตามผู้ชายตัวสูงใหญ่ที่ใส่ชุดธรรมดามาคุยงานในวันหยุดที่ควรจะได้พักผ่อน เขาออกจากโรงพยาบาลเมื่อวานนี้นั่นเลยเป็นเหตุที่นัดเธอมาวันนี้ เขาเดินมายืนพิงโต๊ะทำงานแล้วหยิบแฟ้มขึ้นมาเปิดให้ดูก่อนจะเริ่มบอกรายละเอียดต่างๆที่ต้องรู้ กลิ่นเหล้าผสมกับกลิ่นบุหรี่จางๆฟุ้งออกมาพร้อมกับลมหายใจของเขาที่ใกล้กันมากและนั่นทำให้เธอไม่มีสมาธิเลย
“เข้าใจที่เฮียบอกไหม?”
“อื้ม”
“แล้ววันนี้กลับยังไง?”
“เดี๋ยวเรียกแท็กซี่กลับ”
“ไม่มีรถเหรอ?”
“มี แต่รถเสีย อาทิตย์หน้าถึงจะได้มั้ง”
“งั้นเดี๋ยวเฮียไปส่งเอง”
“เฮียสาม…”
“อย่าดื้อโมนา!”
เธอถอนหายใจแล้วหยิบกระเป๋ามาสะพายเอาไว้ ส่วนแฟ้มเอกสารทั้งหมดเฮียสามเป็นคนถือเองด้วยมือเพียงข้างเดียว ส่วนอีกข้างก็จับข้อมือเธอให้เดินตามออกไป แล้วไม่ว่าจะสะบัดออกเท่าไรก็ไม่หลุดเลยด้วย
ไม่คิดเลยว่าเราจะได้เจอกันอีกครั้ง
บางทีเจ้ากรรมนายเวรก็มาในรูปแบบของผัวเก่า
“พักอยู่ที่ไหน?”
“คอนโด”
“จะบอกได้รึยังว่าสี่ปีที่ผ่านมาหายหัวไปอยู่ที่ไหน?”
“เรียนต่อ”
“แค่นี้?”
“แล้วเฮียจะรู้อะไรนักหนาล่ะ?”
“พอดีว่าอยากเสือกเรื่องเมียเก่าดูบ้างไง”
“ฉันยังไม่ยุ่งกับเรื่องส่วนตัวเฮียสามเลยนะ”
“ก็เรื่องของโมนาสิ! ความอยากรู้อยากเห็นของคนมันไม่เท่ากันหรอก พอดีว่าเฮียเป็นพวกอยากรู้อยากเห็น ยิ่งเป็นคนรู้จักยิ่งต้องรู้มาก!”
“ขี้เสือก!”
เขาขับรถไปในทางที่เธอบอกประมาณหนึ่งชั่วโมงก็มาถึงคอนโดหรูแล้ว โมนาไม่น่าจะขาดสนเรื่องเงินแต่ที่มาเป็นลูกจ้างเพราะอยากเรียนรู้เรื่องการทำงานมากกว่า ภีมก็บอกเพียงแค่เธอเคยทำงานที่เมืองนอกแต่ว่าไม่นานและคนที่มาทำหน้าที่ผู้จัดการชั่วคราวคือรุ่นน้องของเพื่อนผู้จัดการอีกที
“เดี๋ยวพรุ่งนี้เฮียมารับนะ”
“ไม่จำเป็นหรอก ฉันไปเองได้”
“บอกเฮียได้ไหมว่าเราเลิกกันเพราะอะไร?”
“ก็เฮียสามนอกใจฉัน”
“เฮียนี่นะนอกใจ!?”
“ฉันเห็นผู้หญิงเข้าห้องเฮียเป็นชั่วโมงกว่าจะออกมา ฉันดูแค่นั้นก็รู้ว่าเข้าไปทำอะไร”
“ฟังนะโมนา เฮียไม่เคยนอกใจ ไม่เคยนอนกับใครนอกจากเมียตัวเองเลย แล้วถ้าจะเห็นว่ามีผู้หญิงเข้าห้องของเฮียมันก็มีแค่คนเดียวเท่านั้นแหละ เมียของพี่ชายเฮีย”
“นี่เฮียเล่นชู้เหรอ!?”
“ก็บอกว่าไม่เคยทำไงวะ! เฮียไม่รู้หรอกนะว่าโมนาไปเห็นตอนไหนเพราะพี่ชายเฮียมันมาค้างด้วยบ่อยมากเวลาเมาแล้วกลับไม่ไหว แล้วต่อไปมีอะไรก็ถามดิ ปากมีไว้อมอะไรห่ะ คิดเองเออเองแล้วทำทุกอย่างพังไปหมด!”
“เฮียด่าฉันเหรอ!?”
“มีคำไหนที่ชมไหมล่ะ?”
“เจอกันวันแรกก็ด่าไม่หยุดเลยนะ!”
“ก็สมควรโดนอยู่หรอก!”
“ปากแบบนี้แหละเลยไม่มีใครเอา!”
“อย่ามาเก็บเอาของเก่าๆไปกินแล้วกันล่ะโมนา!”
“ไม่กินของเก่าหรอก มันน่าเบื่อ!”
โมนาลงจากรถไปทันทีและปิดประตูเสียงดังลั่นเลย คือรู้ว่ากูรักรถไงเลยทำแบบนี้เพื่อทำร้ายจิตใจกันแม่งโคตรเหี้ย! สามมองตามด้วยความหนักก่อนจะยิ้มกว้างออกมาและส่ายหน้าเล็กน้อย ตอนนี้โมนาไม่มีใครแล้วมันจะผิดอะไรถ้าเขาจะเอาเธอกลับคืนมาอีกครั้งในฐานะคนรักเหมือนสี่ปีก่อน
ไม่กินอะไรเก่าๆงั้นเหรอ
เดี๋ยวจะยัดเข้าปากให้สำลักเลย!
ในคืนนี้โมนาแทบจะนอนไม่หลับเพราะการได้เจอกับเฮียสามอีกครั้งทำให้ใจเต้นแรงมาก ตั้งแต่เลิกกันไปเธอไม่ได้มีใครเลยแล้วสาเหตุการบอกเลิกก็ไม่ใช่แค่เรื่องผู้หญิงด้วย แต่มันเป็นเพราะเธอถูกกดดันจากครอบครัวที่ไม่ต้องการให้มีความรักเร็วนักเพราะถูกเป่าหูมาอีกทีจากญาติสนิท ไหนจะเรื่องข่าวบ้าบออะไรไม่รู้ที่ไม่มีมูลแต่ครอบครัวก็เชื่อว่าคือเรื่องจริงและตัดสินแบบไม่ถามอะไรเลยสักคำ พอเธอเริ่มเถียงเรื่องนี้ก็กลายเป็นว่าก้าวร้าวทั้งที่อธิบายให้เข้าใจในเรื่องจริงเท่านั้นเอง
นั่นเลยทำให้ทะเลาะกับที่บ้านเกือบสองเดือนจนแทบประสาทกินแต่ก็ไม่ได้บอกใคร ก่อนจะส่งไปเรียนต่อที่เมืองนอกเพื่อขัดขวางความรัก พอกลับมาอีกครั้งคนต้นเรื่องก็หนีไปแต่งงานอย่างแฮปปี้มีความสุข ในขณะที่เธอเสียความรักไป
กล้ามาว่าเธอใจแตกทั้งที่ตัวเองก็เรียนไม่จบ
วันนั้นไม่น่าบอกเลิกเฮียสามเลย
รูปคู่ของเก่ายังอยู่เหมือนเดิมแม้ว่ามันจะเก่ามาก ของขวัญที่เขาเคยซื้อให้ก็ยังเก็บเอาไว้ เขานัดเธอไปร้านนั้นที่เต็มไปด้วยความทรงจำแสนเจ็บปวด ความผิดพลาดของเธอในอดีตที่ทำลงไปเพราะอดทนไม่มากพอ ไม่มีวุฒิภาวะเพียงพอ ความเป็นเด็กที่ถูกกดดัน ข่าวแปลกๆที่ลือกันแบบไม่มีที่มา แถมเธอยังไม่กล้าจะพูดความจริงออกไปเพราะกลัวเขาจะไปหาเรื่องทุกคน
ในตอนนั้นเธออายุแค่สิบเก้าปีเองนับว่ายังเด็กพอสมควร เธอคบกับเฮียสามตั้งแต่เรียนไม่จบชั้นมัธยมด้วยซ้ำ แต่ทุกอย่างมันก็มีความสุขดีนะ เขาเข้ามาจีบเธอในวันโอเพ่นเฮ้าส์ของมหาวิทยาลัย เขาในตอนนั้นเรียนอยู่ปีสอง ส่วนเธอเรียนอยู่ชั้นม.ห้าเตรียมจะขึ้นม.หก เขาให้คำแนะนำเกี่ยวกับคณะของตัวเองและนั่นคือจุดเริ่มต้นเรื่องราวที่น่ารักของเรา ก่อนที่มันจะระส่ำระส่าเมื่อมีคนไปฟ้องพ่อแม่ว่าเธอใจแตกและอาจจะเรียนไม่จบชั้นมัธยมปลายเพรสะว่าติดผู้ชาย เธอยังไม่ได้ทำอะไรเลยแต่ก็ถูกเรียกไปด่าว่าและสุดท้ายก็จบลงเมื่อถึงวันที่ถูกส่งไปเรียนต่อเมืองนอกเพื่อดันนิสัย
คนที่ใส่ร้ายคือลูกพี่ลูกน้องนี่แหละ
แม่ก็หูเบาเชื่อคนง่าย
“เฮ้อ…เลิกกันไปตั้งสี่ปีแล้ว เฮียจะเกลียดฉันไหมนะ”
ทางด้านสามกำลังนั่งดื่มกับพี่ชายทั้งสองคนหลังจากดูภาพกล้องวงจรปิดและพยายามตามหาคนที่มันตัดสายเบรก ก่อนจะคิดได้ว่าวันจันทร์ที่จะถึงเขาต้องเสนอโปรเจคใหญ่ให้กับเจ้าสัวบูรพาที่มีเปอร์เซ็นสูงว่าจะได้เพราะว่าพี่หนึ่งดีลไว้ให้ก่อนหน้านั้นมาบ้าง แล้วมันก็อาจจะมีใครบางคนไม่พอใจมากเพราะเสียผลประโยชน์และคิดว่าเขาได้ทุกอย่างมาเพราะเส้นใหญ่ซึ่งก็เป็นเรื่องจริงด้วยสิ แต่ใครจะแคร์กันล่ะ! ถ้าหากเกิดอุบัติเหตุขึ้นเขาก็จะไม่สามารถไปเสนอและมันอาจจะเข้ามาเสียบแทนที่เพื่อเสนอโปรเจคนี้ที่มีมูลค่านับร้อยล้าน
“ที่ออฟฟิศมีอะไรแปลกๆไหมวะ?” หนึ่งถามน้องชาย
“เช่น?” สามถามเพิ่ม
“ข้อมูลบริษัท พวกความลับที่มีแค่ไม่กี่คนรู้ มึงพอจะเดาออกไหม?” หนึ่งอธิบาย
“กูนึกออกแล้ว! กูพึ่งเสียลูกค้าไปหนึ่งรายวะ เป็นลูกค้าใหม่และกำลังจะเซ็นสัญญาต่ออีกสองปีแต่กลับยกเลิกกะทันหัน เขาให้เหตุผลว่าผู้ถือหุ้นอยากจะเปลี่ยนไปใช้บริษัทอื่นดูบ้าง”
“งั้นลองสืบจากตรงนั้นดู แล้วหาสายในออฟฟิศไว้ด้วยสักคน แอบติดกล้องวงจรปิดที่สามารถบันทึกเสียงได้และแกล้งโง่ต่อไปให้มันได้ใจจนเผยธาตุแท้ด้วย”
“สั่งจังเลยวะ! เรื่องแค่นี้รู้แล้วน่า!”
“วันจันทร์นี้เดี๋ยวกูไปส่งขึ้นเครื่องเอง หรือเอาเครื่องส่วนตัวกูไปไหมสาม?” หนึ่งถามน้องชายที่ต้องไปคุยเรื่องงานโปรเจคใหญ่ที่ต่างจังหวัด ครั้งนี้เขาเป็นคนเกริ่นเอาไว้บ้างแล้วเพื่อเปิดทางให้น้องชายแสดงฝีมือเต็มที่
“ไปส่งที่สนามบินก็พอแล้ว ไม่ต้องเอาเครื่องส่วนตัวหรอก” คือพี่ชายกูรวยมากไง มีเครื่องบินส่วนตัวตั้งสองลำไว้ใช้งานแบบไม่ต้องคิดมากเลย เขาเป็นน้องชายที่พึ่งจะทำงานจริงจังก็ได้พี่หนึ่งนี่แหละสนับสนุน ส่วนไอ้สองอย่าไปคิดว่ามันช่วยได้ ทุกวันนี้มันยังประสาทกินกับงานอยู่เลย
“กูไปนอนก่อนนะ พรุ่งนี้มีนัด”
“กูนอนด้วยคน คืนนี้แม่งโคตรเหงาเลย”
“ไอ้เหี้ยกูจะนอนคนเดียว!”
“ก็กูจะนอนกับมึงอะมีอะไรไหมห่ะ เดี๋ยวเมียกูกลับมาเมื่อไรกูก็ไม่กวนแล้ว” สองพูดจบก็ลากคอน้องชายเดินออกไปทันทีเลย คืนนี้แม่งโคตรเหงาถึงมานอนค้างบ้านพี่ชายแบบนี้ แล้วก็คิดว่าจะอยู่จนกว่าเมียจะกลับมาด้วยนั่นคืออาทิตย์หน้า
บังเอิญว่าในบรรดาเราสามคนพี่น้อง
เขามีเมียคนเดียว