บทที่ 4

1876 คำ
ปัจจุบัน... ฉันยืนอยู่ในลิฟต์ที่มีคนอยู่ข้างในจนเต็ม ฉันส่ายหัวเบา ๆ เพื่อขจัดความคิดเรื่องอดีตออก บางทีฉันก็อยากให้มันแจ้งเตือนน้ำหนักเกินนะเพราะฉันจะได้ออกไป แต่เหมือนจะไม่เป็นดั่งใจหวัง ประตูลิฟต์เปิดออกอีกครั้งแล้วก็มีคนเดินเข้ามา อ้อ พยาบาลห้องไอซียูคนเดิมนี่เอง เธอเดินเข้ามาพร้อมกับเพื่อนของเธอ เธอมองไม่เห็นฉันเนื่องจากมีคนบังฉันไว้ เหมือนพวกเธอกำลังคุยอะไรกันสักอย่าง เสียงพวกหล่อนดังมาก "จริงเหรอแก" "เพื่อนฉันเห็นกับตา" "หมอศัลย์คนใหม่เนี่ยนะ ไม่น่าเชื่อว่าจะไปหลงยัยหมออร" แต่นั่นมันชื่อฉันนิ "หึ ยัยหมออรวันนี้คนไข้ของหล่อนตายไปตั้งสองคน ยังมีอารมณ์ไปยืนจูบกับผู้ชาย ไม่อายฟ้าอายดินก็อายญาติคนตายบ้าง" เกินไปแล้วนะ "ก็หมอมาใหม่หล่อซะขนาดนั้น สงสัยช่วงล่างของหล่อนมันจะสั่น คิก ๆ" ฉันกำมือแน่น พร้อมกับหายใจเข้าลึก ๆ ฉันหลับตาพริ้มลงเพื่อระงับความโกรธ "คิก ๆ" เสียงหัวเราะอย่างสนุกสนาน กำลังเป็นตัวกระตุ้นโสตประสาทฉัน และฉันก็สติแตก แต่ทว่า "ทำเหมือนที่ผมเคยบอกสิ อร" เสียงทุ้มลึกของใครบางคนดังขึ้น ฉันรู้สึกอบอุ่นที่มือเขาจับมือฉัน ฉันลืมตาขึ้นเพื่อจะได้เห็นใบหน้าแสนคุ้นเคย "หมอ..." เขายิ้มให้ฉัน ฉันเริ่มทำตามที่เขาเคยบอกฉันไว้ 'หายใจเข้าลึก ๆ ผ่านจมูก และหายใจออกทางปาก โดยหายใจออกให้ยาวกว่าหายใจเข้า 2 เท่า ทำซ้ำ 5 ครั้ง' มันได้ผล ฉันรู้สึกผ่อนคลายขึ้นมาก ติ้ง! เสียงแจ้งเตือนลิฟต์ดังบอกว่าถึงชั้นสิบห้าแล้ว ชั้นของห้องผู้ป่วยหนัก พยาบาลสองคนนั้นเดินออกจากลิฟต์ เหมือนพวกเธอจะรู้แล้วว่าฉันอยู่ในลิฟต์ด้วย ฉันกำลังจะก้าวขาเดินออก แต่คนที่จับมือฉันไว้กลับไม่ยอมปล่อย "ไม่อยู่คุยกับหมอหน่อยเหรอครับ คุณคนไข้" เขาเอ่ยถามฉันเสียงเบา ทันใดนั้นลิฟต์ก็ปิดตัวลง ก่อนมันจะเคลื่อนตัวลงไป "แหะ ๆ" ฉันยิ้มแหย่ ๆ ให้เขาอย่างเขินอาย "กินกาแฟหน่อยไหม" เขาถามฉัน "คุยเลยไม่ได้เหรอ" เหมือนว่าเขาจะมาหาฉันเพื่อจะคุยอะไรบางอย่าง "ก็อยากกินกาแฟด้วย ไม่ได้เหรอ" อืม ทำไมต้องทำเสียงอ้อนแบบนี้ "อะ โอเค" ฉันตอบรับเสียงตะกุกตะกัก ฉันกำลังจะโดนบ่นแน่ ๆ @The Coffee 24 hr. "ทำไมไม่มาหาเลยล่ะ" ทันทีที่ฉันนั่งลง เขาก็ยิงคำถามมาทันที "พอดี เอ่อ ไม่ว่างน่ะ ช่วงนี้คนไข้เยอะมาก" ฉันเอ่ยอย่างกำลังแก้ตัว "อย่าโกหก ไม่รู้เหรอว่าผมเป็นหมออะไร" อุ้ย ลืมไปเลย "จิตแพทย์ เขาดูคนโกหกออกไม่รู้เหรอ" เขาพูดต่อ ใช่แล้วล่ะ เขาเป็นจิตแพทย์หมอประจำตัวฉันเองแหละ แต่ว่าฉันไม่ได้เป็นคนไข้ของเขาแบบมีชื่อ ก็คือฉันไม่ได้เข้ารับการรักษาแบบทางการ เรื่องที่ฉันป่วยมันเป็นความลับน่ะฉันก็เลยขอให้เขาช่วย เรารู้จักกันตอนที่ฉันเรียนเฉพาะทาง ฉันบังเอิญรู้จักเขาก็เลยขอให้เขาช่วย แปลกที่เขาตอบรับอย่างว่าง่าย "ไม่อยากหายหรอกเหรอ ถึงไม่มา รู้ใช่ไหมถ้าคนไข้ไม่มาตามนัด หมอจะทำอะไร" เขาว่าพลางจ้องฉันเขม็ง "เอ่อ?..." ฉันพูดไม่ออกเลยแฮะ "ลาเต้ เหมือนเดิมนะ" เขาถามฉันหลังจากที่เห็นว่าฉันเงียบ ฉันพยักหน้าตอบรับ ก่อนที่เขาจะลุกขึ้นไปสั่ง รอสักพักเขาก็กลับมาพร้อมกับกาแฟในมือ "เร็วดีนะ" ฉันพยายามชวนเขาคุย เพราะรู้สึกว่าฉันจะโดนบ่นยาว "หึ" เขาแค่นหัวเราะในลำคอ "เอ่อ หมอไทม์คะ คือ เอ่อ คราวหน้าฉันจะไปตามนัดทุกครั้งเลยค่ะ" ฉันรีบพูดบอกเขาทันทีที่เห็นเขาเงียบ "ไม่จำเป็นหรอก" เอ๊ะ?? "เพราะหลังจากนี้ ผมจะไปหาคุณเอง" ห๊า ! "ตึกเราอยู่ไกลกันมากเลยนะคะ" มันไกลชนิดที่ว่าต้องขับรถมาเลยล่ะ "มีหมอที่ไหนมาหาคนไข้ มีแต่คนไข้ที่ต้องไปหาหมอนะคะ" เหมือนเขาจะเพี้ยนแฮะ "ผมไง" เขาตอบหน้าตาย ใบหน้าหล่อของเขานิ่งเหมือนจะบอกว่าไม่เห็นแปลกตรงไหน "แหะ ๆ " ฉันยิ้มแหย่ ๆ ให้เขาอีกครั้ง ก็แหงสิ นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ฉันบอกเขาว่าฉันจะไปตามนัด สุดท้ายแล้วฉันก็ผิดนัดทุกครั้ง สงสัยเขาจะไม่ทนละ "เมื่อกี้ ที่ลิฟต์" เขานิ่งสักพักหนึ่งก่อนจะเอ่ยถามฉัน สงสัยจะใช้เวลาคิดว่าจะถามดีไหม "ไม่มีอะไรค่ะ เรื่องเข้าใจผิด" ฉันแก้ต่างเรื่องที่ฉันไปยืนจูบกับพัช แต่ทว่า "คนไข้เสียชีวิตสองคนน่ะนะ" เอ่ออ ฉันเข้าใจผิดเอง "อ้อ อันนั้นเรื่องจริงค่ะ" ฉันตอบเสียงเศร้าเล็กน้อย ถ้าฉันทำอะไรแบบนี้กับผู้หญิงพวกนั้น พวกหล่อนก็จะบอกว่าฉันกำลังตีหน้าเศร้า แต่สำหรับจิตแพทย์แบบเขา แน่นอนว่าเขาต้องดูออกว่าฉันเศร้าจริง ฉันก็เรียนมาเหมือนกันนะวิชาจิตวิทยาเบื้องต้น เขาเรียนลึกชนิดที่ว่าแค่มองก็รู้ว่าคิดอะไร "ไง" ไงอะไรเหรอ "*-*" "ไหวไหม?" เขาพูดเสียงนิ่ง แต่ฉันกลับรับรู้ได้ถึงความเป็นห่วงในน้ำเสียงของเขา มันทำให้ฉันน้ำตาคลอ รู้อะไรไหมไม่ค่อยจะมีใครมาถามฉันอะไรแบบนี้หรอกนะ พอมีคนพูดเท่านั้นแหละ ฉันเหมือนได้รับการเยียวยาแต่ไม่ทันได้พูดอะไร เสียงทุ้มของใครบางคนก็ดังขึ้น "หมออายุรกรรมนี่ว่างเนอะ!" 30 นาทีก่อนหน้านี้... "ไปไหนของเธอแล้ว" ผมพึมพำกับตัวเองหลังจากที่กลับมาหาอรอยู่สวนดอกไม้ ผมเพิ่งเข้าผ่าตัดเสร็จเคสนี้หนักเอาการ แต่ว่างานของผมไม่ได้หนักอย่างที่คิด ผมแค่ผ่าเอาเลือดในช่องท้องออกก่อนจะเย็บกลับ แล้วส่งต่อไปผ่ากระดูกที่ทิ่มปอดอยู่ออก ซึ่งนั่นไม่ใช่งานของผม "หรือจะกลับไปทำงานแล้ว แต่เธอทำอยู่วอร์ดไหนนะวันนี้" ผมรู้มาว่าอรทำงานที่นี่จากน้ำผึ้งเพื่อนผม เธอเรียนอายุรกรรม (การรักษาให้หายด้วยยา) ก็แหงสิกลัวการผ่าตัดซะขนาดนั้น "หรือจะไปหาผู้ชายที่ไหน" หึ เธอก็มีผู้ชายเข้าหาไม่ซ้ำหน้าซะขนาดนั้น แถมวันนี้ผมยังเห็นภาพบาดตาอีก เธอยืนคุยกับผู้ชายคนนั้นอย่างสนิทสนม ผมจะไม่อะไรเลยถ้านั่นไม่ใช่แฟนใหม่ดา บอกตรง ๆ ว่าผมไม่อยากให้ดาเจ็บปวด กึก! ผมหยุดเดินทันทีที่เห็นว่ามีผู้หญิงคนหนึ่งเดินมากับผู้ชาย ทั้งสองกำลังออกมาจากลิฟต์อาคารผู้ป่วยหนัก อรเธอเดินอยู่กับใครน่ะ ผมรีบเดินตามพวกเขาทั้งสองคนไป ผมเหมือนกับเป็นพวกสตอล์กเกอร์ ดูสนิทสนมกันจริง ๆ เลยนะ สงสัยที่เคยบอกชอบผมเธอคงลืมไปแล้ว แต่ผมไม่ลืมหรอกนะ อรกับผู้ชายคนนั้นเดินเข้าร้านกาแฟ ชิ พูดไปขำไป ไม่เหมือนตอนที่อยู่กับผมเอาแต่ร้องไห้ ส่วนไอ้หน้าหล่อนั่นเป็นหมอไม่ไปดูแลคนไข้วะ มานั่งจีบกันอยู่ได้หรือว่าสองคนนั้นจะเป็นแฟนกัน ไม่ได้การละผมต้องเข้าไปถามให้รู้แล้วรู้รอด @The coffee 24 hr. "หมออายุรกรรมนี่ว่างเนอะ!" เสียงตวาดดังลั่นทำให้ฉันลุกขึ้นยืนทันทีเหมือนกับว่ามันเป็นปฏิกิริยาอัตโนมัติ หมอไทม์หันไปตามต้นเสียง "พัช..." ฉันเอ่ยเรียกชื่อเขาเสียงอ่อน "ทำไม เห็นหน้าผัวตกใจอย่างกับเห็นหน้าผี" เขาพูดอะไรของเขา "ผัว?" หมอไทม์หันหน้ามาถามฉันอย่างนึกสงสัยกับสรรพนามที่พัชใช้เรียกตัวเอง "เรื่องเข้าใจผิดน่ะค่ะ" ฉันตอบเขา เขาลุกขึ้นยืนมองฉันกับพัชนิ่ง "เหรอ ฉันว่าฉันไม่ได้เข้าใจอะไรผิดนะ ทำไมกลัวผัวใหม่จะเข้าใจผิดเหรอ" เกินไปแล้วนะ "พูด บ้..." "มันก็น่าจะเข้าใจผิดอยู่นะ ถ้าผัวเก่ายังหวงก้างแบบนี้" ฮะ! ฉันที่ยังพูดไม่จบ แต่หมอไทม์ดันแทรกขึ้นมาซะก่อน แต่เขาพูดเหมือนกับว่าเขายอมรับว่าเขาเป็นผัวใหม่ฉัน ฉันตกใจทำอะไรไม่ถูก "หึ คิดไม่ผิดเลยสักนิด" พัชแค่นหัวเราะออกมา เขามองมาที่ฉันจนฉันถึงกับต้องหลบตา เขามันน่ากลัวเกินไป "หมอไทม์ไม่ใช่ผัวใหม่ฉัน" อยู่ ๆ ฉันก็พูดขึ้นมาเหมือนกับว่ากลัวพัชจะเข้าใจผิด "หึ" พัชกระตุกยิ้มอย่างพึงพอใจ "ยังไม่ใช่ แต่อีกไม่นานหรอกนะ" หมอไทม์พูดขึ้นมาอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย เขาทำฉันอึ้ง "หรอกเหรอ ให้ตายยังไงยัยนี่ก็เป็นของตายของฉัน" พัชพูดขึ้นอย่างเป็นต่อ ของตายเหรอทำไมฉันเจ็บใจชะมัด มันเหมือนกับว่าฉันกำลังถูกมีดผ่าตัดกรีดลงมาตรงที่หัวใจ เขามองฉันเป็นของตายมาตลอดสินะ "พูดอะไรกรุณาให้เกียรติหมออรด้วย!" หมอไทม์ตวาดเสียงดังลั่น เหมือนเขากำลังโกรธ "ทำไม ทำไมกูจะพูดไม่ได้!" พัชตวาดกลับ ก่อนจะเดินเข้ามากระชากคอเสื้อหมอไทม์ "พัช! พอได้แล้ว" ฉันร้องตวาดดังลั่นออกมาเหมือนกัน ตอนนี้ในร้านกาแฟ มีแค่เราสามคน "เธอปกป้องมันเหรอ" พัชพูดเสียงลอดไรฟัน ขณะที่ยังคงจ้องหมอไทม์อยู่ "ใช่ ถึงฉันจะเป็นของตายแต่ฉันก็มีหัวใจ" ฉันพูดขึ้นพร้อมกับน้ำตาที่กำลังคลอเบ้า ก่อนที่มันจะไหลออกมาช้า ๆ โดยไม่มีเสียงสะอื้น "โธ่เว้ยย!" พัชสบถอย่างหัวเสีย พลั่ก! เขาผลักหมอไทม์ ก่อนจะหันมาจ้องฉันนิ่ง "เธอไม่ร้องไห้สักครั้งมันจะตายไหม!" เขาตวาดใส่ฉัน ก่อนจะเดินกระแทกไหล่ฉันออกไป “อยากเล่าอะไรไหม" หลังจากที่ฉันยืนเงียบสักพัก หมอไทม์ก็เอ่ยขึ้นมา จะให้เล่าอะไรดีล่ะ 'พอดีฉันกับเขามีอะไรกันทั้ง ๆ ที่เขามีแฟนแล้ว และเขาก็คิดว่าฉันเป็นต้นเหตุให้เขาต้องเลิกกับแฟน' อย่างงี้เหรอ บอกเลยว่าฉันละอายใจ "-_-" "ถ้าอยากแบ่งเบาความเจ็บปวด ผมรอเสมอนะ" เขาคงพูดในฐานะที่เป็นแพทย์ประจำตัวฉันมั้ง "-_-" "ไม่ใช่ในฐานะหมอ" "0.0" "แต่ในฐานะ...ผู้ชายคนหนึ่ง" 0.0 ฉันไม่รู้ว่าจะทำยังไงเลยรีบวิ่งออกไปจากร้านกาแฟ เขาจะจีบฉันงั้นเหรอ?
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม