3

1365 Words
วันต่อมาสามขับรถไปที่คอนโดหรูแล้วกดเบอร์โทรหาโมนาให้ลงมาได้แล้ว แต่ในจังหวะนั้นกลับเห็นว่าเธอเดินมากับผู้ชายคนหนึ่งที่ท่าทางจะสนิทกับมาก คิ้วหนาเริ่มขมวดขึ้นมาเมื่อทั้งสองคนนั้นจับมือกันก่อนจะกอดแบบไม่แคร์สายตาใครเลย เขาจ้องมองอยู่ไม่กี่นาทีก็กดแตรเรียกทันที ปื้ดดด… “กดแตรอะไรเนี่ย!!” “คิดว่าจำรถเฮียไม่ได้ไง” “คนอื่นเขามองกันหมด!” “เมื่อกี้ใครลงมาส่งเหรอ?” “เห็นด้วยเหรอ? เพื่อนน่ะ” “สนิทกันมากเลยเหรอ?” “ก็สนิทมากนะ เราเจอกันที่เมืองนอก” “เมื่อคืนมันค้างที่นี่เหรอ?” “อื้ม ก็มันเมาเลยมาขอนอนค้างด้วย ว่าแต่เฮียสามจะอยากรู้อะไรนักหนาเนี่ย?” เธอถามแต่ว่าเขาไม่ตอบอะไรมาเลยแถมทำท่าเหมือนหงุดหงิดมากด้วย เธอก็ไม่ได้มีอะไรทำในตอนนี้เลยหยิบแฟ้มงานมาอ่านไปพลางๆก่อนที่เพื่อนจะส่งข้อความมาบอกว่าจะค้างอีกสักสองสามวันถ้าไม่ว่าอะไร เธอก็ไม่ได้ว่าอยู่แล้วเพราะพรุ่งนี้ต้องเดินทางในตอนบ่ายเพื่อไปคุยงานอีก เพื่อนของเธอเป็นผู้ชายน่ารักชื่อกวี ตอนนี้เปลี่ยนเป็นกีวี่แล้ว “เฮียสามกินอะไรมารึยัง?” “กินแล้ว” “ฉันยังไม่กินเลย ไปถึงเราสั่งอะไรมากินกันก่อนได้ไหม?” “อืม” “ทำไมวันนี้เฮียสามดูหงุดหงิดจัง” “พูดมากจังวะโมนา! ถ้าว่างมากก็อ่านงานให้เข้าใจดีกว่าไหมเผื่อจะมีอะไรเข้าสมองบ้าง” เธอได้แต่กลอกตามองบนแล้วหันไปสนใจอ่านงานต่อไปเงียบๆด้วยความหงุดหงิดแต่ทำอะไรไม่ได้ ท้องก็ร้องดังขึ้นมาเพราะหิวข้าวแล้ว ส่วนเฮียสามก็ไม่พูดอะไรเลยนอกจากขับรถอย่างเดียว เพลงก็ไม่เปิด ข่าวก็ไม่ฟัง ชวนคุยก็ไม่ได้อีก เธอเหมือนนั่งอยู่ในป่าช้ามากกว่าในรถอีกนะ ไม่เจอกันสี่ปีเขายังปากเสียไม่เปลี่ยนไปเลย แบบนี้ไงเลยไม่มีใครเอา เรามาถึงร้านกาแฟที่เธอเคยบอกเลิกเขาเมื่อสี่ปีที่แล้ว ที่นี่ยังเหมือนเดิมแทบทุกอย่างเลย ต่างกับเราที่อยู่ในสถานะเจ้านายกับลูกน้องไม่ใช่คนรักเหมือนที่เมื่อก่อน เขาสั่งกาแฟดำให้กับตัวเองและเธอสั่งมอคค่ามาเพื่อแก้ง่วงเช่นกัน “เอ้ากินไปจะได้มีแรงทำงาน” “ขอบคุณ แต่ฉันไม่ได้สั่งแซนวิชนะ” “ซื้อมาแล้วก็แดกไปเถอะน่า!” “เฮียสามพูดดีๆสิ” “ข้าวเช้าไม่ได้กินมาไม่ใช่เหรอ กินเข้าไปสิจะได้มีแรงทำงานให้เฮียได้สักที” “กินก็ได้วะ!” สามแอบยิ้มบางๆแล้วดูรายละเอียดงานเพื่อความแม่นยำในการพูดคุย นี่คืองานใหญ่ระดับร้อยล้านครั้งแรกที่เขาควบคุมดูแลเองทุกอย่าง งานนี้ต้องทำให้ออกมาดีที่สุดเพื่อจะได้เป็นบันไดในการทำงานที่มากขึ้นกว่าเดิม แล้วอีกอย่างเขาค่อนข้างกดดันนิดหน่อยเนื่องจากพี่หนึ่งประสบความสำเร็จในชีวิตแทบทุกด้านจนกลายเป็นนักธุรกิจที่มีหลายคนจับตามอง แถมเจ้าสัวบูรพาก็เป็นคนเชิญให้พี่หนึ่งไปเป็นซีอีโอให้กับบริษัทในเครือจนมันมีรายได้ถล่มทลายและยอดกำไรพุ่งพรวด ไอ้สองงานก็พุ่งทะยานแทบไม่สะดุดถึงมันจะประสาทแดกบ่อยๆแต่งานก็ออกมาดีเสมอ น้องคนสุดท้องอย่างเขาเลยต้องพยายามมากขึ้นกว่าเดิมเพราะพี่ชายสองคนทำเอาไว้โคตรดี “เราจะค้างกี่คืนเหรอเฮียสาม?” “สองคืนสามวัน” “แล้วแวะไปเที่ยวบ้างได้ไหม ที่นั่นทะเลสวยไม่ใช่เหรอ?” “จะไปทำงานหรือไปเที่ยวห่ะ?” “ก็…ทำงาน แต่ก็อยากแวะเที่ยวด้วยไง” “ถ้ามีเวลาจะพาไปแล้วกัน” เวลาน่ะมีแน่นอนเพราะเขาวางแผนเผื่อเที่ยวด้วย การไปพบกับเจ้าสัวบูรพาก็เหมือนจะใช้เวลาไม่นานมากเท่าไรหรอกเพราะก่อนหน้านี้พี่ชายเกริ่นเอาไว้บ้าง เขาแค่ต้องพูดคุยเรื่องรายละเอียดต่างๆเพื่อให้ไว้ใจดูแลงานใหญ่มากขนาดนี้ โมนาฟังเขาคุยเรื่องงานและอธิบายให้เข้าใจมากที่สุดเพื่อจะได้ไม่พลาด พรุ่งนี้ตอนค่ำคืองานเลี้ยงเฮียสามต้องไปในฐานะแขกคนหนึ่งแล้ววันต่อมาก็จะเข้าไปคุยงานในตอนเช้า ส่วนช่วงเวลาอื่นก็แล้วแต่ว่าจะทำอะไร แต่ในจังหวะที่เขาหยิบกาแฟมาดื่มก็พึ่งเห็นรอยช้ำสีม่วงที่ข้อมือและน่าจะลากยาวไปถึงข้อศอกเลยมั้ง เมื่อวานเขาก็ใส่เสื้อแขนยาวเลยไม่ได้สังเกต วันนี้ก็ใส่เสื้อแขนยาวแต่สามารถมองเห็นได้บ้าง พอเขาวางแก้วกาแฟลงเธอก็จับมือใหญ่เอาไว้ เราสบตากับโดยไม่พูดอะไรออกมาเลย แววตาคู่นี้ทำให้กดดันมาก “เจ็บมากไหม?” “...” “ฉันขอดูหน่อยได้ไหม?” “อย่าเลยโมนา” “แต่ฉันเป็นห่วงนี่ ขอดูหน่อยนิดเดียวเอง” เฮียสามถอนหายใจก่อนจะพยักหน้าแล้วหยิบกาแฟมาดื่มด้วยมืออีกข้าง เขาไม่พูดอะไรและไม่มองเธอด้วย เขาอ่านเรื่องงานไปเหมือนว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้นทั้งที่เธอกำลังถลกแขนเสื้อขึ้นอยู่นะ “ที่แขนยังเป็นขนาดนี้แล้วที่ตัวจะเป็นขนาดไหนล่ะ?” ดูด้วยตาเปล่าก็รู้ว่ารถคว่ำแรงมากขนาดไหนและเขาควรจะอยู่ในโรงพยาบาลมากกว่ามานั่งทำงานแบบนี้ดวยซ้ำ “แค่นี้เฮียไม่ตายหรอกน่าอย่าทำหน้าแบบนั้น ดูเสร็จแล้วก็ทำงานไป เดี๋ยวเที่ยงๆไปหาอะไรกินกัน” “เฮียสามเลี้ยงเหรอ?” “เออ!” อย่างน้อยมาทำงานกับแฟนเก่าก็ได้น้ำฟรี ขนมฟรี ข้าวเที่ยงฟรี แล้วตอนเย็นก็น่าจะเลี้ยงอีกเหมือนกัน เธอไม่ได้คิดอะไรมากมายกับคำพูดของเขาหรอกถึงจะหัวร้อนบ้างแต่ก็ชินแล้ว จำได้ว่าเมื่อสี่ปีที่แล้วเขาหยาบคายกว่านี้อีกนะ แถมยังพร้อมบวกกับทุกคนชนิดที่บางครั้งเธอกลัวโดนลูกหลงเลย แต่เฮียสามไม่เคยมีเรื่องตอนที่มีเธออยู่ด้วยถึงจะถูกยั่วยุมากขนาดไหนก็ตาม ปีนี้เขาอายุยี่สิบหก ส่วนเธออายุยี่สิบสามปี เธอสามารถตัดสินใจทุกอย่างเองได้แบบคนมีวุฒิภาวะ “มองอะไรนักหนาห่ะ หน้าเฮียมีอะไรติดรึไง?” “มองแค่นี้ก็ไม่ได้” “ก็ให้มาทำงานไม่ได้จ้างให้มานั่งมองหน้านะโมนา แล้วนี่ไม่เข้าใจตรงไหนอีกไหม?” “ทุกอย่างเลย” “พึ่งรู้ว่าเด็กนอกโง่มากขนาดนี้!” “เฮียสามอะ! ฉันล้อเล่นเฉยๆก็ด่าจริงจังเลยนะ เห็นในเอกสารอันนี้บอกว่าเจ้าสัวมีลูกสาวด้วยนี่ เฮียสามเคยเห็นไหมแล้วสวยรึเปล่า เฮียสามจะจีบไหม?” “ไม่” “ทำไมล่ะ?” “เสือกเรื่องส่วนผัวเก่าอะไรนักหนาวะ! แล้วจำใส่หัวเอาไว้เลยนะว่าเฮียจีบลูกสาวเจ้าสัวไม่ได้ ต่อให้มีโอกาสเป็นพันครั้งก็ไม่คิดจะแตะต้องหรอก” “เคยมีเรื่องกันเหรอ เฮียดูลนๆนะ” “ตอนนี้ยังไม่มีหรอกโมนา แต่อนาคตถ้ายุ่งกับไอติมได้มีเรื่องชุดใหญ่ตามมาแน่ แล้ววันพรุ่งนี้ก็ห้ามอยู่ห่างเฮียด้วยล่ะโมนา งานมันคนเยอะแล้วเราต้องทำความรู้จักกับหลายคนเลย” “เดี๋ยวจะตามติดเป็นเจ้ากรรมนายเวรเลย!” “ไปกินข้าวเถอะ เดี๋ยวตอนบ่ายเฮียจะแวะซื้อของใช้ต่อ” “นึกว่าจะทำงานซะอีก” “ซื้อของก่อนค่อยทำก็ได้”
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD