ญาลินเพิ่งรู้สึกว่าหัวใจของตนเองเต้นแรงมาก และเพื่อไม่ให้พลาดโอกาส เธอจึงรีบเงยหน้าขึ้นมองใบหน้าของผู้ชายที่กำลังอุ้มเธออยู่แบบเต็มตา
“คุณ!...”
‘เขาหน้าตาหล่อมากจริงๆ’
ร่างเล็กหอบหายใจถี่กระชั้นด้วยอาการตื่นเต้น เมื่อสบตาคมกล้าคู่นั้นที่จ้องตอบเธอด้วยประกายตาพราวระยับ ก่อนที่เขาจะวางเธอลงนั่งที่เบาะรถของเขา
ซึ่งชายหนุ่มเปิดประตูรถยนต์ของเขาตอนไหนหญิงสาวก็ยังไม่รู้สึกตัวเลย เพราะมัวแต่ตะลึงมองใบหน้าอันหล่อคมชวนฝันนั้นอย่างไม่กะพริบตาด้วยอาการตะลึงค้าง คิดสรรหาคำพูดยังไม่ออก
ทว่าสมองกลับนึกไปถึงความฝันที่เธอฝันซ้ำๆ ถึงสองสามคืนติดต่อกัน
“ขอผมดูฝ่าเท้าของคุณหน่อยนะ”
เขาจับพลิกฝ่าเท้าของเธอตะแคงดูแผลที่ถูกเศษแก้วบาด จากนั้นเขาก็ลูบมันเบาๆ จับมันเบาๆ ความอุ่นซ่านก็แทรกซึมสู่ฝ่าเท้าของเธอและมันอุ่นวาบเข้าไปถึงขั้วหัวใจของเธอ
“มีแผลที่ฝ่าเท้าทำไมไม่พันแผลเวลาออกจากบ้านล่ะ แล้วนั่นผ้าอะไร”
ญาลินมองตามสายตาของชายหนุ่มที่ไปหยุดที่ผ้าเน่าๆในมือเธอ
“มันคือผ้าพันแผล”
ชายหนุ่มปริศนายิ้มอ่อนแบบขำๆ
“ผ้าพันแผลก็มี แต่ทำไมไม่พันแผลที่เท้าล่ะ เอามาถือไว้ทำไม คุณนี่ทำตัวแปลกๆนะ”
“คุณต่างหากที่แปลก” เธอหลุดโพล่งสิ่งที่คิดอยู่ในใจออกไปอย่างลืมตัว
เขาชี้นิ้วเข้าหาตัวเอง
“คุณว่าผมแปลก”
ญาลินพยักหน้า และยังอยู่ในอาการตัวแข็งทื่อ เมื่อสบตาคมกล้าของเขา
“ทำไมคิดแบบนั้นล่ะ ทั้งที่...” เขาพูดค้างเอาไว้ แล้วอยู่ๆเขาก็ดึงผ้าพันแผลเน่าๆในมือเธอ เอาไปพันแผลที่เท้า แต่หญิงสาวรีบยกเท้าหนี
“อย่าค่ะ”
เขาเงยหน้าขึ้นมองเธอด้วยเครื่องหมายคำถาม
“ผ้าผืนนี้มีเจ้าของค่ะ ฉันไม่อยากเอาของเขามาใช้อีก โดยเฉพาะใช้กับเท้าที่อยู่ต่ำแบบนั้น”
“แต่มันก็แค่ผ้าพันแผลนะ”
“ไม่ใช่ มันไม่ใช่แค่ผ้าพันแผล แต่มันเป็น...”
“เป็นอะไร”
“เป็นของรักของหวงของฉันด้วย และฉันเก็บรักษามันเอาไว้อย่างดีมาตลอด ถึงแปดปีเต็ม”
“ฉันเก็บรักษามันเอาไว้อย่างดีมาตลอด แปดปีเต็ม” เขาทวนคำพูดของเธอซ้ำช้าๆ พลางสบตาเธอนิ่ง
“มันมีความหมายกับเธอมาก ขนาดนั้นเลยเหรอ”
ญาลินพยักหน้ารับ
“เท้าคืออวัยวะในร่างกายที่สำคัญมากนะ มันไม่ใช่ของต่ำ ลูกๆก็ยังกราบเท้าพ่อแม่ของตนเองเลยไม่ใช่เหรอ และผ้าผืนนี้ถ้ามันมีปาก มันอาจจะอยากบอกคุณว่า เอาฉันพันแผลที่ฝ่าเท้าของเธอเถอะ ฉันจะได้คุ้มครองเธอจากฝุ่นผงสกปรก”
“แต่ว่า...”
“ไม่มีแต่ ผมอนุญาต” เขาตั้งท่าจะเอาผ้าพันแผล พันเท้าให้เธออีกครั้ง แต่เธอก็ยังชักเท้าหนี
“ไม่ คุณไม่ใช่เจ้าของมัน จะมาอนุญาตได้ยังไง เอาผ้าเน่าๆผืนนั้นคืนมาให้ฉันเถอะ นะ”
เธอขอเขาด้วยแววตาวิงวอน ทว่าชายหนุ่มก็ยังยิ้มแบบใจเย็น และยังไม่ยอมคืนมันให้กับเธอ แต่กลับโยนผ้าเน่าๆผืนนั้นทิ้งไป
“ไม่! เอาผ้าผืนนั้นคืนมาให้ฉันนะ เอามันคืนมาให้ฉันเดี๋ยวนี้”
เธอดิ้นรนจะไปเก็บเอาผ้าเน่าๆผืนนั้นกลับมาให้ได้ แต่ก็ถูกชายหนุ่มโอบกอดรัดร่างของเธอเอาไว้ให้เธอยังคงนั่งอยู่ที่เบาะรถตามเดิม
“จุ๊ๆ ไม่เอานะ อย่าร้องไห้ เดี๋ยวผมเอาผ้าผืนใหม่ที่สะอาดกว่าให้นะ”
“ไม่เอา ฉันจะเอาผืนเดิม” เธอเริ่มน้ำตาคลอ แต่ก็มองชายหนุ่ม ที่กำลังจัดการฉีกชายเสื้อขาวของตนเองออกมา แล้วภาพนั้นในอดีตเมื่อแปดปีก่อนก็เหมือนถูกฉายซ้ำขึ้นอีกครั้ง
ผู้ชายคนนั้นที่ช่วยเธอจากการถูกจระเข้กัด เขาก็ฉีกชายเสื้อสีขาว ที่ไม่ติดกระดุมแบบนี้แล้วเอามาพันแผลให้เธอเช่นกัน
ญาลินมองมือกร้านนั้นเอาเศษผ้าสีขาวผืนใหม่ไปพันแผลที่เท้าของเธออย่างอึ้งๆ พลางหัวใจก็เต้นโครมครามขึ้นมาอีก แล้วเขาก็เงยหน้าขึ้นมาสบตาเธออีกครั้ง
“ครั้งนี้ พอเข้าใจรึยัง ว่าทำไมผมถึงได้อนุญาต”
“คะ...คะคุณเป็น...จะ...เจ้าของผ้า...เน่าๆ ผืนนั้น...เหรอคะ!” เธอถามเสียงตะกุกตะกัก อย่างไม่อยากจะเชื่อเลย
“แล้วถ้าตอบว่าใช่ เธอจะเชื่อไหม สาวน้อย”