วันต่อมาสามขับรถไปที่คอนโดหรูแล้วกดเบอร์โทรหาโมนาให้ลงมาได้แล้ว แต่ในจังหวะนั้นกลับเห็นว่าเธอเดินมากับผู้ชายคนหนึ่งที่ท่าทางจะสนิทกับมาก คิ้วหนาเริ่มขมวดขึ้นมาเมื่อทั้งสองคนนั้นจับมือกันก่อนจะกอดแบบไม่แคร์สายตาใครเลย เขาจ้องมองอยู่ไม่กี่นาทีก็กดแตรเรียกทันที
ปื้ดดด…
“กดแตรอะไรเนี่ย!!”
“คิดว่าจำรถเฮียไม่ได้ไง”
“คนอื่นเขามองกันหมด!”
“เมื่อกี้ใครลงมาส่งเหรอ?”
“เห็นด้วยเหรอ? เพื่อนน่ะ”
“สนิทกันมากเลยเหรอ?”
“ก็สนิทมากนะ เราเจอกันที่เมืองนอก”
“เมื่อคืนมันค้างที่นี่เหรอ?”
“อื้ม ก็มันเมาเลยมาขอนอนค้างด้วย ว่าแต่เฮียสามจะอยากรู้อะไรนักหนาเนี่ย?” เธอถามแต่ว่าเขาไม่ตอบอะไรมาเลยแถมทำท่าเหมือนหงุดหงิดมากด้วย เธอก็ไม่ได้มีอะไรทำในตอนนี้เลยหยิบแฟ้มงานมาอ่านไปพลางๆก่อนที่เพื่อนจะส่งข้อความมาบอกว่าจะค้างอีกสักสองสามวันถ้าไม่ว่าอะไร เธอก็ไม่ได้ว่าอยู่แล้วเพราะพรุ่งนี้ต้องเดินทางในตอนบ่ายเพื่อไปคุยงานอีก
เพื่อนของเธอเป็นผู้ชายน่ารักชื่อกวี
ตอนนี้เปลี่ยนเป็นกีวี่แล้ว
“เฮียสามกินอะไรมารึยัง?”
“กินแล้ว”
“ฉันยังไม่กินเลย ไปถึงเราสั่งอะไรมากินกันก่อนได้ไหม?”
“อืม”
“ทำไมวันนี้เฮียสามดูหงุดหงิดจัง”
“พูดมากจังวะโมนา! ถ้าว่างมากก็อ่านงานให้เข้าใจดีกว่าไหมเผื่อจะมีอะไรเข้าสมองบ้าง”
เธอได้แต่กลอกตามองบนแล้วหันไปสนใจอ่านงานต่อไปเงียบๆด้วยความหงุดหงิดแต่ทำอะไรไม่ได้ ท้องก็ร้องดังขึ้นมาเพราะหิวข้าวแล้ว ส่วนเฮียสามก็ไม่พูดอะไรเลยนอกจากขับรถอย่างเดียว เพลงก็ไม่เปิด ข่าวก็ไม่ฟัง ชวนคุยก็ไม่ได้อีก เธอเหมือนนั่งอยู่ในป่าช้ามากกว่าในรถอีกนะ
ไม่เจอกันสี่ปีเขายังปากเสียไม่เปลี่ยนไปเลย
แบบนี้ไงเลยไม่มีใครเอา
เรามาถึงร้านกาแฟที่เธอเคยบอกเลิกเขาเมื่อสี่ปีที่แล้ว ที่นี่ยังเหมือนเดิมแทบทุกอย่างเลย ต่างกับเราที่อยู่ในสถานะเจ้านายกับลูกน้องไม่ใช่คนรักเหมือนที่เมื่อก่อน เขาสั่งกาแฟดำให้กับตัวเองและเธอสั่งมอคค่ามาเพื่อแก้ง่วงเช่นกัน
“เอ้ากินไปจะได้มีแรงทำงาน”
“ขอบคุณ แต่ฉันไม่ได้สั่งแซนวิชนะ”
“ซื้อมาแล้วก็แดกไปเถอะน่า!”
“เฮียสามพูดดีๆสิ”
“ข้าวเช้าไม่ได้กินมาไม่ใช่เหรอ กินเข้าไปสิจะได้มีแรงทำงานให้เฮียได้สักที”
“กินก็ได้วะ!”
สามแอบยิ้มบางๆแล้วดูรายละเอียดงานเพื่อความแม่นยำในการพูดคุย นี่คืองานใหญ่ระดับร้อยล้านครั้งแรกที่เขาควบคุมดูแลเองทุกอย่าง งานนี้ต้องทำให้ออกมาดีที่สุดเพื่อจะได้เป็นบันไดในการทำงานที่มากขึ้นกว่าเดิม แล้วอีกอย่างเขาค่อนข้างกดดันนิดหน่อยเนื่องจากพี่หนึ่งประสบความสำเร็จในชีวิตแทบทุกด้านจนกลายเป็นนักธุรกิจที่มีหลายคนจับตามอง แถมเจ้าสัวบูรพาก็เป็นคนเชิญให้พี่หนึ่งไปเป็นซีอีโอให้กับบริษัทในเครือจนมันมีรายได้ถล่มทลายและยอดกำไรพุ่งพรวด
ไอ้สองงานก็พุ่งทะยานแทบไม่สะดุดถึงมันจะประสาทแดกบ่อยๆแต่งานก็ออกมาดีเสมอ น้องคนสุดท้องอย่างเขาเลยต้องพยายามมากขึ้นกว่าเดิมเพราะพี่ชายสองคนทำเอาไว้โคตรดี
“เราจะค้างกี่คืนเหรอเฮียสาม?”
“สองคืนสามวัน”
“แล้วแวะไปเที่ยวบ้างได้ไหม ที่นั่นทะเลสวยไม่ใช่เหรอ?”
“จะไปทำงานหรือไปเที่ยวห่ะ?”
“ก็…ทำงาน แต่ก็อยากแวะเที่ยวด้วยไง”
“ถ้ามีเวลาจะพาไปแล้วกัน” เวลาน่ะมีแน่นอนเพราะเขาวางแผนเผื่อเที่ยวด้วย การไปพบกับเจ้าสัวบูรพาก็เหมือนจะใช้เวลาไม่นานมากเท่าไรหรอกเพราะก่อนหน้านี้พี่ชายเกริ่นเอาไว้บ้าง เขาแค่ต้องพูดคุยเรื่องรายละเอียดต่างๆเพื่อให้ไว้ใจดูแลงานใหญ่มากขนาดนี้
โมนาฟังเขาคุยเรื่องงานและอธิบายให้เข้าใจมากที่สุดเพื่อจะได้ไม่พลาด พรุ่งนี้ตอนค่ำคืองานเลี้ยงเฮียสามต้องไปในฐานะแขกคนหนึ่งแล้ววันต่อมาก็จะเข้าไปคุยงานในตอนเช้า ส่วนช่วงเวลาอื่นก็แล้วแต่ว่าจะทำอะไร แต่ในจังหวะที่เขาหยิบกาแฟมาดื่มก็พึ่งเห็นรอยช้ำสีม่วงที่ข้อมือและน่าจะลากยาวไปถึงข้อศอกเลยมั้ง เมื่อวานเขาก็ใส่เสื้อแขนยาวเลยไม่ได้สังเกต วันนี้ก็ใส่เสื้อแขนยาวแต่สามารถมองเห็นได้บ้าง พอเขาวางแก้วกาแฟลงเธอก็จับมือใหญ่เอาไว้
เราสบตากับโดยไม่พูดอะไรออกมาเลย
แววตาคู่นี้ทำให้กดดันมาก
“เจ็บมากไหม?”
“...”
“ฉันขอดูหน่อยได้ไหม?”
“อย่าเลยโมนา”
“แต่ฉันเป็นห่วงนี่ ขอดูหน่อยนิดเดียวเอง” เฮียสามถอนหายใจก่อนจะพยักหน้าแล้วหยิบกาแฟมาดื่มด้วยมืออีกข้าง เขาไม่พูดอะไรและไม่มองเธอด้วย เขาอ่านเรื่องงานไปเหมือนว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้นทั้งที่เธอกำลังถลกแขนเสื้อขึ้นอยู่นะ
“ที่แขนยังเป็นขนาดนี้แล้วที่ตัวจะเป็นขนาดไหนล่ะ?” ดูด้วยตาเปล่าก็รู้ว่ารถคว่ำแรงมากขนาดไหนและเขาควรจะอยู่ในโรงพยาบาลมากกว่ามานั่งทำงานแบบนี้ดวยซ้ำ
“แค่นี้เฮียไม่ตายหรอกน่าอย่าทำหน้าแบบนั้น ดูเสร็จแล้วก็ทำงานไป เดี๋ยวเที่ยงๆไปหาอะไรกินกัน”
“เฮียสามเลี้ยงเหรอ?”
“เออ!”
อย่างน้อยมาทำงานกับแฟนเก่าก็ได้น้ำฟรี ขนมฟรี ข้าวเที่ยงฟรี แล้วตอนเย็นก็น่าจะเลี้ยงอีกเหมือนกัน เธอไม่ได้คิดอะไรมากมายกับคำพูดของเขาหรอกถึงจะหัวร้อนบ้างแต่ก็ชินแล้ว จำได้ว่าเมื่อสี่ปีที่แล้วเขาหยาบคายกว่านี้อีกนะ แถมยังพร้อมบวกกับทุกคนชนิดที่บางครั้งเธอกลัวโดนลูกหลงเลย แต่เฮียสามไม่เคยมีเรื่องตอนที่มีเธออยู่ด้วยถึงจะถูกยั่วยุมากขนาดไหนก็ตาม
ปีนี้เขาอายุยี่สิบหก ส่วนเธออายุยี่สิบสามปี
เธอสามารถตัดสินใจทุกอย่างเองได้แบบคนมีวุฒิภาวะ
“มองอะไรนักหนาห่ะ หน้าเฮียมีอะไรติดรึไง?”
“มองแค่นี้ก็ไม่ได้”
“ก็ให้มาทำงานไม่ได้จ้างให้มานั่งมองหน้านะโมนา แล้วนี่ไม่เข้าใจตรงไหนอีกไหม?”
“ทุกอย่างเลย”
“พึ่งรู้ว่าเด็กนอกโง่มากขนาดนี้!”
“เฮียสามอะ! ฉันล้อเล่นเฉยๆก็ด่าจริงจังเลยนะ เห็นในเอกสารอันนี้บอกว่าเจ้าสัวมีลูกสาวด้วยนี่ เฮียสามเคยเห็นไหมแล้วสวยรึเปล่า เฮียสามจะจีบไหม?”
“ไม่”
“ทำไมล่ะ?”
“เสือกเรื่องส่วนผัวเก่าอะไรนักหนาวะ! แล้วจำใส่หัวเอาไว้เลยนะว่าเฮียจีบลูกสาวเจ้าสัวไม่ได้ ต่อให้มีโอกาสเป็นพันครั้งก็ไม่คิดจะแตะต้องหรอก”
“เคยมีเรื่องกันเหรอ เฮียดูลนๆนะ”
“ตอนนี้ยังไม่มีหรอกโมนา แต่อนาคตถ้ายุ่งกับไอติมได้มีเรื่องชุดใหญ่ตามมาแน่ แล้ววันพรุ่งนี้ก็ห้ามอยู่ห่างเฮียด้วยล่ะโมนา งานมันคนเยอะแล้วเราต้องทำความรู้จักกับหลายคนเลย”
“เดี๋ยวจะตามติดเป็นเจ้ากรรมนายเวรเลย!”
“ไปกินข้าวเถอะ เดี๋ยวตอนบ่ายเฮียจะแวะซื้อของใช้ต่อ”
“นึกว่าจะทำงานซะอีก”
“ซื้อของก่อนค่อยทำก็ได้”