ช่วงหลายวันที่ผ่านมานี้ พี่อินทร์ดูอารมณ์ไม่ค่อยดีสักเท่าไร ตั้งแต่ที่เจอกับจิณห์...อันที่จริงผมควรเรียกว่าพี่เพราะอีกฝ่ายอายุมากกว่า แต่ก็ช่างเถอะ รู้แต่ว่าตั้งแต่ที่พี่อินทร์ได้เจอกับผู้ชายคนนั้น เขาก็ดูหงุดหงิดไปทุกสิ่งอย่าง แม้ว่าจะไม่ได้หงุดหงิดใส่ผมหรือโวยวายอะไร ทว่ารอยย่นระหว่างหัวคิ้วและสีหน้าบึ้งตึงทุกครั้งที่ลืมตัวนั่นก็ทำให้ผมรับรู้ได้ว่าเขาไม่สบายใจเท่าไรที่ได้เจอกับอดีตเพื่อนสนิท
ผมก็ไม่กวนใจเขาหรอก เห็นเขาอารมณ์ไม่ดีก็อดไม่ได้ที่จะทำตัวให้น่าแกล้ง เผื่อว่าได้แกล้งผมแล้ว พี่อินทร์จะอารมณ์ดีขึ้น ซึ่งมันก็ได้ผลพอสมควร ยิ่งผมย้ายเข้ามาอยู่กับเขาแล้ว เขาก็ดูเกือบจะเป็นปกติ
ใช่ แค่เกือบน่ะ...
“จิ”
กำลังนอนเล่นโทรศัพท์อยู่ดีๆ พี่อินทร์ที่เพิ่งจะกลับเข้าห้องมาก็โพล่งขึ้น วันนี้เขามีเรียนบ่ายเลยกลับเย็น ผมมีเรียนแค่ช่วงเช้าเลยกลับมานอนขลุกอยู่ที่ห้อง และเสียงนั้นก็ทำให้ผมละสายตาไปมองเขา
“ครับ?”
“เสาร์-อาทิตย์นี้มีนัดเพื่อนไปไหนหรือเปล่า”
“ทำไมเหรอครับพี่อินทร์”
ผมลุกขึ้นนั่ง พี่อินทร์ปิดประตูแล้วบอกกับผมเสียงเรียบ
“ถ้าไม่มี พี่จะชวนไปเที่ยว”
ผมค่อนข้างแปลกใจพอสมควรที่จู่ๆ เขาก็มาชวนผมไปเที่ยวแบบนี้ แต่พอหันไปเห็นสีหน้าของเขาที่มีรอยยิ้มประดับพรายน้อยๆ แล้ว ผมก็เลิกสงสัย
“เครียดน่ะ อยากไปคลายเครียดหน่อย ยังไม่เคยไปเดตกับจิด้วย อยากไป”
เครียดเรื่องอะไร ผมรู้อยู่แก่ใจ แล้วผมจะปฏิเสธเหรอ เขาขอมา ผมก็พยักหน้ารับทันที
“ไม่มีครับ แล้วพี่อินทร์จะพาจิไปไหนเหรอ”
ผมว่าด้วยน้ำเสียงกระตือรือร้น ทำเหมือนตื่นเต้นหน่อย เขาจะได้อารมณ์ดีขึ้น
“ไปจันทบุรี”
“เอ๋?”
“บ้านพี่มีสวนผลไม้อยู่ที่นั่น มีบ้านทรงไทยด้วย อยากพาจิไปนอนเล่น”
พี่อินทร์ตอบเมื่อเห็นผมสงสัยประมาณว่าทำไมถึงจะไปเที่ยวที่นั่น พอเขาตอบแล้ว ผมก็ไม่ได้ถามอะไรต่อ รู้อยู่หรอกว่าบ้านพี่อินทร์มีตังค์ ก็เลยไม่แปลกใจว่าทำไมถึงมีสวนผลไม้ที่จังหวัดนั้นด้วย มันก็คงเป็นหนึ่งในธุรกิจครอบครัวของเขานั่นแหละ
“ว่าไง อยากไปไหม”
เขาถามเมื่อเห็นผมเงียบ ผมอยากให้เขาอารมณ์ดีก็เลยยิ้มแฉ่งให้
“อยากไปสิครับ จิก็อยากไปเดตกับพี่อินทร์เหมือนกัน”
พี่อินทร์ก็ยิ้มรับ “แต่ไปเดตแบบนอนค้างคืนนะ”
“จะค้างหรือไม่ค้างก็ไม่เห็นต่างกันเลย ปกติจิก็นอนกับพี่อินทร์อยู่แล้ว”
นอนที่ว่า หมายถึงนอนจริงๆ ไม่ได้มีความหมายอื่นแอบแฝงเลยสักนิด แต่พี่อินทร์กลับยิ้มกะลิ้มกะเหลี่ยออกมา วางกระเป๋าเอกสารแล้วตรงมาทรุดนั่งลงข้างๆ ผม
“แต่ครั้งนี้ไปนอนกับพี่ พี่ไม่ได้อยากทำแค่นอนเฉยๆ”
ผมสบตาเขา ในอกวูบไหวขึ้นมาพร้อมกับความร้อนที่แล่นมายังใบหน้า
ไม่ได้อยากทำแค่นอนเฉยๆ หรือพี่อินทร์จะหมายถึง...
“อยากชวนเธอไปเยอีเยอีเยอีเย้~”
นั่นไง! กูว่าแล้ว คิดอกุศลจริงๆ ด้วย!
แล้วก็ระริกระรี้มากอดผมใหญ่เลย ลืมไปหมดว่าก่อนหน้านี้ดูซีเรียสอยู่ คือเอาจริงๆ เรื่องนี้เนี่ย พี่อินทร์ก็ถามผมแล้วหลายรอบเหมือนกันว่าเมื่อไรจะได้ทำกัน แต่เพราะผมไม่เคย แล้วก็กลัวๆ อยู่ว่าจะเจ็บ ก็เลยไม่ได้ตกลงปลงใจสักที เห็นทีที่ชวนผมไปเที่ยวบ้านสวนของเขาคราวนี้ ผมคงหนีไม่รอดแล้วมั้ง
“แต่ถ้าจิไม่อยากทำก็ไม่เป็นไรนะ พี่ไม่บังคับ”
พี่อินทร์ว่าเมื่อเห็นผมขมวดคิ้วเคร่งเครียด เขาก็พูดแบบนี้ทุกทีแหละเวลาขอแล้วเห็นผมคิดนาน ผมมองหน้าเขาพลางคิด
ถ้าผมยอมเป็นของเขา เขาจะอารมณ์ดีขึ้นกว่านี้หรือเปล่า?
คงจะอารมณ์ดีขึ้นแหละ ได้ทำในสิ่งที่อยากทำน่ะ ในฐานะแฟน ถ้าจะมีอะไรกันมันก็คงไม่เป็นไรมั้ง อีกอย่างผมก็บรรลุนิติภาวะแล้ว ดูแลตัวเองได้ ผมรักเขา เขาก็รักผม คงไม่เป็นไรจริงๆ...
“แล้ว...มันต้องใช้อุปกรณ์อะไรบ้างครับ”
ถึงจะไม่ตอบรับไปตามตรง แต่ถามอย่างนี้ พี่อินทร์ก็เข้าใจได้ว่าผมยอมตกลงปลงใจแล้ว เขายิ้มกว้างออกมาจนหน้าแป้น กอดผมแน่นกว่าเดิมอีก
“จิไม่ต้องกังวล เดี๋ยวพี่เตรียมให้ เตรียมตัวเตรียมใจอย่างเดียวก็พอ”
เตรียมตัวเตรียมใจ...
ไม่รู้ทำไมผมถึงเป็นกังวลขึ้นมาน้อยๆ แต่พอเห็นพี่อินทร์ร้องเพลงอะไรก็ไม่รู้ออกมาอย่างอารมณ์ดีแล้ว ผมก็ได้แต่ถอนหายใจ
ไม่เป็นไรน่า ใครๆ ก็ต้องมีครั้งแรกกันเท่านั้นแหละ ไม่ต้องกลัว...
ถึงจะบอกตัวเองว่าไม่ต้องกลัว แต่ผมก็กลัวอยู่ดีแหละ คิดเล็กคิดน้อยจนนอนไม่หลับ กระทั่งพี่อินทร์พามาถึงบ้านสวนของครอบครัวที่จันทบุรีในวันรุ่งขึ้นนั่นแหละ ผมถึงได้ลืมความกลัวนั้นไปจนหมดสิ้น
บ้านเรือนไทยหลังใหญ่ในสวนผลไม้ บรรยากาศดี แมกไม้ร่มรื่น ผลไม้ก็อร่อย ทำเอาผมลืมความกังวลไปจนหมดสิ้น พี่อินทร์ก็ใจดีกับผมมาก ทั้งพาผมไปสอยมะม่วงมากิน ชวนผมไปช่วยแม่บ้านทำน้ำปลาหวาน พาผมเดินเที่ยวเล่นในสวน เรียกได้ว่ากิจกรรมที่ทำระหว่างวันนี้ทำเอาเขาอารมณ์ดีขึ้นผิดหูผิดตาจากวันก่อนๆ เลยล่ะ
ก็ดีแล้วที่เป็นแบบนั้น เห็นเขาบ้าๆ บอๆ ขี้เล่นขี้แกล้งแบบนี้ยังจะดีกว่าทำหน้าเครียด แบบนั้นผมไม่ชิน
แต่ทว่า...ความสนุกที่สุดของวันเหมือนจะไม่ใช่การพาผมไปทำกิจกรรมต่างๆ แต่เป็นกิจกรรมที่เขาเฝ้าตั้งตารอมาตั้งแต่เมื่อวาน หลังจากกินข้าวเย็นเสร็จ ผมก็มานั่งเล่นในห้องนอน บ้านไม้ทรงไทยนี่ให้ความรู้สึกแปลกใหม่ดีเหมือนกันนะ แต่ที่แปลกใหม่ยิ่งกว่าก็คือ... ความระริกระรี้ของพี่อินทร์ที่ดูเหมือนจะมีมากกว่าเดิมเป็นพิเศษ
“จิระ~”
พี่อินทร์ในสภาพนุ่งผ้าเช็ดตัวผืนเดียวเตรียมอาบน้ำโผมากอดผมหมับ เป็นสัญญาณให้รับรู้ทันทีว่าเขาเตรียมจะทำอะไร ก่อนที่เสียงเบาราวกระซิบจะดังขึ้นที่ข้างหูผม
“พร้อมหรือยังหืม?”
เท่านั้นผมก็รู้สึกว่าใบหน้าตัวเองร้อนผะผ่าวทันที ยิ่งหันไปเห็นเขาส่งยิ้มกะลิ้มกะเหลี่ยให้ด้วย ผมก็เก็บงำความเขินอายไว้ไม่ไหว ชั่วแวบหนึ่งผมก็นึกอยากจะเปลี่ยนใจเอาในตอนนี้เพราะจู่ๆ ก็ใจฝ่อขึ้นมา แต่พอคิดขึ้นมาได้ว่าถ้าเปลี่ยนใจ พี่อินทร์จะต้องสลดแน่ เพราะตลอดเวลาที่ผ่านมา เขาก็ใช้ความอดทนในการรอผมค่อนข้างมากเหมือนกัน ถ้าเกิดว่าวันนี้ไม่ได้เป็นไปตามแผน ปล่อยให้เขาเป็นพ่อสายบัวรอเก้อล่ะก็ คิดไม่ออกเลยว่าหน้าตาเขาตอนที่ทั้งสลด ทั้งเครียดมันจะเป็นแบบไหน
ผมสบตาที่เป็นประกายสดใสอย่างมีความหวังของพี่อินทร์แล้ว พลันก็ถอนหายใจออกมาอย่างยอมแพ้
มาถึงขั้นนี้แล้วคงต้องปล่อยให้เป็นไปตามธรรมชาติแล้วล่ะ แต่ว่านะ...ก็ยังลังเลอยู่
“พี่อินทร์อยากทำมากเลยเหรอครับ”
พอผมถาม เขาพยักหน้ารับเร็วๆ ยิ้มแป้นแล้นจนตาหยีเลย
น่ารัก...
น่ารักแบบนี้จะลังเลอะไรอีกเล่า เลิกคิดมากได้แล้วจิระ ใครๆ ก็ต้องมีครั้งแรกกันทั้งนั้นแหละ!
“งั้นพี่อินทร์...”
“...”
“เบามือหน่อยนะครับ จิกลัวเจ็บ”
พอพูดไปอย่างนี้ พี่อินทร์ก็หัวเราะออกมา ผมเม้มริมฝีปากแน่น หน้าง้ำไปเล็กน้อยเมื่อเขาเห็นความกังวลของผมเป็นเรื่องตลก แต่ก็หัวเราะได้แป๊บเดียวเท่านั้นแหละ เขาก็กระซิบมาที่ข้างหูผมแล้ว
“เตรียมอุปกรณ์มาพร้อมแล้ว ไม่ต้องห่วง พี่จะอ่อนโยนนะ”
สิ้นเสียง พี่อินทร์ก็เลยลุกไปคว้ากระเป๋าเป้มาเปิด ก่อนจะหยิบของออกมาทีละชิ้น
“อันนี้ถุงยาง อันนี้เจลหล่อลื่น มีหลายกลิ่น เอาไว้ให้จิเลือก ตอนบอกให้เลือกก็ไม่ยอมเลือก พี่เลยกวาดมาทุกสีทุกกลิ่นเลย”
จริงๆ ของพวกนี้เป็นของที่เราไปซื้อด้วยกันหลังจากที่ผมรับปากเขาว่าจะทำนั่นแหละ แต่ตอนที่บอกให้ผมเลือกเนี่ย ผมไม่เลือกหรอกนะ แค่ไปยืนกันสองคนตรงหน้าชั้นขายของพวกนี้ ผมก็อายจนไม่รู้จะเอาหน้าไปไว้ที่ไหนแล้ว ไม่รู้หรอกว่าเขาหยิบอะไรมาบ้างจนกระทั่งพี่อินทร์คว้าเอาขวดเจลหล่อลื่นทรงยาวขนาดพอดีมือขึ้นมา แล้วทำเสียงกระเส่าๆ ใส่ผม
“ลองสูตรเย็นดีไหม รับรองแล้วว่าเย็นซาบซ่านถึงทรวงใน”
เอาแบบธรรมดาก็พอเว้ย! สูตรเย็นไม่เอา!
“ครั้งแรกของจิ จิขอแบบไม่พิสดารนะครับพี่อินทร์”
ผมรีบออกตัวเลย กลัวเขาจะใช้สูตรเย็นจริงๆ พี่อินทร์หัวเราะจนน้ำหูน้ำตาไหล ปากก็ว่าไปเรื่อย
“พี่แค่ซื้อมาเผื่อ ไม่เอาสูตรเย็นก็ไม่เอาสิ เอาเบสิกๆ กลิ่นสตรอว์เบอร์รี่ก็แล้วกันเนอะ”
ผมพยักหน้า ตอนนี้หน้าร้อนเห่อมากมาย เดาได้เลยว่ามันจะต้องแดงมากแน่ๆ ขณะที่พี่อินทร์มองผมแล้วก็มาคุกเข่าอยู่ตรงหน้า เอื้อมมือมาดึงแก้มผมทั้งสองข้าง
“อายเหรอยัยตัวเย็ก ทำหน้าน่ายัก แจ้มตุ่ยๆ แบบนี้ ไหนบอกป่าปี๊ซิว่าหนูอายเหยอ”
เสียงสองใส่ผมเฉยเลย สงสัยเอ็นดูกับท่าทางในตอนนี้ของผม ผมเหลือบมองเขาแล้วก็ได้แต่ว่าอุบอิบ
“ก็จิไม่เคย”
“เดี๋ยวก็เคยแล้ว”
พี่อินทร์ว่ายิ้มๆ ระรื่นจนน่าหมั่นไส้มากๆ แต่เขาเป็นแบบนี้ก็ดีแล้วล่ะ
“จิต้องทำยังไงบ้างครับ”
ถามไป ใจก็เต้นแรงไป มือทั้งสองข้างที่จับกันอยู่บิดไม่เป็นรูปเลย พี่อินทร์ยิ้มพร้อมกับแววตาพราวระยับ
“ไม่ต้องทำอะไรมากมาย จิแค่ทำตามที่พี่บอก ที่เหลือพี่จะจัดการเองโอเคไหม”
ผมพยักหน้า ไม่ประสาเรื่องแบบนี้นี่นา เขาว่ายังไง ผมก็ต้องว่าตามล่ะ พลันก็มองไปยังพี่อินทร์ที่คว้าอะไรบางอย่างออกมาจากกระเป๋า ก่อนที่ยื่นให้ผม
“อันดับแรก...จิไปใส่อันนี้มาก่อน”